Skip to main content
sharethis

22 ส.ค. 2564 We, The People จัดกิจกรรม #ยืนหยุดทรราช ที่ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางฝนตก และสภาพเมืองที่เงียบเชียบในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมต้องการออกมาเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมือง ยกเลิกมาตรา 112 ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเรียกร้องวัคซีนที่มีคุณภาพ

17.00 น. ประชาชนประมาณ 30 คน เริ่มมารวมตัวที่ลานสามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ โดยถือธงและแขวนภาพนักโทษการเมือง รวมถึงป้ายข้อความเรียกร้อง อาทิ "ยกเลิก 112", "ปล่อยเพื่อนเรา" และ "เดินหยุดทรราช" โดยยืนห่างกันประมาณ 3-4 เมตร

ป้ายรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ที่ลานสามกษัตริย์

ป้ายรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ที่ลานสามกษัตริย์

ประมาณ 17.20 น. ผู้ร่วมกิจกรรมเดินขบวนจากลานสามกษัตริย์ไปยังประตูท่าแพ ขณะที่ร้านรวงส่วนใหญ่ไม่เปิดให้บริการ และไม่มีนักท่องเที่ยวหนาตา ระหว่างทางมีชาวต่างชาติ และผู้ขับขี่รถยนต์ชู 3 นิ้วให้กำลังใจ เมื่อถึงประตูท่าแพ ผู้ร่วมกิจกรรมร่วมตะโกนว่า "ปล่อยเพื่อเรา" "ประยุทธ์ออกไป" และ "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" ก่อนจะเดินทางกลับมายังลานสามกษัตริย์ ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา และยืนต่อจนถึงเวลา 18.12 น.

ชาวต่างชาติชู 3 นิ้วให้กำลังใจผู้ร่วมกิจกรรมระหว่างทาง

ชาวต่างชาติชู 3 นิ้วให้กำลังใจผู้ร่วมกิจกรรมระหว่างทาง

‘หยอด’ ศิลปินผู้มาร่วมกิจจกรรม กล่าวว่า กิจกรรมนี้มีมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า ส่วนรอบล่าสุดจัดมาเป็นวันที่ 3 ตนเพิ่งได้มาเนื่องจากว่างวันนี้พอดี มาร่วมเพราะสนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเคลื่อนไหว และเพื่อรณรงค์ให้ปล่อยนักโทษการเมือง ไม่ใช่แค่แกนนม็อบำ แต่รวมไปถึงนักโทษการเมืองคนอื่นๆ โดยเฉพาะมาตรา 112 ธงในกิจกรรมวันนี้มีทั้งให้ปล่อยนักโทษ และยกเลิกมาตรา 112 ด้วยก็เลยออกมา

“ทำเท่าที่จะทำได้ ทำเท่าที่จะมีโอกาสครับ” หยอดกล่าว

หยอดกล่าวอีกว่า ถ้าทำอะไรแล้วบ้านเมืองเป็นผู้เป็นคน เป็นประชาธิปไตยแบบมีสติสตังสักหน่อย ตนก็พร้อมออกมาสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรูปแบบใด กิจกรรมยืนหยุดขัง 1 ชั่วโมง 12 นาที ก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง ส่วนม็อบ หรือศิลปะ หรือกิจกรรมอื่นๆ ก็ร่วมด้วยเท่าที่จะร่วมได้

เมื่อถามว่าอะไรอะไรในบ้านเมืองที่เขาเห็นว่าไม่มีสติสตังบ้าง หยอดตอบว่า “โอ้โห จะยาวนะครับ” ก่อนอธิบายว่า หลักพื้นฐาน หรือความเป็นเหตุเป็นผลของบ้านเมือง ของรัฐ กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจ สังคม หรือการจัดการเรื่องโรคระบาด มันยิ่งกว่าบูดเบี้ยว คิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะไม่ดีมากๆ ไม่ใช่แค่ในรุ่นของเรา แต่ในอนาคตด้วย

“คือผมก็คิดว่าผมเป็นคนบ้าๆ บอๆ พอสมควร แต่ว่าเราก็ต้องหล่อเลี้ยงสติสตังเพื่อช่วยรณรงค์หรือผลักดันในบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพื่อให้ความไม่มีสติสตังแบบอื่นๆ ได้มีที่ยืน ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคนอื่น ได้มีสิทธิมีเสียง ได้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขแบบบ้านเมืองโลกที่หนึ่งอื่นๆ ทั่วไป” หยอดกล่าว

ขบวน #ยืนหยุดทรราช ขณะเดินไปยังประตูท่าแพ

ขบวน #ยืนหยุดทรราช ขณะเดินไปยังประตูท่าแพ

จิรายุ ผู้ร่วมกิจกรรมที่ยืนอ่านหนังสือเกือบตลอดเวลา กล่าวว่า การยืนหยุดขังเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่ได้หยุดนิ่ง คนส่วนใหญ่คือคนที่ออกมาแล้ว ณ ตอนนี้ และเชื่อว่าอยู่บ้านไม่ได้อะไร จะเอาแต่แชร์ทางโซเชียลมีเดียไม่ได้ก็เลยออกมา

