ประชาไทตรวจสอบกูเกิลเทรนด์พบว่า ยอดค้นคำว่า "พรรคแมลงสาบ" พุ่งทะยานถึง 100 คะแนน เมื่อ 14 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ 'ปริญญ์ พานิชภักดิ์' ลาออกหลังถูกฟ้องในคดีล่วงละเมิดทางเพศ และเพิ่มสูงอีกครั้งในวันที่ 19-21 เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่จุรินทร์ลาออกจากคณะกรรมการความเท่าเทียมทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ส่ง "ดร.เอ้ สุชัชวีร์" ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ 22 พ.ค. นี้ ด้านสื่อญี่ปุ่นระบุว่าคดีล่วงละเมิดทางเพศของปริญญ์อาจส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมาถึง

ข้อมูลเหล่านี้ผู้สื่อข่าวค้นหาผ่านกูเกิลเทรนด์ทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกคือการค้นหาข้อมูลในรอบ 30 วัน แสดงให้เห็นว่ายอดค้นหาเพิ่มสูงถึง 100 ในวันที่ 14 เม.ย. ครั้งที่สองคือการค้นหาข้อมูลในรอบ 7 วัน แสดงให้เห็นว่ายอดค้นหาเพิ่มสูงถึง 100 คะแนนในวันที่ 19 และ 21 เม.ย.  ข้อมูลของกูเกิลระบุว่าคะแนนในที่นี้หมายถึงค่า "ความสนใจเมื่อเวลาผ่านไป (interest over time)" โดย 100 คะแนนแปลว่าเป็นช่วงที่คำดังกล่าวได้รับ "ความนิยมสูงสุด (peak popularity)"

ข้อมูลในรอบ 30 วัน (ภาพบน) แสดงให้เห็นว่ายอดการค้นหา "พรรคแมลงสาบ" เพิ่มสูงในวันที่ 14 เม.ย. ขณะที่ข้อมูลในรอบ 7 วัน (ภาพล่าง) แสดงให้เห็นยอดการค้นหาคำเดียวกันเพิ่มสูงในวันที่ 19 และ 21 เม.ย. ที่มา: Google Trends

สำหรับคำเกี่ยวข้องที่ถูกสืบค้นร่วมกับ​ "พรรคแมลงสาบ" กูเกิลเทรนด์ระบุว่า ได้แก่ "รองหัวหน้าพรรคแมลงสาบ" "พรรคแมลงสาบ รองหัวหน้าพรรค" "พรรคประชาธิปัตย์" "รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" และ "ปริญญ์ พานิชภักดิ์" ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ขณะที่ยอดค้นหาคำว่า "พรรคแมลงสาบ" กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น คำเกี่ยวข้องเหล่านี้กลับเป็นคำที่ได้รับความสนใจและมียอดค้นหาเพิ่มขึ้นทั่วประเทศในช่วงวันที่ 14 เม.ย. รวมถึงในจังหวัดภาคใต้ที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์

ข้อมูลในรอบ 30 วัน (ภาพบน) แสดงให้เห็นว่ายอดค้นหาคำว่า 'ปริญญ์ พานิชภักดิ์' พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ ขณะที่คำว่า "พรรคแมลงสาบ" (ภาพล่าง) พุ่งสูงเฉพาะในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ส่วนคำเกี่ยวข้องอื่นๆ ปรากฎยอดการค้นหาในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยต่างกันไป

ก่อนหน้านี้ประชาไทเคยรายงานเมื่อ พ.ศ. 2562 ว่ายอดค้นหาคำว่า "พรรคแมลงสาบ" เคยเพิ่มสูงในช่วงเดือนมิถุนายนของปีดังกล่าว หลังพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' ประกาศเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ​' หัวหน้าพรรคคนก่อนหน้าเคยสัญญาไว้ตอนหาเสียงภายใต้สโลแกน "ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต" ว่าจะไม่เข้าร่วมกับรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไรก็ตาม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค หลังผลเลือกตั้งไม่ดีเท่าที่ควรในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรค

สำหรับที่มาของชื่อเรียกนี้มาจากพรรคประชาธิปัตย์เอง โดย 'กนก วงศ์ตระหง่าน' เคยกล่าวอภิปรายในงานเสวนาหนึ่งเมื่อ พ.ศ. 2545 ว่า “การปฏิรูปการเมืองควรใช้ทฤษฎีแมลงสาบ ... คือ ปรับตัวเองได้ดี ... จึงทำให้แมลงสาบอยู่มาได้เป็นพันล้านปี ไม่สูญพันธุ์ ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิรูปการเมืองได้ 4 ประการ คือ 1.รู้จักฟัง แต่ถ้าฟังแล้วโมโหก็ถือเป็นเรื่องน่าเกลียด 2.รู้จักคิด 3.รู้จักจัดการ คือรู้ว่าจะแก้ ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างไร และ 4.รู้จักทำ คือนำข้อมูลที่ได้มาปฏิบัติให้ถูกทาง นี่คือบทเรียนที่แมลงสาปใช้ซึ่งหากเปรียบเทียบกับไดโนเสาร์ ที่ปรับตัวไม่ได้ก็สูญพันธ์การเมืองในยุคปฏิรูปก็เหมือนกัน”

ผู้เสียหายแจ้งความแล้วกว่า 15 ราย

หลังจากการประกาศลาออกจากรองหัวหน้าพรรคและตำแหน่งอื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 14 เม.ย. 'ปริญญ์ พานิชภักดิ์' ลูกชายของ 'ศุภชัย พานิชภักดิ์' อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) เผชิญกับข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก ไทยรัฐรายงานว่าขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนที่สถานีตำรวจลุมพินีแล้วกว่า 15 ราย รวมถึง 'แอนนา หทัยรัตน์' ภรรยาของนาย 'ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย' หรือไฮโซลูกนัท ซึ่งประกาศถอนตัวจากผู้สมัคร ส.ก. ของพรรครวมไทยยูไนเต็ด​ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์​ใจ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่าไม่สามารถถอนการสมัครได้ และอาจเข้าข่ายจูงใจเพื่อเรียกคะแนนนิยม

การฟ้องร้องระลอกใหญ่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศครั้งนี้เริ่มขึ้นหลัง 'ษิทรา เบี้ยบังเกิด' หรือทนายตั้มประกาศรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดโปงหลักฐานบนโลกออนไลน์เป็นระยะๆ ทนายตั้มอ้างด้วยว่า พล.ต.ต. คนหนึ่งพยายามแทรกแซงคดี แต่กรุงเทพธุรกิจรายงานคำชี้แจงของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดแทรกแซงคดีดังกล่าว ขณะที่การฟ้องร้องกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย ทนายตั้มอ้างว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศที่อังกฤษใน พ.ศ. 2545 โดยผู้เสียหายระบุว่าจะนำคคีกลับมาฟ้องร้องที่อังกฤษอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้เคยถูกข่มขู่ให้ยุติการดำเนินคดี (PPTV)

สะเทือนพรรคประชาธิปัตย์

หลังการเปิดโปงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศของปริญญ์ ในพรรคประชาธิปัตย์ก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นหลายอย่าง​ สำนักข่าวหลายแห่งรายงานถึงบทสนทนาในกรุ๊ปไลน์ของพรรคประชาธิปัตย์แสดงให้เห็นถึงการโต้เถียงกันและการเปิดโปงเรื่องชู้สาวภายในพรรค ต่อมาบีบีซีไทยรายงานว่า 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์' รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติ เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่มีส่วนสำคัญในการนำปริญญ์เข้ามาอยู่ในพรรค และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาทำงานในพรรคและเยียวยาผู้เสียหาย

