บันทึกถ่ายทอดสดการสนทนากับ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ กลุ่มราษฎร ว่าด้วยเรื่องแคมเปญ ‘โหวตเพื่อเปลี่ยน’ จะเอาอย่างไรต่อหลังเหลืออีก 2 สัปดาห์จะเลือกตั้ง ยุทธศาสตร์ในการเลือกครั้งนี้เป็นอย่างไร ข้อกังวลและความคาดหวังต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งสิ่งที่กลุ่มจะทำหลังทราบผลเลือกตั้ง

สำหรับ 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องในแคมเปญ ‘โหวตเพื่อเปลี่ยน’ของกลุ่มราษฎร คือ การเลือกตั้งที่ฝ่ายประชาธิปไตยชนะไปด้วยกัน ขณะที่ปัจจุบันการวิพากษ์กันเองของผู้สนับสนุนพรรคการเมืองที่อาจเรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลกลับสูงขึ้นก่อนการเลือกตั้งนั้น ภัสราวลี มองว่า เมื่อเห็นความเข้มข้นในการแข่งขันมากๆ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล รวมมถึงกระแสตอบรับทั้งในทางโซเชียลมีเดียและประชาชนทั่วไป เราเห็นบรรยากาศแล้วว่ามันเป็นการแข่งขันของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นหมายความว่ายิ่งความสนใจในการเลือกต้ั้งครั้งนี้เอนไปทางพรรคที่ยึดถือประชาธิปไตยมากเท่าไหร่ หมายความว่าฝ่ายเผด็จการก็จะได้เก้าอี้ ส.ส.น้อยลงเท่านั้น

หากดูจากผลโพลในหลายๆ โพลที่เกิดขึ้นมากระแสนำจะเป็นเพียงแค่ก้าวไกลกับเพื่อไทย ขณะที่เปอร์เซ็นต์ของพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคอื่นๆ ที่เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างที่จะมีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่คนจะรู้สึกว่าอยากให้เข้ากลับเข้าไปอยู่ในสภาอีกครั้งหนึ่งเพราะฉะนั้น มันค่อนข้างตอบได้อย่างชัดเจนว่ายิ่งมีกระแสวิพากษ์กันว่าจะไปตกปลาในบ่อเพื่อนหรือเปล่า หรือว่าอย่างนี้มันจะเป็นการแทงข้างหลังเพื่อนหรือเปล่า ในขณะที่กระแสการสนับสนุนพรรคที่สืบทอดอำนาจก็ค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เท่ากับว่าเป็นไปได้ไหมที่การเลือกตั้งในครั้งนี้พรรคที่จะเข้าไปมีเก้าอี้ในสภามากๆ อาจจะเป็นแค่เพื่อไทยกับก้าวไกลก็ได้

ภัสราวลี ยังกล่าวด้วยว่า ในครั้งนี้หากเราคาดการณ์ว่ากระแสฝั่งประชาธิปไตยและความต้องการการเปลี่ยนแปลงมาแรงมาก เพราะฉะนั้นหากการเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปรงใสและยุติธรรมจริงๆ ตนเชื่อว่าที่นั่งในรัฐสภาต่อไปจะประกอบไปด้วยก้าวไกลและเพื่อไทยเป็นเสียงส่วนใหญ่ ส่วนพรรคอื่นๆ จะกลายเป็นพรรคเล็กที่อาจจะได้เสียงคนที่ยังศรัทธาในตัวพรรคหรือบุคคลเหนียวแน่น ดังนั้นการที่เราบอกชนะไปด้วยกันมันย่อมสอดคล้องกับเรื่องของการทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมด้วย เราอาจไม่ต้องกังวลว่ามันจะเป็นการพาดฟันกันของ 2 พรรคการเมืองที่เหมือนจะมีอุดมการณ์คล้ายกัน เรามองตรงนี้เป็นโอกาสดีกว่าในการที่จะได้ส่งพรรคเหล่านี้ที่ยืนอยู่ข้างประชาชนเข้าไปอยู่ในสภามากที่สุดหากการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

อนึ่ง  “โหวตเพื่อเปลี่ยน” (Vote for Change) ของกลุ่มราษฎรและเครือข่ายนั้นประกอบไปด้วยหลักการสำคัญ 3 ข้อ ประกอบด้วย 

1.การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม : กดดันและจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.และหน่วยงานรัฐทั้งหลาย ให้อยู่บนหลักของความบริสุทธิ์ โปร่งใส และยุติธรรม

2.การเลือกตั้งที่ฝ่ายประชาธิปไตยชนะไปด้วยกัน : เชิญชวนและเรียกร้องต่อประชาชนและบรรดาพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทั้งปวง ให้เดินหน้าร่วมกันเอาชนะฝ่ายเผด็จการผ่านการเลือกตั้ง และผนึกกำลังพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเป็นเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล

3.การเลือกตั้งเพื่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างแท้จริง : ภายหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกันของฝ่ายประชาธิปไตย รัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้าสู่การปฏิรูปในทุกองคาพยพ ทั้งการปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปทางการเมือง ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการปฏิรูปสถาบันฯ