Skip to main content
sharethis

กลุ่มคนรักหลักประกัสุขภาพ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ และอนุทิน แดสงจุดยืนค้านมติ ครม. ตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้าน และงบสาธารณสุข 938.4 ล้าน ชี้ทั้งสองส่วนคือ งบประมาณที่จำเป็น เพราะเป็นรายจ่ายประจำที่เป็นไปเพื่อการจัดสวัสดิการแห่งรัฐ

23 เม.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนรักหลัประกันสุขภาพ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก เผยแพร่ผ่านทางแฟนเพจเฟสบุ๊ค เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่มีเห็นชอบพิจารณาโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ในกรอบวงเงิน 100,395 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และปัญหาภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่น โดยมีการพิจารณาตัดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรืองบ “บัตรทอง” จำนวน 2,400 ล้านบาทและงบประมาณกระทรวงสาธารณสุข 938.4 ล้านบาท

โดยกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพเห็นว่า งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ งบบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาทคือเงินในส่วนที่เรียกว่า ค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 49 ล้านคน ถือเป็นงบกองทุนรักษาพยาบาล เป็นลักษณะรายจ่ายประจำที่เป็นไปเพื่อการจัดสวัสดิการแห่งรัฐ หรือค่าใช้จ่ายรายหัวตามสิทธิพื้นฐานจากการบริการของรัฐที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน อันเป็นหลักการสำคัญที่จะไม่นำงบประมาณรายจ่ายส่วนนี้ไปจัดทำร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย ขณะที่งบประมาณกระทรวงสาธารณสุข 938.4 ล้านบาท งบลงทุนซ่อม-สร้างอาคาร ห้องพักผู้ป่วย ห้องพักเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ไม่ใช่งบประมาณค่าใช้จ่ายในการสัมมนา การฝึกอบรม การประชาสัมพันธ์ การจ้างที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ หรืองบบริหาร ซึ่งหากมีการดึงงบประมาณส่วนนี้ไป ย่อมส่งผลกระทบกับโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศและคุณภาพในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยรวม

อีกทั้ง ภายใต้วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโครานาสายพันธุ์ใหม่นี้ อาจดูเหมือนว่า ประชาชนมารับการรักษาพยาบาลตามหน่วยบริการต่างๆน้อยลง แต่นั่นเป็นเพราะประชาชนได้รับคำแนะนำให้ชะลอการเข้ามารับการรักษาพยาบาล อีกทั้งโรงพยาบาลต้องดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อลดความแออัดของหน่วยบริการเพื่อให้รองรับกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ภาระโรค หรือภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของประชาชนจะลดน้อยลงไป หากงบประมาณด้านรักษาพยาบาลถูกปรับลดลง จะสร้างภาระด้านการเงิน เพิ่มภาระการบริหารจัดการภายใน จะส่งผลต่อภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลประชาชนในภาพรวมอย่างแน่นอน ดังนั้น แม้คณะรัฐมนตรีจะเตรียมงบประมาณสนับสนุนการรักษาพยาบาลโควิด-19 ก็ไม่พึงตัดลบงบประมาณกองทุนบัตรทองและค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ

กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ได้เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีทบทวนรายละเอียดดังกล่าว โดยยกเลิกการตัดงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2,400 ล้านบาทและงบประมาณกระทรวงสาธารณสุข 938.4 ล้านบาทไปจัดทำร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย และขอให้การใช้จ่ายงบประมาณต่างๆตาม พ.ร.บ.โอนเงินฯ และ พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับเป็นไปอย่างเปิดเผยโปร่งใส เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง แม้จะเป็นการใช้จ่ายอย่างเร่งด่วนในภาวะวิกฤติก็ตาม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net