เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการยื่นหนังสือเรียกร้องให้นายกฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติอีกครั้ง หลังมีมติไม่รับรองกฎหมายดังกล่าว ย้ำการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคนคนเดียวสร้างความเสียหายให้คนทั้งประเทศ
8 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ เวลาประมาณ 10.30 น. เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เดินทางมายังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเสนอข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทบทวนกฎหมายเงินบำนาญ 3,000 บาทถ้วนหน้า หลังนายกฯ มีบัญชาไม่รับรองร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้ไม่ไม่สามารถส่งต่อไปให้รัฐสภาพิจารณาได้
อภิวัฒน์ กวางแก้ว เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ
อภิวัฒน์ กวางแก้ว และนิมิตร์ เทียนอุดม จากเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ผู้ผลักดัน พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ ฉบับประชาชน เป็นตัวแทนเครือข่ายอ่านแถลงการณ์คัดค้านและประณามการปฏิเสธร่างกฎหมาย โดยระบุว่าการไม่รับรองกฎหมาย พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติของนายกรัฐมนตรีถือเป็นการตัดสินใจของบุคคลเพียงคนเดียว ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนกว่า 70 ล้านคน ถึงแม้จะอ้างเหตุผลว่าได้ปรึกษาและได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 7 หน่วยงาน แต่ทางกลุ่มถือว่าการตัดสินใจนี้ไม่ชอบธรรม เพราะปราศจากความคิดเห็นของประชาชน เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการและภาคประชาชนเครือข่ายอื่นๆ จึงเรียกร้องให้นายกฯ ทบทวนการรับร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ ซึ่งเข้าเสนอโดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 13,246 รายชื่อ และขอให้นายกฯ นำกฎหมายฉบับนี้กลับมาพิจารณาเพื่อส่งเรื่องต่อไปยังรัฐสภาได้โดยเร็ว รวมถึงขอให้จัดตั้งเวทีสาธารณะเพื่อให้นายกฯ ชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน
ธนพร วิจันทร์ ตัวแทนจากเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษยชน
ธนพร วิจันทร์ ตัวแทนจากเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษยชน วิจารณ์การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าดำรงตำแหน่งมาหลายปีแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนได้ ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่าหากกฎหมายบำนาญยังทำไม่ได้ แล้วคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆ ของประชาชนจะดีได้อย่างไร ส่วน หนูเกณ อินทจันทร์ ตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค หนึ่งในผู้ร่วมปราศรัย กล่าวว่า ตนรู้สึกมีความหวังว่าหลังจากทำงานมาทั้งชีวิตจะได้รับสวัสดิการหลังเกษียณ แม้ตนจะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล แต่ก็ถือเป็นแรงงานที่เสียภาษีทางอ้อมให้แก่รัฐ ทว่า ผ่านไป 1 ปี นายกฯ กลับปัดตกกฎหมายฉบับนี้ ทำให้ตนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ร่วมปราศรัย โดยระบุว่า คุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงานนั้นย่ำแย่ เงินเดือนแทบไม่พอใช้ ไม่มีเหลือส่งให้พ่อแม่ และถ้าตนถึงวัยเกษียณ สุดท้ายก็ต้องแก่แบบไร้เงินออม พร้อมตั้งคำถามทำไมเสียงประชาชนที่เสนอรายชื่อตามกฎหมายถึงไม่สำคัญเท่ากับเสียงนายกฯ เพียงแค่คนเดียวที่ปัดกฎหมายตกไป
เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการเน้นย้ำว่าการจัดสวัสดิการบำนาญถ้วนหน้าเดือนละ 3,000 บาทให้แก่ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนสูงวัย และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยภายหลังตัวแทนกลุ่มอ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกฯ มารับหนังสือจากผู้ชุมนุม หลังจากนั้นจึงยุติกิจกรรม
ระหว่างกิจกรรม มีชายสูงวัยคนหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อ) ขู่จะใช้มีดกรีดคอตัวเอง โดยอ้างว่าตนเดินทางมาจาก จ.ปทุมธานี มีความเครียดเครียดเนื่องจากถูกบังคับให้เซ็นเอกสาร จนมีหนี้สินจำนวนมาก เคยขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ย และนำตัวชายคนดังกล่าวมาสงบสติอารมณ์บริเวณหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุก สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงให้คำแนะนำและรับเรื่องเพื่อช่วยเหลือ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)