Skip to main content
sharethis

กลุ่มทะลุฟ้าจัดกิจกรรม #นะจ๊ะพ่อมึงติ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น ปราศรัยวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ ด้าน ‘ไผ่ ดาวดิน’ ขึ้นเวทีขอพี่น้องอย่าเพิ่งท้อ จงสู้ต่อไป

1 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 ก.ค. 2564) กลุ่มทะลุฟ้าจัดกิจกรรมชุมนุม #นะจ๊ะพ่อมึงติ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น โดยเริ่มตั้งเวทีและเครื่องเสียงตั้งแต่เวลาประมาณ 15.30 น. พร้อมประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กทะลุฟ้า – thalufah ว่าจะเริ่มทำกิจกรรมอย่างเป็นทางการในเวลา 17.05 น. เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า เมื่อเวลา 16.50 น. ตำรวจจาก สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ขอนแก่น ประกาศให้กลุ่มทะลุฟ้ายุติการชุมนุม #นะจ๊ะพ่องมึงติ โดยอ้างสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัด ด้านผู้ชุมนุมยืนยันจัดกิจกรรมต่อ โดยระบุว่าการตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าร่วมกิจกรรมตามมาตรการรักษาระยะห่าง มีการวัดอุณหภูมิร่างกาย และลงชื่อก่อนเข้าพื้นที่ พร้อมกำชับผู้เข้าร่วมให้ใส่หน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างระหว่างชุมนุม

ภาพจากทวิตเตอร์ศุนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
 

ต่อมาเวลา 17.05 น. ตามนัดหมาย มีนักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุฟ้า, UNME of Anarchy และกลุ่มดาวดิน สลับสับเปลี่ยนขึ้นมาปราศรัยและแสดงดนตรีบนเวที โดยเริ่มจากการแสดงดนตรีของจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และเพื่อนสมาชิก ตามด้วยการขึ้นปราศรัยของ พี (นามสมมติ) จากกลุ่ม UNME of Anarchy ในเรื่องวิวัฒนาการและที่มาของรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่าในประวัติศาสตร์ของไทย นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 เรามีรัฐธรรมนูญ 13 ฉบับที่มาจากคณะรัฐประหาร แสดงให้เห็นว่ากฎหมายสูงสุดของประเทศไม่ได้เกิดขึ้นตามเจตจำนงของประชาชนซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่รัฐธรรมนูญที่มาจากเจตจำนงประชาชนจริงๆ มีเพียง 2 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญปี 2489 และ 2540

พีกล่าวว่า ปัจจุบัน เราใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งมาจากการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมี ส.ว. 250 แต่งตั้งโดย คสช. และเป็นกลไกลในการสืบทอดอำนาจของตนเองและพวกพ้อง

“สิทธิทางการเมืองของทุกคนมีค่ามาก ถ้าเรารวมกัน​ เสียงของเราจะมีพลัง ถ้าเรารวมกัน​ เสียงของเราก็จะส่งถึงผู้มีอำนาจ ถ้าเรารวมกัน​ เราจะสามารถสร้างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนได้” พีกล่าว

ต่อมาเวลา 18.40 น. จตุภัทร์ เป็นผู้นำกิจกรรม “หารือ รื้อระบอบประยุทธ์” โดยให้ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมนั่งล้อมวงแบบรักษาระยะห่าง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ตลอด 7 ปีที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างมีประสบการณ์ที่แตกต่างหลากหลายกันไป เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ปัญหาการศึกษาที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกไม่มีอนาคต นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์มาเล่าเรื่องราวปัญหาการทำงานในช่วงโควิด-19 และมีตัวแทนคนเสื้อแดงมาทวงความเป็นธรรมให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ถูกสังหารให้ปี 2553 พร้อมกันนี้ จตุภัทร์ยังให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมช่วยกันคิดหาทางออกว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร และเน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาบ้านเมืองต้องเกิดจากการปลูกฝังจิตสำนึกของความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องออกมาเรียกร้องในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พร้อมขอร้องว่าอย่าหมดหวังในการต่อสู้

ภาพกิจกรรมจากกลุ่มทะลุฟ้า - thalufah
 

หลังจากนั้น วชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ ขอนแก่นพอกันทีได้ขึ้นเวทีปราศรัยวิจารณ์เรื่อง ส.ว. 250 คนไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันยุติระบอบอำนาจนิยมและลบล้างมรดกของ คสช. นอกจากนี้ ยังมียาใจ จากกลุ่มทะลุฟ้า และกีกี้ จากกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก ขอนแก่น ร่วมกล่าวปราศรัยวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและการเขียนรัฐธรรมนูญที่ไร้ซึ่งความเท่าเทียม

ต่อมา ศรายุทธ นาคมณี หรือโจ UNME of Anarchy ขึ้นกล่าวปราศรัยเรื่องปัญหาของกฎหมาย ม.112 โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์นำ ม.112 มาใช้ควบคู่กับกฎหมายมาตราอื่นๆ เพื่อทำลายการตั้งคำถามและการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสถาบันกษัตริย์ อีกทั้งการที่ประชาชนตั้งคำถามว่าหน้าที่ของสถาบันกษัตริย์คืออะไร ซึ่งเป็นคำถามง่ายๆ ตามหลักรัฐศาสตร์ ก็ยังโดนแจ้งความเอาผิด สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ากฎหมาย ม.112 เป็นกฎหมายที่มีปัญหา

นอกจากนี้ ศรายุทธ ยังกล่าวว่า ม.112 เป็นกฎหมายที่ร่างไว้อย่างไม่ชัดแจ้ง หาขอบเขตของกฎหมายไม่ได้ เพราะไม่ได้ระบุไว้ว่าต้องกรทำอย่างไรถึงจะถือว่ามีความผิด ยิ่งกฎหมายนี้มาเจอกับคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับหนึ่งที่นำรัฐธรรมนูณมาตรา 6 จึงได้ผลมาว่า “สถาบันกษัตริย์นั้นดำรงอยู่สถานะที่เป็นที่เคารพสักสาระจึงอยู่เหนือคำติชมทั้งปวง” และเป็นบรรทัดฐานที่ทำลายรากฐานประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ปนัดดา สิริมาสกุล หรือต๋ง ทะลุฟ้า กล่าวปราศรัยวิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ในการจัดการโควิด-19 พร้อมวิจารณ์คำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ์ “ช่วยทั้งหมดแล้วจะเอาอะไรอีก” ว่าเป็นการไม่ให้เกียรติประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนอย่ากลัวที่จะออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หลังจากนั้น กลุ่มทะลุฟ้าได้เปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับกิจกรรมยืนทะลุฟ้าที่หน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น ถ.มิตรภาพ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน

ในช่วงท้าย จตุภัทร์ขึ้นกล่าวปิดการจัดกิจกรรม พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนช่วยกันปลดโซ่ตรวน อย่าคิดว่าทำไม่ได้ เราต้องคิดว่าเราทำได้ ในวันที่ประชาชนแข็งแกร่งขึ้น ถือว่ายังมีโอกาสในการต่อสู้เสมอ ก่อนลงจากเวที จตุภัทร์ ขอให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมตะโกนคำว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” และขอให้ตะโกนคำว่า “นะจ๊ะพ่อมึงติ” เป็นสำเนียงอีสาน ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรมในเวลาประมาณ 21.20 น.

4kr0
ภาพของจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่) ขณะปราศรัยในช่วงท้ายของกิจกรรม
(ภาพจากกลุ่มทะลุฟ้า)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net