Skip to main content
sharethis

ครูสอนเต้นในเกาหลีเหนือหารายได้เสริมจากงานที่มีเงินเดือนไม่พอใช้จ่ายด้วยการเปิดสอนเต้นสำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนท่าเต้นแบบเกาหลีใต้ จีน และสหรัฐอเมริกา ทำให้ครูสอนเต้นต้องใช้วิดีโอเพลงเต้นจากต่างประเทศ แต่การสอนเช่นนี้ทำให้เธอถูกจับกุมด้วยข้อหา "ขจัดความคิดและวัฒนธรรมแบบพวกปฏิกิริยา" ที่มักจะใช้ปราบปรามคนที่นำสื่อบันเทิงหรือวัฒนธรรมต่างประเทศ เช่นซีรีส์เกาหลีใต้ เข้ามารับชมหรือเผยแพร่

ทางการเกาหลีเหนือจับกุมตัวครูสอนเต้นและนักเรียนของเธอหลายคนหลังจากที่ครูสอนเต้นผู้นี้ใช้สื่อจากต่างประเทศมาสอนท่าเต้นให้กับนักเรียน ซึ่งทางการเกาหลีเหนืออ้างว่าเป็น "ท่าเต้นแบบทุนนิยม"

เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการที่เกาหลีเหนือพยายามปราบปรามสื่อและวัฒนธรรมจากต่างประเทศ โดยอาศัยกฎหมายที่ออกมาเมื่อปี 2563 ที่เรียกว่ากฎหมาย "การขจัดความคิดและวัฒนธรรมแบบพวกปฏิกิริยา" ซึ่งมีการลงโทษประชาชนในหลายข้อหา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการลงโทษข้อหาเกี่ยวกับการรับชม มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ต่อสื่อที่มาจากประเทศทุนนิยม โดยเฉพาะจากประเทศเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา กฎหมายระบุโทษสูงสุดสำหรับผู้ฝ่าฝืนคือการประหารชีวิตสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนในระดับร้ายแรง

กฎหมายดังกล่าวนี้ยังเคยนำมาใช้ลงโทษคนขับรถที่ติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ หรือลงโทษนักเรียนที่ใช้ภาษาพูดหรือคำแสลงแบบเกาหลีใต้ และในตอนนี้กระทั่งครูสอนเต้นที่นำท่าเต้นแบบดาราเพลงป็อบต่างประเทศมาใช้สอนนักเรียนก็ถูกจับกุมโดยอ้างกฎหมายนี้

ผู้อาศัยในเมืองพยองซองทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือกล่าวกับสื่อว่า "กลุ่มผู้ตรวจการเหตุต่อต้านสังคมนิยม" ได้จับกุมครูสอนเต้นอายุประมาณ 30-40 ปี ที่สอนเต้นดิสโกของต่างประเทศให้กับนักเรียนที่เป็นวัยรุ่นในพยองซอง นอกจากนี้ผู้อาศัยในพื้นที่ยังเปิดเผยอีกว่า กลุ่มผู้ตรวจการการต่อต้านสังคมนิยมซึ่งเป็นกลุ่มปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐและหน่วยงานตำรวจได้ปราบปรามคนที่ดูภาพยนตร์เกาหลีใต้และแพร่กระจายสื่อจากต่างประเทศ

มีการตั้งข้อสังเกตจากแหล่งข่าวอีกว่า ปีก่อนหน้านี้ทางการเกาหลีเหนือมักจะมีการผ่อนปรนกฎหมายนี้อยู่บ้างในช่วงที่มี 'เทศกาลซอลลัล' หรือ ตรุษเกาหลี ซึ่งจัดวันเดียวกับวันตรุษจีน ในช่วงนั้นชาวเกาหลีเหนือรู้สึกเป็นอิสระขึ้นบ้างจากการสามารถดูภาพยนตร์เกาหลีใต้ได้หรือฟังเพลงจากต่างประเทศได้ แต่ในปีนี้กลุ่มผู้ตรวจการดูจะสอดส่องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมความคิดและวัฒนธรรม

