Skip to main content
sharethis

จากกรณีดรามาเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อเป็นชื่อพระราชทาน สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ‘อ.ธงทอง’ ที่เป็นที่พูดถึงในขณะนี้ ‘อ.ธงทอง’ นักวิชาการด้านปวศ. ยกเคส ‘สนามบินสุวรรณภูมิ’ เทียบ ชี้ในอดีต การเปลี่ยนชื่อเคยมีมาแล้ว แต่ดำเนินการต่างกัน หลัง ส.ส. ‘จิรัฏฐ์’ ก้าวไกล ตั้งกระทู้ถาม ‘ศักดิ์สยาม’ ถึงความคุ้มค่าของงบประมาณที่ใช้ไปกว่า 30 ล้านบาท แล้วรมว.คมนาคม แจงว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นประเพณีปฏิบัติ ไม่ใช่ความต้องการตน

‘ธงทอง’ ยกเคส สุวรรณภูมิเทียบ

ชี้ ในอดีตเคยมีเปลี่ยนชื่อ แต่ดำเนินการต่างกัน     

6 ม.ค. 2566 ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และอาจารย์ผู้สนใจด้านประวัติศาสตร์โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) ถึงประเด็นที่เกิดขึ้นระบุข้อความว่า 

“ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2543 เพื่อใช้แทนชื่อเดิมคือ สนามบินหนองงูเห่า และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 19 มกราคม 2545 ก่อนการเปิดให้บริการในฐานะสนามบินแห่งใหม่ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2549”

“ตามความทรงจำของผม อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงไม่เคยมีป้ายชื่อท่าอากาศยานหนองงูเห่าติดตั้งมาก่อนเลย เมื่อสร้างอาคารสำเร็จเรียบร้อยก็ใช้นามพระราชทาน ”ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ประดับติดตั้งอาคารมาตั้งแต่ต้น นามพระราชทานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับพระราชทานมาหกปีเต็ม ล่วงหน้าก่อนท่าอากาศยานดังกล่าวเปิดให้บริการ”

“ผมเป็นคนสนใจประวัติศาสตร์ และทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ว่านี้ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อมีใครคิดจะเปรียบเทียบว่ากรณีเหมือนกันหรือไม่เหมือนกันกับเรื่องราวที่เป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ จะได้นำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการไตร่ตรองได้” นักวิชาการผู้สนใจประวัติศาสตร์ ระบุ

‘ก้าวไกล’ ถาม เปลี่ยนป้าย 33 ล้าน แพงไปหรือไม่

เมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ที่รัฐสภา จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท โดยตั้งคำถาม 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ราคาแพงเกินไปหรือไม่ 2. เพราะอะไรจึงเปลี่ยนชื่อ และ 3. ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพิ่งแพ้คดี บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับจ้าง

จิรัฏฐ์ กล่าวว่า ประเด็นแรก ป้ายสถานีกลางบางซื่อ ปัจจุบันมีอายุ 3 ปี เดิมมีแค่ตัวอักษร แต่ในการปรับปรุงครั้งนี้จะเพิ่มโลโก้ รฟท. เข้าไปด้วย ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเพิ่ม มีประโยชน์อย่างไร หาก รฟท. ต้องการประหยัดงบประมาณ สามารถเปลี่ยนแค่บางส่วนก็ได้ เช่น เก็บคำว่า "สถานีกลาง" ไว้ แต่เปลี่ยนชื่อ จึงขอถามว่า ราคาค่าจ้างการเปลี่ยนป้ายมูลค่า 33 ล้านบาทนั้น เหมาะสมหรือไม่ แพงไปหรือไม่

‘ศักดิ์สยาม’ แจง เปลี่ยนชื่อ เป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติ

ด้าน ศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา ระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยที่ให้บริการประชาชนทุกโครงการ ล้วนได้รับพระราชทานชื่อที่เป็นมงคลนาม การเปลี่ยนชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งมีความหมายว่า ความรุ่งเรืองยิ่งแห่งกรุงเทพมหานคร จึงไม่ต่างจากการเปลี่ยนชื่อสนามบินหนองงูเห่า เป็นสนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้ดำเนินการขอพระราชทานชื่อ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ได้รับพระราชทานชื่อใหม่ เมื่อเดือนกันยายน 2565 และเดือนตุลาคม 2565 กระทรวงคมนาคม สั่งการให้ รฟท. ติดตั้งป้ายชื่อพระราชทานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่ง รฟท. กำหนดทีโออาร์การดำเนินการต้องสอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 จึงจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เพราะการปรับปรุงป้ายจะกระทบโครงการเดิมที่ดำเนินการเสร็จแล้วและอยู่ระยะค้ำประกันสัญญา หากไม่ใช้วิธีนี้จะมีปัญหา ต่อมาเมื่อเห็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน จึงได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีรองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน จะทราบผลภายใน 15 วัน

