หลังเยาวชน 'จะนะรักษ์ถิ่น' ปักหลักรอฟังคำตอบหน้าศาลากลางว่าจะเดินหน้าเวทีรับฟังความคิดเห็นตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ อ.จะนะ หรือไม่ ล่าสุดเลขา ศอ.บต. แจ้งเลื่อนเวทีรับฟังไปก่อนเนื่องจากโควิด-19 และเดือนรอมฏอน โดยจะแจ้งวัน เวลา และสถานที่ใหม่อีกครั้ง แต่ยังเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์และเอกสาร
ไครียะห์ ระหมันยะ เยาวชนจากชุมชนประมง อ.จะนะ จ.สงขลา ปักหลักที่ศาลากลางจังหวัดสงขลาเมื่อ 13 พ.ค. 63 เพื่อรอฟังคำตอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจะเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะหรือไม่ ล่าสุดเลขาธิการ ศอ.บต. แจ้งเลื่อนเวทีรับฟังความคิดเห็นไปก่อน (ที่มา: แฟ้มภาพ/Protection International)
ตามที่มีการนำเสนอข่าวเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ยื่นหนังสือต่อจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผวจ.สงขลา เพื่อส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาสั่งการให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ยกเลิกการจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน และ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา เกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ จ.สงขลา ในวันที่ 14 ถึง 20 พ.ค. 63 และให้ทบทวนโครงการ “จะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจำนวน 18,680 ล้านบาท โดยโครงการนี้มี ศอ.บต. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการ
ทั้งนี้หลังยื่นหนังสือ ไครียะห์ ระหมันยะ ลูกสาวชาวประมงใน อ.จะนะ จ.สงขลา ยืนยันจะปักหลักหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อรอคำตอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา โดยตลอดทั้งคืนมีไครียะ มารดา และเพื่อนของไครียะรวม 3 คนปักหลักที่หน้าศาลากลางในช่วงเวลากลางคืน และถือศีลอดเดือนรอมฏอนช่วงกลางวัน มาจนถึงวันที่ 13 พ.ค. นั้น
ล่าสุด พล.ร.ต. สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ออกประกาศ ศอ.บต. ลงวันที่ 13 พ.ค. 63 เรื่อง แจ้งเลื่อนการแสดงความคิดเห็นด้วยวาจา ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยให้เหตุผลว่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 แม้จะมีมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด รวมทั้งความไม่สะดวกของประชาชนในช่วงถือศีลอดในเดือนรอมฎอน จึงเลื่อนการประชุมรับฟังความคิดเห็นออกไป และจะแจ้งวัน เวลา และสถานที่ที่เหมาะสมนโอกาสต่อไป ส่วนช่องทางรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและรูปแบบหนังสือยังเปิดให้แสดงความคิดเห็นไว้
อนึ่งตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ 7 พ.ค. ภาคประชาสังคมชายแดนใต้และทั่วประเทศ ได้ใช้แฮชแท็ก #SAVECHANA ในวาระครบรอบ 1 ปี มติคณะรัฐมนตรีในสมัย คสช. ที่ประกาศให้ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพทะเลและวิถีชีวิตชาวประมงจะนะ พร้อมติดแฮชแท็ก #SAVECHANA เพื่อคัดค้านโครงการพัฒนาพื้นที่เป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตามมติคณะรัฐมนตรี 21 ม.ค. 2563
สำหรับมติคณะรัฐมนตรี 21 ม.ค. 2563 เป็นการอนุมัติหลักการของแผนเร่งด่วน "การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา" โดยโครงการดังกล่าวตามแผนจะมีเนื้อที่ 16,753 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 18,680 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานประมาณ 1 แสนอัตรา มีกิจกรรม 6 ประเภท 1.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมเบา จำนวน 4,253 ไร่ 2.พื้นที่อุตสาหกรรมหนัก จำนวน 4,000 ไร่ 3.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า จำนวน 4,000 ไร่ จำนวน4 โรง กำลังผลิตรวม 3,700 เมกะวัตต์ 4.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมต่อเนื่องกับกิจกรรมหลังท่าเรือ จำนวน 2,000 ไร่ 5.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจายสินค้า จำนวน 2,000 ไร่ และ 6.พื้นที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและแหล่งที่พักอาศัย จำนวน 500 ไร่
สำหรับแถลงการณ์ของเครือข่าย 'จะนะรักษ์ถิ่น' ที่ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเมื่อ 12 พ.ค. ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษและนิคมอุตสาหกรรมจะนะดังกล่าว โดยระบุว่า เวทีนำเสนอโครงการและรับฟังความคิดเห็นทั้งเวทีเล็กและใหญ่ "ไม่มีการให้ข้อมูลอย่างรอบด้านทั้งก่อนและในเวทีรับฟังความคิดเห็น" เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นอ้างว่า เวทีดังกล่าวยังมีลักษณะการปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น ห้ามคนต่างหมู่บ้านที่อยู่ในตำบลเดียวกันแสดงความคิดเห็น หรือสอบถามข้อมูล โดยอ้างว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ทั้งๆ ที่โครงการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้าง
"ทางเครือข่ายเห็นว่าการดำเนินการที่ผ่านมานั้นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักการของกระบวนการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทั้งที่โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง ศอ.บต.จึงควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการดังกล่าวอย่างมีมาตรฐานและมีธรรมาภิบาล" แถลงการณ์ตอนหนึ่งของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นระบุ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)