แหล่งข่าวเล่าว่าในสถานที่ที่มีการจับกุมนั้น ครูสอนเต้นได้ใช้ยูเอสบีแฟลชไดรฟเพื่อเผยแพร่เนื้อหาเพลงต่างประเทศและวิดีโอเต้นผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ แล้วให้นักเรียนวัยรุ่นเต้นโดยเลียนแบบตามท่าเต้นในโทรทัศน์ กลุ่มผู้ตรวจการได้จับกุมครูและนักเรียนรวมถึงยึดแฟลชไดรฟไปที่สำนักงานทำการของพวกเขา

ข่าวการจับกุมนี้กระจายออกไปอย่างรวดเร็วไปยังเมืองและจังหวัดต่างๆ จนถึงเมืองชินอึยจูที่อยู่ติดกับพรมแดนจีน

ผู้ที่รับรู้ข่าวเรื่องนี้เปิดเผยว่าครูสอนเต้นเรียนจบจากมหาวิทยาลัยวิจิตรศิลป์พยองซองไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เธอได้รับงานสอนที่โรงเรียนอ็กชอนในเมืองพยองซอง แต่งานของเธอที่มีรายได้ต่อเดือนแค่ 3,000 วอนเกาหลีเหนือ (ราว 110 บาท) ทำให้เธออยู่อย่างยากลำบาก เธอจึงต้องเปิดบ้านของตัวเองให้กลายเป็นโรงเรียนสอนเต้นเอกชนด้วย คนที่มาเรียนเต้นยอมจ่ายเงินราว 300-350 บาทต่อชั่วโมง โดยที่นักเรียนของเธอมักจะอยากเต้นแบบเกาหลีใต้, จีน หรือสหรัฐอเมริกามากกว่าแบบเกาหลีเหนือ โดยครูรายนี้สอนนักเรียนตามที่พวกเขาต้องการ

มีคนตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ตรวจการมีการปฏิบัติงานอย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค. 2564 มีหลานสาวของเจ้าหน้าที่พรรครัฐบาลเกาหลีเหนือระดับจังหวัดถูกจับได้ว่ามีเอสดีการ์ดที่บรรจุภาพยนตร์เกาหลีใต้ มีการสืบสวนซัดทอดไปจนถึงคนที่ขายเอสดีการ์ดให้เธอซึ่งหนึ่งในคนที่ถูกจับกุมนั้นเป็นญาติของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานอัยการ ซึ่งต่อมาญาติรายดังกล่าวนี้ได้สารภาพว่าขายภาพยนตร์และวิดีโอเต้นรำให้กับครูสอนที่เป็นข่าวครั้งนี้

แหล่งข่าวเล่าว่าเจ้าหน้าที่ตรวจการสวมชุดนอกเครื่องแบบคอยสอดแนมอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของครูสอนเต้นเป็นเวลา 2 วัน พวกเขาเข้าไปจับกุมเมื่อเห็นมีนักเรียนจำนวนมากเข้าไปในบ้านของครู นักเรียนเหล่านี้มาจากครอบครัวที่มีฐานะในเกาหลีเหนือ ซึ่งนักเรียนเหล่านี้มักจะไม่ถูกลงโทษหนักเนื่องจากมีเงินและมีอำนาจ

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการกลางของพรรคเคยสั่งว่าใครก็ตามที่ละเมิดกฎหมายควบคุมวัฒนธรรมจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักไม่ว่าจะมียศฐานะหรืออยู่ในชนชั้นใดก็ตาม ทำให้ครูและนักเรียนเหล่านี้อาจจะต้องรับโทษใช้แรงงานหนักและพ่อแม่ของพวกเขาก็อาจจะถูกลงโทษด้วยการถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกของพรรครัฐบาลด้วย

เรียบเรียงจาก

North Korea arrests teacher and students for ‘capitalist’ dance moves, Radio Free Asia, 04-02-2022

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net