Skip to main content
sharethis

ความพยายามในการบำบัดความเครียดให้แก่คนทำงาน แล้วส่งพวกเขากลับไปในสภาพการทำงานเดิม อาจจะเป็นการสร้าง 'ความยืดหยุ่น' ให้นายจ้าง มากกว่าการ 'แก้ปัญหา' ให้คนทำงาน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในการทำงานของ Hazards Magazine ชี้ว่าคนทำงานจำเป็นต้องท้าทายสภาพการทำงานที่เป็นพิษ (Toxic workplace) ตั้งแต่แรก และสหภาพแรงงานจำเป็นต้องกดดันนายจ้างให้เอาจริงเอาจังเกี่ยวกับเรื่องนี้


ที่มาภาพ: Hazards Magazine

จากบทความ Dave Smith’s guide to organising. No.21. Resilience is not the answer ในวารสาร Hazards ฉบับที่ 161, 2023 ซึ่งเป็นวารสารส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานตามแนวทางของสหภาพแรงงาน ที่เผยแพร่ในสหราชอาณาจักร ชี้ว่ากว่า 9 ใน 10 ของคนทำงานบริการฉุกเฉินในอังกฤษ เคยประสบกับปัญหาสุขภาพจิตบางรูปแบบในระหว่างการทำงาน ข้อมูลนี้มาจากโครงการ Blue Light ที่ดำเนินการวิจัยโดย Mind องค์กรไม่แสวงผลกำไร แสดงให้เห็นว่า 69% ของคนทำงานแนวหน้า (front-line staff) รู้สึกว่าสุขภาพจิตของพวกเขาแย่ลงตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา โดย 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าสุขภาพจิตในปัจจุบันของพวกเขา "แย่" หรือ "แย่มาก"

เดฟ สมิท (Dave Smith) ผู้เขียนบทความ ระบุว่าเขาทำงานกับสหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนของนักผจญเพลิง แพทย์ และพยาบาลมาเป็นเวลาหลายปี เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจที่หลายคนประสบขณะทำงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) กำลังเป็นปัญหาหลักที่น่ากังวล

แต่โรค PTSD ยังไม่ได้เป็นปัญหาสุขภาพจิตความสำคัญที่หนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยสมาชิกของสหภาพแรงงาน UNISON และ GMB ความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดจากความขาดแคลนบุคลากร ภาระงานที่มากเกินไป หรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เพียงพอ มีการพบเจอมากกว่าเป็นอย่างมาก


ผู้บริหารระดับสูงของ Royal Mail (ไปรษณีย์อังกฤษ) ยอมรับว่าอุปกรณ์ติดตามดิจิทัลนั้น ถูกใช้เพื่อกดดันให้พนักงานทํางานได้เร็วขึ้น | ที่มาภาพ: Hazards Magazine

ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องสากลทั้งในด้านการศึกษาและการดูแลทางสังคม หน่วยงานด้านการคุ้มครองแรงงานของสหราชอาณาจักร ชี้ว่าการกลั่นแกล้ง การเลือกปฏิบัติ และการจ่ายเงินล่าช้า ส่งผลกระทบโดยรวมต่อทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ และนั่นคือสาเหตุที่สร้างความเครียดในการทำงาน ความหดหู่ใจ และความวิตกกังวลสูงเป็นประวัติการณ์ในสหราชอาณาจักร ซึ่งขณะนี้คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการทำงานทั้งหมด 

ในขณะที่นายจ้างบางรายเริ่มตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจิตของพนักงาน แต่การปฏิบัติจริงในที่ทำงาน มักจะจำกัดอยู่เพียงสายด่วนให้คำปรึกษา หรือการให้คำแนะนำด้านสุขภาพจิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

ไม่มีสหภาพแรงงานใดที่ต่อต้านความคิดริเริ่มประเภทนี้ แต่เหตุใดกลยุทธ์ของหัวหน้างานจำนวนมากจึงมุ่งเน้นที่การให้การสนับสนุนคนทำงานที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว แทนที่จะจัดการกับปัญหาในที่ทำงานที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยเป็นอันดับแรก? นายจ้างมักอ้างว่าการสรรหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพในโรงอาหาร หรือสนับสนุนให้พนักงานปั่นจักรยาน หรือเลิกสูบบุหรี่ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อ 'ความเป็นอยู่ที่ดี' ของทำคนงาน

ในเดือน ก.พ. 2566 IOSH อันเป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในการทำงาน เตือนว่านายจ้างจำนวนมากขึ้น “ต้องการให้คนทำงานคำนึงถึงสวัสดิภาพของของตน แต่ไม่สามารถให้สวัสดิการที่แท้จริงแก่พวกเขาได้” การสำรวจความคิดเห็นของ IOSH พบว่าพนักงานไม่ประทับใจกับบริการส่งเสริมคุณภาพชีวิตออนไลน์ โปรแกรมช่วยเหลือการจ้างงานที่จัดการเฉพาะปัญหาส่วนตัวมากกว่าปัญหาในที่ทำงาน ของฟรีและส่วนลด และการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตเบื้องต้น

ในทางกลับกัน พนักงานกลับชอบการประเมินความเสี่ยงจากความเครียดในที่ทำงาน การสนับสนุนวัยหมดประจำเดือน การจัดการที่ดีขึ้น และการทำงานที่ยืดหยุ่น ทัศนคติที่ตอบสนองมากขึ้นต่อแบบสำรวจของผู้ปฏิบัติงานก็มีความสำคัญเช่นกัน

