Skip to main content
sharethis

ผู้นำฝ่ายค้านและ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. กล่าวหา ประยุทธ์และ คณะรัฐมนตรี ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 'เพื่อไทย' จี้รัฐเร่งขอสิทธิ์ผลิตยา 'โมนูลพิราเวียร์' ด่วน หลังต่างประเทศเริ่มขาย เตือนหน่วยงานด้านสาธารณสุขอย่าตกขบวน พร้อมถาม อภ.ซื้อโมเดอร์นาแพง?

4 ต.ค.2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ พรรคเพื่อไทย รายงานว่า ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เพื่อให้ขอไต่สวนคณะบุคคลและบุคคลรวม 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. คณะรัฐมนตรี , 2. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , 3. อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , 4. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 172

โดยขอให้ดำเนินการตรวจสอบในประเด็นต่างๆ ที่ได้มีการยื่นเรื่อง 4 คำร้อง ดังนี้

  • คำร้องที่ 1 เรื่องการจัดหาวัคซีนโควิค-19 ทั้งประเด็นที่ไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ , การจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนกร้าที่มีการฉ้อฉลหาผลประโยชน์ , การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค โดยทุจริตมิชอบ ซึ่งเป็นการกล่าวหาคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ (สำนวนพรรคเพื่อไทย)
  • คำร้องที่ 2 เรื่องการจัดหาชุดตรวจโควิด ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ส่อไปในทางทุจริต ขัดต่อข้อกฎหมาย ระบบราชการ โดยกล่าวหาคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ (สำนวนพรรคเพื่อไทย)
  • คำร้องที่ 3 เรื่องการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ โดยกล่าวหา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สำนวนพรรคก้าวไกล)
  • คำร้องที่ 4 เรื่องการขายยางพาราในสต็อกส่อไปในทางทุจริต เอื้อประโยชน์เอกชน โดยเป็นการกล่าวหานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนวนพรรคประชาชาติ)

ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ เชื่อว่าประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิดแล้ว ว่า พลเอกประยุทธ์จะต้องเลิกหลอกตัวเองก่อน เพราะสถานการณ์โควิดในประเทศไทยยังไม่ดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันมากกว่า 10,000 ราย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 1,608,569 ราย ขณะเดียวกันก็มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดสูงถึง 17,014 ราย ตัวเลขที่ออกมา สะท้อนความความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล

“การใช้จ่ายงบประมาณที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการโควิดก็พบความผิดปกติส่อว่าจะเกิดการทุจริตหาประโยชน์จากงบประมาณจำนวนมากไหลเข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ แต่รัฐบาลกลับเมินเฉยต่อการตรวจสอบการทุจริต” ชลน่านกล่าว

'เพื่อไทย' จี้รัฐเร่งขอสิทธิ์ผลิตยา 'โมนูลพิราเวียร์' ด่วน หลังต่างประเทศเริ่มขาย เตือนหน่วยงานด้านสาธารณสุขอย่าตกขบวน พร้อมถาม อภ.ซื้อโมเดอร์นาแพง?

นอกจากนี้ ทีมข่าวพรรคเพื่อไทย รายงาน ด้วยว่า อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังคงบริหารจัดการล้มเหลวเสมอต้นเสมอปลาย โดยเฉพาะการจัดการวัคซีนทุกรูปแบบ ทั้งวัคซีนจากภาษีประชาชน หรือวัคซีนจากเงินในกระเป๋าของประชาชน เพราะจนถึงขณะนี้ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้ฉีดแม้วัคซีนเข็มแรก ขณะที่ทั่วโลกก้าวข้ามเรื่องวัคซีน ไปที่การผลิตคิดค้นยาเม็ดสำหรับกินป้องกันโควิดแล้ว อย่างยาโมลนูพิราเวียร์ที่สหรัฐอยู่ในช่วงของการทดลองประสิทธิภาพในขั้นสุดท้าย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ และหากผ่าน อย.ของสหรัฐ ก็เตรียมผลิตออกจำหน่ายภายในเดือนนี้ จึงอยากให้รัฐบาลเตรียมการให้พร้อม ทั้งในเรื่องการเร่งสั่งจองซื้อยาทันทีก่อนที่การทดลองจะแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันราคาที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังผ่านการรับรอง ขณะเดียวกันองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็ควรวางแผนเจรจากับผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ในการซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตในประเทศ อย่าปล่อยให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ตกขบวนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ

อรุณี ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนที่ประชาชนควักเงินจ่ายเองอย่างโมเดอร์นานั้น ยังพบความผิดปกติ เพราะการสั่งซื้อผ่าน 2 หน่วยงานมีราคาที่แตกต่างกันมาก โดย อภ. ซึ่งเป็นตัวแทนซื้อโมเดอร์นาให้โรงพยาบาลเอกชนรวม 9 ล้านโดส ราคาอยู่ที่โดสละ 1,100 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าขนส่ง และค่าประกันภัยรายบุคคล ขณะที่การจัดซื้อโมเดอร์นาของสภากาชาดไทย 1 ล้านโดส ราคาอยู่ที่โดสละ 966.75 บาท รวมค่าขนส่งอย่างเดียว ราคาต่างกันถึงโดสละ 133 บาท คิดเป็นเงินส่วนต่างเกือบ 1,200 ล้านบาท เหตุใดการจัดซื้อผ่านตัวแทนหน่วยงานของรัฐจึงมีการบวกค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ เป็นการกระทำที่บีบให้ประชาชนจนมุมไม่มีทางเลือก มีหน้าที่อย่างเดียวคือจ่ายเงินเพื่อแลกกับวัคซีนที่ดีให้กับตัวเองหรือ อภ.ควรออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย

“ในความเป็นจริง ประชาชนไม่ควรเสียเงินค่าวัคซีนเองด้วยซ้ำ แต่เพราะวัคซีนบางตัวถูกตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพ จึงต้องเจียดเงินที่มีน้อยนิดมาจ่ายเพื่อแลกกับความปลอดภัยกับโรคระบาด อย่าให้ประชาชนออกมาพูดว่าหน่วยงานของรัฐค้ากำไรกับประชาชน ทั้งที่เป็นผู้รับใช้ประชาชน ระวังนะคะ บวกเยอะกรรมจะตามไปเคาะประตูบ้านท่าน” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net