Skip to main content
sharethis

เหตุ จนท.ปิดล้อมจนนำไปสู่การวิสามัญ 2 ศพ ที่ยะลา นักกิจกรรมทางการเมืองชายแดนใต้/ปาตานี ชี้ตัวเลขการสูญเสีย 60 กว่าคน ของกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็น ระหว่างการเจรจา 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนนอกจากไม่มีพันธะทางกฏหมาย แนวทางปฏิบัติของ จนท.ยังสวนทางกับนโยบายเจรจาสันติภาพ ด้านหน่วยความมั่นคงแถลงผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนท. จึงยิงป้องกันตนเอง จนนำไปสู่ความสูญเสีย

26 ก.ค.2565 จากกรณี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ปิดล้อมจนนำไปสู่การวิสามัญ นิแม ซา อายุ 44 ปี และ นัศรุลเลาะห์ กาเซ็ง อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง ซึ่งพักอยู่ในบ้านพัก ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ ( 26 ก.ค.65) ไม่กี่วันก่อนที่จะมีการพบปะแบบเต็มคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ครั้งที่ 5 วันที่ 1-2 ส.ค.นี้ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งฝ่ายรัฐบาลนำโดย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ และฝ่ายบีอาร์เอ็น นำโดย อุสตาสอานัส อับดุลเราะห์มาน ที่จะมีการชงข้อเสนอ “เข้าพรรษาสันติ” นั้น

อย่างไรก็ตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการวิสามัญฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ย่อมส่งผลอย่างยิ่งต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ ในฐานะตัวชี้วัดความสำเร็จทางการเมือง การเปลี่ยนการกระทำทางการทหารสู่การกระทำทางการเมือง มีความคืบหน้าที่ดีอย่างไรตลอดช่วงการเจรจาสันติภาพ โดย ซุกิฟรี ลาเตะ หนึ่งในนักกิจกรรมทางการเมืองชายแดนใต้/ปาตานี ให้ความเห็นว่าตัวเลขการสูญเสียของกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็น ระหว่างการเจรจาในรอบสามปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 60 กว่าคน ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณที่น่ากังวลต่อกระบวนการสันติภาพในพื้นที่ 

“หนึ่งในสัญญาณที่น่ากังวลคือความเคยชินต่อการจัดการปัญหา แบบฆ่าให้ตาย ฝ่ายขบวนการเอกราชสมควรตายให้หมด นี่เป็นความคิดที่ไม่น่าจะส่งผลดีที่การเจรจาสันติภาพเท่าใดนัก” ซุลกิฟฟี กล่าว พร้อมระบุว่า สำหรับการเจรจาในรอบต่อไป ตนทราบว่าฝ่ายรัฐบาลไทยจะมีการยื่นข้อเสนอให้หยุดยิงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันข้อเรียกร้องของกลุ่มชาวพุทธในพื้นที่คือ ให้มีการหยุดยิงในช่วงเข้าพรรษา ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยดูเหมือนว่าต้องการให้มีการหยุดยิง แต่ปฏิบัติการในพื้นที่กำลังไปคนละทาง

ซุลกริฟลี กล่าวทิ้งท้ายว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นไปในลักษณะนี้ ตนคิดว่าการเจรจาอาจจะล้มเหลว ไม่สามารถแสวงหาการจัดการความขัดแย้งด้วยแนวทางทางการเมือง เพราะตัวชี้วัดสำคัญอย่างเจตจำนงทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ถูกพิสูจน์ให้เห็นตลอดการเจรจาที่ผ่านมา นอกจากไม่มีพันธะทางกฎหมายใด ๆ แล้ว แนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการยังสวนทางกับนโยบายเจรจาสันติภาพ

หน่วยความมั่นคงแถลงผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนท. จึงยิงป้องกันตนเอง จนนำไปสู่ความสูญเสีย

ล่าสุด 19.12 น.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า - เพจใหม่’ โพสต์รายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.อนุพงษ์ ทัศนา ผู้กำกับสอบสวนฯ/ หัวหน้างานกฎหมายและสอบสวน กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงนำเสนอข่าวสารรายละเอียดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 05.30 น. มีการสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 4 คน ได้หลบหนีเข้ามาหลบซ่อนอยู่ในบ้านเช่า ไม่มีเลขที่ ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เพื่อเตรียมวางแผนก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จึงสนธิกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายพิสูจน์ทราบและแสดงตัวเข้าตรวจค้น 

พ.ต.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า ในระหว่างนั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องยิงป้องกันตนเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ใช้ความพยายามในการพูดคุยเกลี้ยกล่อมด้วยความอดทน อดกลั้น และด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับเลือกใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าวทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ นายนิแม ซา และนายนัสรูลออฮ์ กาเส็ง จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุใกล้ศพพบมีอาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 มม. จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืน M 4 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปีนพกสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า จำนวน 1 กระบอก และระเบิดไปป์บอมบ์จำนวน 1 ลูก จากการสืบประวัติ นิแม ซา เป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้าฝ่ายโลจิสติก รับผิดชอบ พื้นที่ อ.ยะรัง มีหมายจับ ป.วิ อาญา จำนวน 1 หมาย จากเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจยึดฐานปฏิบัติการแหล่งพักพิงผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อ 18 เม.ย. 2563 ส่วนนายนัสรูลออฮ์ กาเส็ง มีหมาย ป.วิ อาญา 1 หมายจากเหตุเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตรวจยึดฐานปฏิบัติการ พื้นที่รอยต่อ ต.ตะโละแมะนา-ต.ท่าธง อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อ 10 ก.ค. 2562

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net