Skip to main content
sharethis

ทนายความฝ่ายบริษัทเหมืองหินดงมะไฟเอาเอกสารจ่ายค่าภาคหลวงแร่ที่อุตสาหกรรมจังหวัดมาอ้างในศาลเพื่อขนแร่ออกจากพื้นที่ หลังเลิกศาลชาวบ้านไปถามอุตสาหกรรมจังหวัดได้คำตอบว่าเป็นแค่เอกสารจ่ายค่าภาคหลวงถ้าบริษัทจะขนออกต้องมาขออนุญาต

เมื่อวานนี้ (11 ก.ย.2566) 13.00 น.ที่ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดกว่า 50 คน พร้อมทนายความมาตามนัดพร้อมชี้สองสถานคดีแพ่งในคดีที่ธีรสิทธิ์ ตรีวัฒนสุวรรณ เจ้าของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดที่กำลังปักหลักชุมนุมตั้ง ‘หมู่บ้านผาฮวกพัฒนาชาวประชาสามัคคี’ มาตั้งแต่ 13 ส.ค.2563 ถึงขณะนี้โดยบริษัทอ้างว่ากลุ่มอนุรักษ์ทำการก่อสร้างสิ่งกีดขวาง กางเต็นท์ที่พัก ไม่ให้บริษัทขนแร่ออกจากกองแร่หินปูนที่บริษัทได้ดำเนินการไว้

ทั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวมี 3 ข้อเรียกร้อง คือ ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี

อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัดของศาล ทนายความของธีรสิทธิ์ซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ยังไม่มา จนเวลาล่วงเลยไป 40 นาที เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่า ทนายความฝ่ายโจทก์ขอนัดพร้อมชี้สองสถานผ่านวีดีโอคอล และได้ขอส่งเอกสารให้ทนายความจำเลยทางออนไลน์ โดยอ้างว่าพึ่งได้รับเอกสารจากอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภู

เมื่อผู้พิพากษานั่งบัลลังก์ ทนายความฝ่ายโจทก์ก็ได้กล่าวอ้างถึงข้อตกลงของนัดที่แล้ว ว่าถ้าบริษัทมีเอกสารขนแร่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางนักปกป้องสิทธิฯก็พร้อมให้ขนแร่ แต่ทางทนายความฝ่ายจำเลยได้โต้แย้งว่าหนังสือของฝ่ายโจทก์ ไม่ได้มีการอ้างอิงถึงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ยืนยันตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น และยังเป็นหนังสือชี้แจงการจ่ายค่าภาคหลวงเท่านั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนแร่ ทางฝ่ายกลุ่มอนุรักษ์จึงไม่สามารถยอมรับเอกสารนี้ได้

ผู้พากษากล่าวว่าคดีนี้ถึงจะมีคำพิพากษาแต่เรื่องก็จะยังไม่จบ แต่เมื่อฝ่ายโจทก์พร้อมจะสืบก็เป็นสิทธิในการดำเนินคดีในชั้นสืบพยานต่อไป พร้อมทั้งนัดสืบพยานในวันที่ 8-10 พ.ย.2566

ทั้งนี้ในการพิจารณาคดีนัดที่แล้วทางฝ่ายทนายความของบริษัทอ้างว่าธีรสิทธิ์มีหลักฐานว่าบริษัทมีสิทธิครอบครองแร่โดยถูกต้อง มีใบอนุญาตขนแร่ มีเอกสารชำระค่าภาคหลวงแร่ ฉะนั้นบริษัทย่อมมีสิทธิที่จะนำแร่นั้นไปขายได้ แต่ในนัดที่แล้วทนายโจทก์อ้างว่าไม่ได้นำเอกสารมาด้วย จึงขอเวลา 2 เดือน เพื่อนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อศาล โดยศาลให้เลื่อนนัดได้เป็นวันที่ 11 ก.ย. 2566

ต่อมาเวลา 15.00 น. สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์เดินทางไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภูต่อเพื่อขอคำชี้แจงเรื่องเอกสารที่ออกให้กับบริษัทฯ ว่าเป็นการอนุญาตให้ขนแร่ตามที่ทนายโจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ เมื่อไปถึงสำนักงานเจ้าหน้าที่ก็ได้เปิดห้องประชุม โดยทนายความของนักปกป้องสิทธิฯได้แจ้งว่าหนังสือที่ออกให้กับบริษัทฯเป็นหนังสือที่ไม่ยึดโยงคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น และ ศาลปกครองสุงสุด อีกทั้งไม่ยึดโยงกับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกรณีการขนย้ายทรัพย์สินต่างๆในเหมืองโดยผู้ว่าราชการหนองบัวลำภูเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการนี้

ด้านเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมฯ ได้ชี้แจงว่าหนังสือที่ออกให้กับบริษัทธ.ศิลาสิทธิเป็นเพียงเอกสารที่รับรองว่า บริษัทได้จ่ายค่าภาคหลวงแร่แล้วเท่านั้น ไม่ใช่หนังสือให้บริษัทสามารถขนแร่ออกจากพื้นที่หรือเป็นหนังสือยืนยันว่าแร่เป็นของใคร หากมีการขนแร่ต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอีกครั้งและต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการระดับจังหวัดที่แต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดอีกทั้งการที่จะขนแร่ออกจากพื้นที่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ซึ่งต้องมีอีกหลายขั้นตอน หากอยากได้ข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรให้กลุ่มอนุรักษ์ฯ ทำหนังสือมาสำนักงานอุตสาหกรรมฯ ได้พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น

ทั้งนี้สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้กล่าวถึงความรู้สึกว่า การขึ้นศาลวันนี้มีความรู้สึกว่าบริษัทอยากแกล้งเราให้เสียเวลาทำมาหากินมากกว่าจะต้องการชนะคดี แต่บริษัทฯคงคิดผิดเพราะเราสู้มาเกือบ 30 ปีแล้ว ยิ่งสู้ยิ่งสนุก ยิ่งสู้บริษัทฯยิ่งหมดหนทาง อ้างข้อแก้ตัวไปทั่ว ไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลย แต่ชาวบ้านนั้นสู้ด้วยความถูกต้อง ศาลปกครองก็ยังพิพากษาให้ชนะคดี เพื่อนๆ จากเครือข่ายอื่นๆก็มาช่วย มาให้กำลังใจตลอด การมาต่อสู้กับเหมืองก็ได้กินข้าวร่วมกัน ได้พบเจอกัน ซึ่งเหมืองต้องจบที่รุ่นนี้และเวลาใกล้ๆนี้

อย่างไรก็ตามแม้กระบวนการต่อสู้จะยากเย็นเข็นใจยาวนานขนาดไหน แต่นักสู้จากดงมะไฟตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดหนองบัวลำภูจะจารึกเรื่องราวการต่อสู้ ที่ต่อสู้ทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะเรื่องต่อสู้ในชั้นศาล ต่อสู้โดยการยื่นหนังสือส่งข้อเท็จจริงให้กับหน่วยงานรัฐก็ไม่หยุด เรื่องต่อสู้บนท้องถนนก็ยังก้าวไม่มีหน่าย โปรดจงจำไว้อย่ามาเล่นกับความรู้สึกของนักสู้ดงมะไฟ เพราะเขาจะไม่ยอมแพ้ ให้นายทุนคนใจบาปเอาภูเขาไปถลุงอีกต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net