Skip to main content
sharethis

'เพื่อไทย' เปิด ‘ชัยเกษม’ แคนดิเดตคนที่ 3 ยันหลักนิติรัฐนิติธรรม เร่งแก้รัฐธรรมนูญ โดย สสร. ย้ำต้องมีมาตราสำหรับการป้องกันรัฐประหารให้เป็นความผิดฐานเป็นกบฏ ไม่มีกำหนดอายุความ สร้างระบบราชการที่มีหัวใจเป็นประชาชน ‘ชลน่าน’ โต้จับมือ 'พล.อ.ประวิตร' ยืนยันอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับใคร ไม่ดีลกับใคร

5 เม.ย.2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทย จัดงานปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพมหานครครั้งแรก กับงาน “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน” ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี  ตั้งแต่เวลา 16.00 น

โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร เศรษฐา ทวีสิน และชัยเกษม นิติสิริ 

ภายในงานมีผู้บริหาร กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย 100 คน, ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ สมาชิกพรรค และประชาชนเข้าร่วมงานเกือบเต็มพื้นที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม  

นอกจากนี้ยังมีการจัดทางเดินเข้างานเป็นประตูกุญแจสีแดง ซึ่งมีความหมายถึงการก้าวเดินร่วมทางกับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นความหวังเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ  และยังมีการจัด ‘พรมแดง’ สำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายสาขาอาชีพ ตั้งแต่ กลุ่ม LGBTQ, กลุ่มองค์กรสตรี และนักธุรกิจประเทศ,ผู้นำสตรีนครปฐม ,ผู้นำสตรีอยุธยา, สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย, กลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่, กลุ่ม Indian Community, องค์กร NGO , กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ , นางแบกเพื่อไทย, กลุ่มเยาวชน เชนจ์เมกเกอร์, กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์และแกร็บไรเดอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ในวงการต่างๆ 

‘ชัยเกษม’ แคนดิเดตคนที่ 3 เพื่อไทย ยันหลักนิติรัฐนิติธรรม เร่งแก้รัฐธรรมนูญ โดย สสร. สร้างระบบราชการที่มีหัวใจเป็นประชาชน

ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน ONE TEAM FOR ALL THAIS : หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน จากพรรคเพื่อไทย พร้อมลงรายละเอียดนโยบาย และย้ำหมายเลข 29 ของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้

 

ชัยเกษม กล่าวบนเวทีประกาศจุดยืนในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนยังคงยืนยันถึงหลักนิติรัฐและนิติธรรม ในฐานะอดีตข้าราชการ ได้รับการสอนมาเสมอว่า กฎหมายคือเครื่องมือรัฐในการควบคุมการดำเนินกิจกรรมของสังคม อำนวยความสะดวกประชาชน และพัฒนาประเทศชาติ

แต่ 8 ปีที่ผ่านมากฎหมายกลับกลายเป็นเครื่องมือที่รัฐจงใจนำไปใช้อย่างผิดรูป จนกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ข้าราชการไม่ได้บริการประชาชนด้วยหัวใจ ไร้ซึ่งมิตรภาพและการมองเห็นประชาชนเป็นผู้เสียภาษี ระบบราชการเอื้อผลประโยชน์ให้คนเพียงไม่กี่กลุ่ม

อันเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เป็นผลพวงจากการยึดอำนาจ ของคณะรัฐประหาร ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อสืบทอดอำนาจของพรรคพวกตัวเอง และปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ มีแต่เพียงการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญลวงตาของคณะรัฐประหาร

ชัยเกษมให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ขอให้ประชาชนไว้วางใจพรรคเพื่อไทย ทันทีที่ชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

ด้านนโยบายนั้น ชัยเกษม พูดถึงรายละเอียดนโยบาย 3 ประการ ที่จะสร้าง นิติธรรมนิติรัฐดี ส่งเสริมให้เศรษฐกิจดีขึ้น และชีวิตทุกคนที่จะดีตามมา ได้แก่ ทำให้กระบวนการยุติธรรมเท่ากับความยุติธรรม, ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบให้กลับมามีหัวใจเป็นประชาชนอีกครั้ง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ประการแรก พรรคเพื่อไทยจะ “สร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้” และปรับปรุง ยกเลิก กฎหมายที่ล้าหลัง ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ รวมถึงลดขั้นตอนใช้ดุลยพินิจ เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรมและถ้วนหน้า

ประการที่สอง พรรคเพื่อไทยพร้อม “ปฏิรูประบบราชการท้ังระบบให้กลับมามีหัวใจเป็นประชาชน”โดยการยกระดับหน่วยงานราชการเป็นดิจิตอล ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรัฐในที่เดียว และสามารถตรวจสอบผ่าน Blockchain ได้อย่างโปร่งใส, เปลี่ยนการชำระค่าธรรมเนียมเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ “Central Bank Digital Currency (CBDC)” ในการจัดจ้าง และดำเนินการของภาครัฐ เพื่อป้องกันการใช้เงินสดทุจริตในระบบราชการและยกระดับระบบการเงินของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการทำ “Open Government” เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ทุกภาคส่วน

ประการที่สาม พรรคเพื่อไทยขอย้ำจุดยืนที่จะ “แก้ปมแรกของทุกปัญหา ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์ และคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกของประชาชน และต้องมีมาตราสำหรับการป้องกันรัฐประหารให้เป็นความผิดฐานเป็นกบฏ ไม่มีกำหนดอายุความ ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยได้เสนอไว้ เพื่อให้รัฐธรรมนูญของไทยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการยึดอำนาจอีก

ชัยเกษม นับถอยหลัง 37 วัน สู่วันเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ย้ำถึงเป้าหมายที่อยากเห็นประเทศไทยที่ดีกว่า อยากเห็นอนาคตลูกหลานที่มีความสุข โปรดเข้าคูหา กาเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งคน ทั้งพรรค และประชาชนจะได้พบเจอความยุติธรรมที่กินได้ และหน่วยงานราชการที่มีหัวใจเป็นประชาชนอีกครั้ง

‘ชลน่าน’ โต้จับมือ 'พล.อ.ประวิตร' ยันอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับใคร ไม่ดีลกับใคร

เวลา 18.00 น. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้ยื่นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 รายชื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เรียบร้อย และพรรคเพื่อไทยจับสลากได้หมายเลขพรรคคือเบอร์ 29 แล้ว ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ สองเท้าก้าวเข้าคูหากาเพื่อไทยเบอร์ 29 ปิดฉากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป เอาระบอบประยุทธ์ออกไปพร้อมทั้ง 250 ส.ว.และเครือข่าย 3 ป.

ชลน่าน กล่าวยืนยันอีกครั้ง ถึงกระแสข่าวการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ นั้น ตนขอทุบโต๊ะยืนยันอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับใคร ไม่ดีลกับใคร พรรคเพื่อไทยมุ่งหน้าตั้งเป้าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 310 เสียงขึ้นไป ดังนั้น คนที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือด้วยคือพี่น้องประชาชนเท่านั้น

ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนนั้น พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าเป็นผู้ที่มีความพร้อมทั้งด้านคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามและมีหัวใจที่ต้องการจะไปรับใช้ไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ทั้ง 3 รายชื่อมีความโดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง เป็นผู้มีทักษะและจิตวิญญาณความรักในการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนอย่างโดดเด่น แค่ 1 ปี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้รับการตอบรับจากพี่น้องยกให้เป็นลำดับที่ 1 ที่อยากให้มาเป็นนายกรัฐมนตรี  แคนดิเดตคนที่ 2 เป็นนักธุรกิจที่มีความสำเร็จได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจ และเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึก เข้าใจวิถีชีวิตความเป็นมนุษย์ด้วยหัวใจและเห็นอกเห็นใจ แคนดิเดตคนที่ 3 คือบุคลากรจากภาครัฐ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในหน้าที่การงาน เชี่ยวชาญด้านการกฎหมายและยุติธรรม เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่กฎหมายถูกใช้อย่างล้นเกินจนละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน 

“ดังนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนพร้อมแล้ว ประชาชนพร้อมหรือยัง ที่จะกาพรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 ให้แลนด์ไลด์ทั้งแผ่นดิน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง ปราศรัยบนเวทีถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยกล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้าไปเป็นรัฐบาล แนวทางปราบยาเสพติดคือต้องเริ่มต้นตั้งแต่การป้องกัน ปราบปราม บำบัด รักษา โดยใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีเข้ามาแก้ปัญหาให้ตรงจุด ยกการปราบยาเสพติดให้เป็นวาระแห่งชาติ และต้องร่วมมือกับประเทศอาเซียนร่วมกันปราบปราม ไม่ใช่ทำเหมือนรัฐบาลปัจจุบันนี้ ที่แก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้จนเกิดปัญหาสังคมลุกลามไปปัญหาอาชญากรรม พนันออนไลน์ ดังนั้น หากจะต้องการปราบยาเสพติดให้เด็ดขาดจริงจังให้เลือกเพื่อไทยในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงหมายเลขของพรรคเพื่อไทยหมายเลขที่ 29 นั้นจะมีปัญหาว่าประชาชนจะจำหมายเลขไม่ได้นั้น ขอบอกว่าไม่ต้องห่วงว่าประชาชนจะจำหมายเลขพรรคเพื่อไทยไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้หมายเลขอะไร ประชาชนจำได้หมดเพราะที่ผ่านมากว่า 8 ปี ประชาชนจำได้จนซึ้งสาแก่ใจแล้วว่าไม่มียุคนายกรัฐมนตรีคนไหนบริหารบ้านเมืองแล้วพังพินาศ ประชาชนอดอยากเจอโรคระบาดตายข้างถนนได้เท่านี้อีกแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าเบอร์ 29 คนไทยก็จำแม่นตั้งแต่วินาทีแรกที่จับเบอร์แล้ว เพราะต้องจำไปเพื่อกาไล่เผด็จการ ไล่พลเอกประยุทธ์ ไล่ 3 ป.ออกไปเท่านั้น 

ส่วนที่มีคนถามว่า แล้วที่พรรคพลเอกประยุทธ์ ได้หมายเลข 22 นั้น ณัฐวุฒิ กล่าวว่า วันที่ทำการยึดอำนาจคนไทยต้นเหตุแห่งความหายนะของประเทศตลอด 8 ปี หมายเลข 22 จึงตอกย้ำความจำและความเจ็บปวดของประชาชน ดังนั้น เมื่อคุณมาวันที่ 22 คุณก็ต้องไปด้วยเบอร์ 22 คือประชาชนจะปฏิเสธ พลเอกประยุทธ์มาทางไหนก็ให้ไปทางนั้น และก็หมายถึงไปกันทั้ง 2 พี่น้องพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตร นั้นเอง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net