Skip to main content
sharethis

สหประชาชาติเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบันยกเลิกการกีดกันไม่ให้ผู้หญิงเข้าทำงานในองค์กรเอ็นจีโอและอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้กลุ่มตาลีบันที่ทำการยึดอำนาจขึ้นเป็นรัฐบาลอัฟกานิสถานสั่งแบนไม่ให้ผู้หญิงทำงานเอ็นจีโอและเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

 

29 ธ.ค. 2565 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ประณามสภาพของสิทธิสตรีในอัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของตาลีบันเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้วกลุ่มตาลีบันที่เป็นกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงทำงานในองค์กรเอ็นจีโอ และก่อนหน้านั้นก็ได้ประกาศห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย

แถลงการณ์ของ UNSC ระบุว่าสถานการณ์เช่นนี้สะท้อนให้เห็น "การเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ของการเคารพในสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน" และเรียกร้องให้ "ผู้หญิงและเด็กหญิงในอัฟกานิสถานมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ อย่างเสมอภาค และอย่างมีความสำคัญ"

UNSC เรียกร้องให้ตาลีบันกลับมาเปิดโรงเรียนอีกครั้ง และยกเลิกนโยบายกับการกระทำในเชิงกีดกันผู้หญิงโดยด่วน แถลงการณ์ของ UNSC ระบุว่า "การจำกัดปิดกั้นเหล่านี้ขัดแย้งกับพันธกรณีที่กลุ่มตาลีบันเคยให้ไว้กับประชาชนชาวอัฟกานิสถาน รวมถึงขัดต่อความคาดหวังของประชาคมนานาชาติด้วย"

หลังจากที่ตาลีบันสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงทำงานเอ็นจีโอก็ส่งผลกระทบทำให้องค์กรให้ความช่วยเหลือนานาชาติจำนวนมากในอัฟกานิสถานไม่สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ ทำให้หลายองค์กรประกาศหยุดการปฏิบัติงานในอัฟกานิสถาน เป็นเหตุให้ชาวอัฟกานิสถานจำนวนหลายล้านคนที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากองค์กรเหล่านี้ขาดที่พึ่ง

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ได้แถลงเตือนถึงผลกระทบที่ "เลวร้าย" จากนโยบายของตาลีบัน แถลงการณ์ระบุว่า "ไม่มีประเทศใดที่จะสามารถพัฒนา หรือพูดให้ถูกคือสามารถอยู่รอดได้ในทางสังคมและทางเศรษฐกิจ ถ้าหากว่าประชากรของพวกเขาถูกกีดกันออกไปครึ่งหนึ่ง"

อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติระบุทางทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมาเรียกร้องให้ตาลีบันยกเลิก "การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไร้ความชอบธรรม" โดยบอกว่านโยบายแบบนี้ทำให้เกิด "การเสื่อมถอยอย่างใหญ่หลวงต่อศักยภาพของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน"

หลังจากที่กลุ่มตาลีบันยึดอำนาจอัฟกานิสถานเมื่อเดือน ส.ค. 2564 พวกเขาก็ให้สัญญาว่าจะดำเนินระบบการเมืองแบบเป็นกลางโดยมีการคุ้มครองสิทธิของชนกลุ่มน้อยและผู้หญิงไปด้วย แต่ตาลีบันก็กลับนำกฎหมายชะรีอะฮ์ซึ่งเป็นกฎหมายอิงศาสนาอิสลามแบบเข้มงวดมาบังคับใช้

ในตอนแรกมีการห้ามไม่ให้ผู้หญิงกลับเข้าเรียนในชั้นมัธยมปลายได้ และในเวลาต่อมาก็มีการขยายกฎนี้ให้รวมไปถึงการห้ามไม่ให้เข้าเรียนในชั้นมัธยมต้นไปด้วย

นอกจากนี้กลุ่มตาลีบันยังเคยบังคับให้ผู้หญิงต้องออกจากงานราชการหลายรูปแบบและสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงเดินทางโดยไม่มีญาติผู้ชายเดินทางไปด้วย สั่งให้ผู้หญิงต้องสวมบุรกา (ผ้าคลุมศีรษะที่ปิดทั้งหัวและใบหน้า) เมื่อออกนอกบ้าน และสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปในสวนสาธารณะด้วย

 

 

 

เรียบเรียงจาก

UN urges Taliban to reverse restrictions against women, DW, 28-12-2022

https://www.dw.com/en/un-urges-taliban-to-reverse-restrictions-against-women/a-64223211
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net