“ประชาชนไม่พอใจ ประชาชนก็เลยต้องออกมา ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทำไมเขาถึงจะออกมาแสดงความเห็นไม่ได้ การใช้กฎหมายทุกวันนี้มันมีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง” จิรายุกล่าว

ระหว่างกิจกรรม จิรายุยืนอ่านหนังสือ Introduction to no.112 อยู่ตลอด เมื่อถามว่าทำไมเขาเลือกอ่านเล่มนี้ จิรายุตอบว่า เพราะได้รับแจกพอดี และอยากทำความเข้าใจกฎหมายมาตรานี้ให้มากขึ้น เพิ่งอ่านส่วนต้นของหนังสือ ทำให้รู้ว่ากฎหมายนี้มีมานานตั้งแต่สมัย ร.1 เดี๋ยวจะกลับบ้านไปอ่านต่อให้จบ

ผู้ร่วมกิจกรรมร่วมตะโกนว่า "ปล่อยเพื่อเรา" "ประยุทธ์ออกไป" และ "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" ที่ประตูท่าแพ

ผู้ร่วมกิจกรรมร่วมตะโกนว่า "ปล่อยเพื่อเรา" "ประยุทธ์ออกไป" และ "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" ที่ประตูท่าแพ

ขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ทราบข่าวทางเพจ เคยมารอบก่อน และรู้จักผู้ต้องขัง ตนเองอยู่ในเมือง เดินทางสะดวกก็เลยมาร่วมส่งพลังกับเพื่อน เป็นกิจกรรมที่เราทำได้

สำหรับยืนหยุดขังรอบนี้ เธอมองว่า มันแย่ที่ต้องมายืนอีก แต่การมีกิจกรรมนี้ก็หมายความว่าเพื่อนๆ เรายังมีความมุ่งมั่นที่จะกิจกรรมอะไรเพื่อเรียกร้องสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียกให้ปล่อยตัวผู้ต้องขัง ให้ผู้ต้องขังได้สิทธิในการประกันตัว หรือการเข้าถึงการรักษา ส่วนตัวก็อยากให้ประยุทธ์ออกไป

ผู้ร่วมกิจกรรมรายนี้ยกตัวอย่างว่า ขณะเดินจากลานสามกษัตริย์ไปยังประตูท่าแพ การบริหารประเทศของประยุทธ์ทำให้ร้านค้าแต่ละร้านปิดหมด เชียงใหม่ไม่เคยเป็นแบบนี้ ตอนนี้เงียบมาก อยากให้มาดูสภาพเศรษฐกิจว่าคนจะตายกันหมดแล้ว แต่เชียงใหม่ก็ยังถูกล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม

“มันเงียบมากทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ พอล็อกดาวน์ถนนคนเดินก็ไม่มี ปกติตรงนี้่จะขายของเป็นถนนคนเดินอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีเลย ปิดไปหมดเลย ร้านค้าที่เคยอยู่ข้างทางก็เงียบ คนจะอดตายกันหมดแล้ว” ผู้ร่วมกิจกรรมกล่าว

เรื่องคนถูกขังก็เงียบ เธอกล่าวว่า เธอเองก็รอฟังข่าว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ก็ได้แต่ห่วงใย แต่เราไม่รู้เลยว่าคนที่ถูกขังเป็นอย่างไร มีคนบอกว่ารอบนี้อีกนาน เราก็ไม่เข้าใจว่าอีกนานคืออะไร ทุกคนควรมีสิทธิในการประกันตัวออกมาสู้คดี ไม่ใช่เอาไปกักกันไว้อย่างนั้น

“เราอยากได้ยินเสียงของคนข้างใน มากพอๆ กับกิจกรรมว่าใครไปทำอะไรที่ไหนด้วยเหมือนกัน” ผู้ร่วมกิจกรรมรายนี้กล่าว

ก่อนจากไปเธอยังตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า เราก็อยากจะมีวัคซีนที่มีคุณภาพ คอยวัคซีนอยู่ ทำไมบ้านเมืองเราถึงได้รับวัคซีนที่ดีๆ ไม่ได้ ทำไมไม่ซื้อทีเดียวแล้วจบ การเยียวยาก็ไม่ทั่วถึง คนเชียงใหม่ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา แต่คนก็ไม่ได้อยากได้การเยียวยาเป็นเงิน แต่ขอเป็นวัคซีนแทนได้ไหม ถึงขั้นมีการแซวว่า ขอแสกนคนละครึ่งเพื่อซื้อวัคซีนได้ไหม แต่เรายังเข้าไม่ถึงวัคซีน วิธีเยียวยาที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่มีคุณภาพ ที่ทำให้ประชาชนมั่นใจ แต่ตอนนี้ประชายังรู้สึกไม่มั่นใจ ระบบสาธารณสุขตอนนี้เห็นประชาชนเป็นอะไร เป็นหนูทดลองหรือเปล่า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net