ดร. คาเรน มิเชลล์ (Karen Michell) หัวหน้าโครงการวิจัยของ IOSH กล่าวว่า “ความคาดหวังของพนักงานที่มากขึ้นจากนายจ้าง กำลังชักนำให้บางส่วนไปสู่การปฏิบัติแบบ 'การฟอกขาวความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน' (wellbeing washing) ซึ่งนายจ้างมักจะพูดถึงแต่สิ่งดี เมื่อพูดถึงการดูแลคนทำงานให้มีความเป็นอยู่ที่ดี แต่ไม่สามารถไปไกลกว่าการเสนอผลประโยชน์ที่ดูดีอย่างผิวเผิน ที่ไม่ได้กล่าวถึงองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจ”

มีแนวโน้มที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้นสำหรับ 'ความยืดหยุ่น' ที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ได้รับค่าตอบแทนสูงมักให้เหตุผลว่าพนักงานที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจเป็นประจำ สามารถเรียนรู้กลไกการเผชิญปัญหา ซึ่งช่วยให้พวกเขาปรับตัวเข้ากับความเครียดในที่ทำงานได้

เพื่อเอาไว้เป็นประเด็นประโคมสื่อ Amazon ได้ติดตั้งห้องเพื่อสุขภาพจิต AmaZen ภายใต้โครงการ “WorkingWell” ในศูนย์กระจายสินค้าของตน ภายในห้องที่คล้ายกับตู้โทรศัพท์  มีซอฟต์แวร์การทำสมาธิผสมผสานคลื่นเสียงของปลาวาฬ พร้อมกับภาพคลื่นซัดสาดบนหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า Amazon ควรสร้าง "บูธร้องไห้" ให้แก่พนักงานมากกว่า

 

 

ในสภาพแวดล้อมของการทำงานในอุตสาหกรรมที่ขึ้นอยู่กับเส้นตายและมีการบริหารจัดการขนาดเล็ก พนักงานที่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่ามักจะถูกเลิกจ้างเป็นอันดับแรก

แนวทางความเป็นอยู่ที่ดีและการคืนสภาพที่ดีให้แก่คนทำงานนั้น มีทั้งการตำหนิรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทำงานที่ส่งผลต่อสุขภาพจิต การควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย มากกว่าที่จะกำหนดเป้าหมายขององค์กรในเรื่องเวลาการทำงานและค่าตอบแทน ในขณะที่เสนอภาพว่ามีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสุขภาพจิตของคนในองค์กร แต่นายจ้างบางรายกลับคัดผู้สมัครงานที่มีปัญหาสุขภาพจิตออกไปจากการพิจารณา

องค์กรภาครัฐแห่งหนึ่งได้ทำแบบสอบถามก่อนการจ้างงาน ซึ่งรวมถึงการถามผู้สมัครว่า "พ่อแม่ของพวกเขาหย่าร้างกันในวัยเด็กหรือไม่?" ขั้นตอนการสรรหาเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน และด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ความล้มเหลวของคนทำงานแต่ละคน หน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลพนักงานของนายจ้างกลับถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย


งานศึกษาของ Kings College London (KCL) พบว่า "งานที่ไม่มั่นคง" (Precarious Work) กระทบต่อความปลอดภัยของคนทำงาน พวกเขาต้องประสบกับความเครียด อ่อนเพลีย ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และอารมณ์อื่น ๆ เช่น ความหงุดหงิด ความรู้สึกผิด และความนับถือตนเองที่ต่ำลง | ที่มาภาพ: Hazards Magazine

กลยุทธ์ที่จริงจังเพื่อลดปัญหาสุขภาพจิตให้แก่คนทำงาน ต้องเริ่มต้นด้วยการระบุว่าสิ่งใดบ้างในสภาพแวดล้อมการทำงานที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อพนักงาน แม้แต่มาตรฐานการจัดการความเครียดที่ดูจืดชืดของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงานอย่าง HSE ก็เน้นย้ำว่าความพยายามของนายจ้างในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กรโดยปราศจากการปรึกษาหารือที่เหมาะสม การอัปเดทข้อมูลที่ทันท่วงที และการฝึกอบรมพนักงานใหม่อาจเป็นสาเหตุสำคัญของความเครียดได้

การปรับโครงสร้าง ความซ้ำซ้อน และการขาดการปรึกษาหารือของสหภาพแรงงาน ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงโดยรวมในหมู่คนทำงาน สิ่งเหล่านี้คืออันตรายที่ควรถูกระบุไว้ในการประเมินความเสี่ยงเต็มรูปแบบเกี่ยวกับความเครียด และหากเป็นไปได้ควรมีมาตรการควบคุมที่นำมาใช้เพื่อขจัดหรือลดอันตราย ณ แหล่งที่มา 

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตเบื้องต้นและสายด่วนให้คำปรึกษาที่มีความตั้งใจดี ได้ขจัดหรือลดความเสี่ยงต่อสุขภาพจิตของคนทำงานเพียงส่วนน้อยเท่านั้น แทนที่จะสนับสนุนความคิดริเริ่มเพื่อความยืดหยุ่นของนายจ้าง ฝ่ายความปลอดภัยของสหภาพแรงงานจำเป็นต้องนำคนทำงานมารวมตัวกัน เพื่อกดดันนายจ้างให้เอาจริงเอาจังเกี่ยวกับเรื่องนี้.


ที่มา:
Dave Smith’s guide to organising. No.21. Resilience is not the answer (Hazards, number 161, 2023)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net