Skip to main content
sharethis
  • 'วันทนา' หญิงชาวราชบุรี วัย 62 ปี ผู้ถูก จนท.ล็อกตัว-ปิดปากระหว่างรอเจอ 'ประยุทธ์' ที่ จ.ราชบุรี วานนี้ (13 มี.ค.) แจ้งความ จนท.ที่กองปราบฯ ข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังฯ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา 
  • ผบ.ตร.ฝากให้ประชาชนอย่าเลียนแบบวันทนา เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี จึงอยากให้เน้นในการใช้สิทธิเลือกตั้งแทน


สืบเนื่องจากเมื่อ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่และเข้าสักการะเจ้าแม่เบิกไพร อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มีหญิง 1 คน ภายหลังทราบชื่อว่า วันทนา โอทอง วัย 62 ปี มายืนดักขบวนนายกรัฐมนตรี ก่อนตะโกนเชิงตำหนิการทำงานของนายกฯ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ 2 คนเข้าไปสกัด ควบคุมตัว มีการใช้มือปิดปากหญิงรายดังกล่าว และพยายามพาตัวเธอออกไป

ภาพเหตุการณ์ที่ราชบุรี เมื่อ 13 มี.ค. 2566

รายการ ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 วันนี้ (14 มี.ค.) เผยว่า หลังเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น วันทนาได้ถูกพาตัวไปที่ สภ.บ้านโป่ง พร้อมแจ้งข้อหา 3 ข้อ ประกอบด้วย 

1.ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตาม คำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

2.ส่งเสียง ทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึงในสาธารณะ

3.ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่

14 มี.ค. 2566 ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อสำนักข่าวราษฎร และเดอะ สแตนด์ดาร์ด รายงานเมื่อเวลา 13.30 น. ระบุว่า วันทนา โอทอง ชาวจังหวัดราชบุรี อายุ 62 ปี เดินทางเข้ามาที่ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่วานนี้ (13 มี.ค.) 

โดยหญิงวัย 62 ปี กล่าวหลังร้องทุกข์ฯ ว่า วันนี้เธอมาร้องทุกข์ฯ ต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประยุทธ์ พยายามเข้ามาขัดขวาง และควบคุมตัวของเธอ จนกลายเป็นเหตุชุลมุนตามที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ ในข้อหาละเมิดสิทธิส่วนตัว และกักขังหน่วงเหนี่ยวตนเองที่ไปรอขอเข้าพบนายกฯ ร้องเรียนเรื่องอาชีพค้าขายซึ่งประสบภาวะลำบาก

วันทนา ผู้เคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 ราชบุรี เมื่อปี 2562 เล่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ระหว่างที่เธอกำลังมาพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งช่วงก่อนเกิดเหตุนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้เดินทางมา เธอได้ยืนอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุโดยมีตำรวจได้เข้ามาสอบถาม โดยเธอมีความประสงค์จะเดินทางมาร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี โดยทางตำรวจได้แนะนำว่าให้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือโรงพัก ซึ่งตนเองบอกว่าไปมาหมดแล้ว คนกล่าวว่าวันนี้เป็นวันดีที่พลเอกประยุทธ์เดินทางมาก็อยากที่จะเจอและฝากเรื่องร้องเรียนเอาไว้ 

วันทนา โอทอง ขณะให้สัมภาษณ์สื่อหน้ากองปราบฯ (ที่มา: สำนักข่าวราษฎร)

“จากนั้นมีตำรวจผู้ชาย 2 คน จากนั้นมีการดึงคอเสื้อขึ้นมา และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หญิงเข้ามาโอบกอดว่าใจเย็นๆ โดยไม่มีการถามอะไรทั้งนั้น แล้วก็มีการเข้าชาร์จ ป้าก็พยายามดิ้นรน เพราะมีการอุดจมูก อุดปาก โดยไม่ให้เราตะโกน ทั้งนี้ตนก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ป้าก็มีอายุมากแล้วยังไม่สามารถสู้แรงตำรวจผู้หญิงและผู้ชายได้” 

“ตนรู้สึกเสียใจที่นายกมนตรีเป็นคนของประชาชน แต่ปรากฏว่านายกมนตรีทำท่าเหมือนพวกเราเป็นเศษสักเศษหนึ่ง ซึ่งตนในวันนี้มีอาการบัตรเจ็บบวมที่แขนและที่ขา เราควรที่จะมีความอะลุ้มอล่วยกันและควรที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สะท้อนเสียงไปถึงผู้นำ” วันทนา กล่าวต่อ  

หญิงวัย 62 ปี ระบุว่า เธอได้รับบาดเจ็บ แขนบวนจากการอักเสบ และขาบวมเป็นแผลถลอก โดยแพทย์ส่งให้หยุดทำงาน ทำให้ขาดรายได้ ปัจจุบันเธอประกอบอาชีพค้าขาย

วันทนา กล่าวยืนยันว่า วันที่เกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจมาประท้วงหรือนัดหมายรวมตัววางแผนกับกลุ่มหญิงเสื้อดำอีก 2 รายที่มีแนวคิดเห็นต่างทางการเมือง แต่ยอมรับว่าเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุได้พบหญิงกลุ่มดังกล่าวจริง แต่ตนไม่ได้สร้างความวุ่นวาย ตะโกนด่าทอ หรือชูสัญลักษณ์ใดๆ

ส่วนกรณีที่ปรากฏโพสต์ในเฟซบุ๊กของตนเองในทำนองเชิญชวนให้มารวมตัวรับนายกฯ วันทนายอมรับว่าโพสต์จริงแต่ไม่ได้ชวนให้มาประท้วง ส่วนตัวได้ข้อมูลมาว่าคนที่มารอรับจะได้เงินค่าตอบแทนเป็นค่าน้ำมันรถ และค่าอาหาร ซึ่งตนไม่ได้ขัดขวาง แต่ส่วนตัวไม่รับเงินจากใคร

หญิงวัย 62 ปี กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าตำรวจทำตามหน้าที่ แต่ไม่น่าทำรุนแรงขนาดนี้ นายกฯ เป็นคนของประชาชน น่าจะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนด้วย

ขณะที่ทนายความระบุว่าจะแจ้งข้อหากับตำรวจชุดจับกุมทั้งหญิงและชายที่ปรากฏตามคลิปวิดีโอในข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ส่วนคดีที่วันทนาถูกแจ้งความ ยืนยันว่ามีหลักฐานต่อสู้คดี

‘ธนกร’ ยันไม่กระทบภาพลักษณ์ ‘ประยุทธ์’

ช่วงเช้าวันเดียวกัน สำนักข่าวทูเดย์ รายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ในประเด็นการยุบสภา 

ระหว่างให้สัมภาษณ์ ธนกร ตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วันทนา โอทอง ที่ไปตะโกนตำหนิการทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ด้วยว่า ประชาชนบางส่วนเห็นต่างสามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตำรวจต้องทำความเข้าใจว่าอาจมีการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนได้ ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคน ซึ่งแนวทางปฏิบัติต้องเป็นไปตามหลักสากล แต่นายกฯ ไม่ได้ทราบมาก่อนว่าจะมีผู้เห็นต่างมาในพื้นที่และการลงพื้นที่ ครั้งต่อไปก็อาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก และเขามองว่าหากตำรวจปล่อยให้กลุ่มเห็นต่างมาแสดงออกอาจทำให้คนส่วนใหญ่ที่มารอต้อนรับนายกฯ ไม่พอใจ และเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าไม่ได้กระทบภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด

ผบ.ตร. ขอให้สิทธิเลือกตั้ง แทนการด่าทอ

วอยซ์ทีวี รายงานวันนี้ (14 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามจับกุมและสกัดวันทนา ผู้ตะโกนตำหนินายกรัฐมนตรีในระหว่างลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ว่าอยากฝากให้ประชาชนอย่านำไปเลียนแบบ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี จึงอยากให้เน้นในการใช้สิทธิเลือกตั้งแทน เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ใครรักใครชอบใครก็ขอให้ใช้สิทธิเลือกคนนั้น 

ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกต้องหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนเกินกว่าเหตุหรือไม่ ก็ขอให้ดูจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน เพราะขณะนี้ไม่เห็นภาพช่วงต้นของเหตุการณ์ 

เมื่อถามว่าวันนี้หญิงดังกล่าวจะเดินทางไปแจ้งความที่กรองปราบฯ ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่เป็นไรถือเป็นการใช้สิทธิตามปกติ เพราะทุกคนก็ต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง ย้ำว่าช่วงใกล้เลือกตั้ง การด่าทอ การเลียนแบบ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุและให้เกิดความเรียบร้อย พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เพราะถือเป็นคนไทยด้วยกัน ความเห็นต่างมีได้แต่ไม่ควรใช้ความรุนแรง หรือด่าทอด้วยความไม่สุภาพ ซึ่งถือเป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และถ้ามีการต่อสู้ก็จะถูกจับกุมกล่าวหาว่า ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net