นอกจากคณะกรรมการดังกล่าวแล้ว ยังมีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งที่จะตรวจสอบการเผยแพร่คำกล่าวหาเรื่องชู้สาวของสมาชิกในพรรคด้วย หลังความเคลื่อนไหวเหล่านี้ มติชนออนไลน์รายงานว่า 'มัลลิกา บุญมีตระกูล' ประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค โดยก่อนหน้านี้เธอเป็นผู้เผยแพร่ข้อความดังกล่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมชู้สาวของสมาชิกพรรค นอกจาก 'มัลลิกา' แล้ว 'กนก วงศ์ตระหง่าน' ก็ประกาศลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเช่นกัน ด้วยเหตุผลทางด้านศีลธรรม และเห็นว่าการดำเนินการของพรรคต่อเรื่องนี้โดยหัวหน้าพรรค สวนทางกับความคาดหวังของสาธารณชน อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 7 กรรมการบริหารหญิงของพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะไม่ลาออก และจะทำงานเพื่อฟื้นศรัทธาของพรรคต่อไป

ส่วนความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครนั้น "สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" หรือ "ดร.เอ้" ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์​ออกมาพูดเมื่อ 25 พ.ค. ที่ผ่านมาขณะลงพื้นที่หาเสียงว่ารู้สึกตกใจและสะเทือนใจมาก และตนมีจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศและความรุนแรงทุกรูปแบบ หากได้เป็นผู้ว่าจะกำหนดให้การล่วงละเมิดทางเพศเป็นความผิดวินัยร้ายแรงในหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร (ไทยพีบีเอส) ก่อนหน้านี้ สุชัชวีร์ยืนยันว่าการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับปริญญ์ไม่ส่งผลกระทบต่อการหาเสียง (ไทยรัฐ) ทั้งนี้ ปริญญ์เคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคประชาธิปัตย์ และลาออกหลังจากถูกฟ้องร้องในคดีล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อ 14 เม.ย. ที่๋ผ่านมา

กระทบอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ขณะเดียวกัน Nikkei Review สื่อภาษาอังกฤษจากแดนอาทิตย์อุทัยรายงานว่าการฟ้องร้องคดีต่อปริญญ์อาจส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหน้า โดยอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก่ กรณีของ 'เสกสกล อัตถาวงศ์' หรือ 'แรมโบ้' ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยประจำนายกรัฐมนตรี เมื่อ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังมีคลิปเสียงของเจ้าตัวเผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดการกับโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล

Nikkei Review วิเคราะห์ว่าปัจจุบันในสภาผู้แทนราษฎร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเสียงของ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าพรรคฝ่ายค้านเพียงไม่กี่สิบเสียง และหากมี ส.ส. พรรครัฐบาลแปรพักตร์เพียงไม่กี่คนก็อาจส่งผลให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งก่อนกำหนดได้ หรืออย่างช้าที่สุดคาดว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน มี.ค. 2566 เมื่อสภาชุดปัจจุบันอยู่ครบวาระแล้ว ทั้งนี้ Nikkei Review รายงานการสัมภาษณ์กับ รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้รับศรัทธาจากผู้สนับสนุนอีกแล้ว และพรรคฝ่ายค้านมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลในช่วงก่อนเลือกตั้ง

เมื่อ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ไทยรัฐรายงานว่าพรรคเพื่อไทยได้แถลงไทม์ไลน์ โดยคาดว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงปลายเดือน มี.ย. หรือต้น ก.ค. โดยจะพยายามใช้ข้อมูลเป็นตัวโน้มน้าว ส.ส. 30 เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมลงคะแนนไม่ไว้วางใจกับฝ่ายค้าน เมื่อถูกถามว่ามีการพูดคุยกับธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยอมรับว่าพยายามพูดคุยกับทั้ง ส.ส. ฝ่ายค้าน และ ส.ส. พรรครัฐบาลอยู่แล้ว แต่หลายพรรคต้องรักษามารยาททางการเมือง เพราะหากออกมาทำอะไรโจ่งแจ้งอาจกระทบต่อการทำงานได้