จิรัฏฐ์ กล่าวว่า คำถามของตนสั้นมาก ถามว่า ราคา 33 ล้านบาทแพงเกินไปหรือไม่ ประชาชนคิดว่าแพง แต่รัฐมนตรีตอบไม่ตรงคำถาม อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้รัฐมนตรีพุ่งเป้าการตรวจสอบไปที่ รฟท. เพียงอย่างเดียว เพราะปิศาจมักซ่อนอยู่ในรายละเอียด หากย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม 2563 ผู้รับเหมาคือบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งร่วมกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ติดตั้งป้ายสถานีกลางบางซื่อเสร็จสิ้น ต่อมาเมื่อได้รับพระราชทานชื่อใหม่ รัฐมนตรีก็เร่งรีบให้ รฟท. เปลี่ยนป้าย จึงใช้วิธีเฉพาะเจาะจง กำหนดราคากลางเสร็จเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อประชาชนเห็นราคาที่สูงก็ตั้งคำถาม รัฐมนตรีจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ถือเป็นสูตรสำเร็จในการเอาตัวรอด น่าสงสัยว่า รัฐมนตรีไม่รู้มาก่อนเลยหรือว่าอยากได้ชื่อสถานีใหม่ หรือไม่ว่าอย่างไรก็จะเปลี่ยนชื่อให้ได้โดยไม่สนว่าต้องใช้เงินภาษีประชาชนเท่าไร จึงขอตั้งคำถามที่สองต่อว่า ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อสถานี

จิรัฏฐ์ กล่าวว่า ที่รัฐมนตรีคมนาคมบอกว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นประเพณีนั้น คือประเพณีอะไร และหากทราบว่า เป็นประเพณี ทำไมจึงทำป้ายถาวรมาก่อน ถ้าหน่วยงานราชการอื่นเอาแบบอย่าง จะต้องใช้เงินภาษีประชาชนอีกเท่าไร นอกจากนี้ อีกเรื่องที่สำคัญ คือ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 รฟท. เพิ่งจะแพ้คดีต่อกิจการร่วมค้า SU ระหว่าง บริษัท ยูนิค กับ บริษัท ซิโนไทย ความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท เหตุผลหลักที่แพ้คดีในครั้งนั้น ตามที่ปรากฏในสำนวนการฟ้อง คือ รฟท. เอาสถานีกลางบางซื่อที่ยังไม่ได้จ่ายค่าก่อสร้างครบถ้วน ไปทำศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ จนคนงงทั้งประเทศว่า ทำไมต้องมาฉีดที่นี่ น่าตั้งคำถามว่า ทำแบบนี้เพื่อให้แพ้คดีโดยง่ายหรือไม่ และน่าแปลกที่เกิดข้อพิพาทขนาดนั้น วันนี้ดอกเบี้ยก็ยังเดินอยู่ แต่ทำไมถึงยังจัดซื้อจัดจ้างบริษัทยูนิค ความเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงงานก่อสร้างในอนาคตที่มีกิจการร่วมค้า SU จะมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ เป็นประเด็นคำถามที่สาม

ด้าน ศักดิ์สยาม กล่าวว่า ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีอะไรต้องปกปิด ขอให้รอผลการตรวจสอบ เมื่อผลออกมาจะรายงานให้ประชาชนทราบแน่นอน การเปลี่ยนชื่อนั้น เป็นประเพณีปฏิบัติ ไม่ใช่ความต้องการของตน สถานที่สำคัญของราชการหลายแห่งก็ทำแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ ส่วนประเด็นราคาถูกหรือราคาแพง ตนไม่ยืนยัน เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา และเรื่องคดีความที่ว่า จนถึงตอนนี้คดียังไม่ถึงที่สุด ยังมีการต่อสู้อยู่ ต้องมีการอุทธรณ์ต่อไป

‘ศักดิ์สยาม’ ชี้ 33 ล้าน ยืนยันไม่ได้ ว่าถูกหรือแพง

เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา

สำนักข่าวเวิร์คพอยท์ทูเดย์ รายงานเพิ่มเติมถึงรายละเอียดวงเงินการเปลี่ยนป้ายชื่อ 33 ล้านบาทที่ศักดิ์สยามชี้แจง ประกอบด้วย

1. งานรื้อถอนป้ายสถานีกลางบางซื่อเดิม 6.2 ล้านบาท

2. งานติดตั้งกระจกและโครงกระจกอะลูมิเนียมใหม่ทั้งหมด มีราคาสูงสุด 24.3 ล้านบาท

3. งานออกแบบ

4. งานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนกระจกระหว่างเปิดใช้งาน 1.6 ล้านบาท

รมว.คมนาคม ยืนยันไม่ได้ว่าราคา 33 ล้านบาท ถูกหรือแพง เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา แต่ทุกคนไม่ได้ต่างกันในการเข้าถึงข้อมูล ส่วนการเปลี่ยนชื่อป้ายเป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติ เพื่อความเป็นมหามงคล ไม่ใช่ความต้องการของตน เหมือนการเปลี่ยนชื่อสนามบินหนองงูเห่าเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ หรือสถานที่ราชการหลายแห่งก็ดำเนินการลักษณะนี้เช่นกัน ขณะที่การต้องจ้างบริษัท ยูนิคฯ เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะโครงการสถานีกลางบางซื่ออยู่ในระยะประกันสัญญา จึงต้องให้บริษัท ยูนิคฯ ที่เป็นผู้ก่อสร้างเดิมในโครงการเป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนกรณีที่รฟท.แพ้คดีบริษัท ยูนิค 7,500 ล้านบาทนั้น คดียังไม่ถึงที่สุด รฟท.ดำเนินการอุทธรณ์คดีอยู่ ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร จะแจ้งให้ประชาชนทราบแน่นอน ไม่มีปกปิด ผิดคือผิด ถ้าถูกก็ต้องดำเนินการต่อ ขอเวลาตรวจสอบเล็กน้อย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net