Skip to main content
sharethis

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกค้นบ้านพักคดีพนันออนไลน์ 2 วันก่อนแต่งตั้ง ผบ.ตร. เจ้าตัวยันเป็นนักสู้อยู่แล้ว ปัดตอบปมแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ทั้งที่เพิ่งถูก ผบ.ตร.โอนคดีกำนันนกไปให้กองปราบฯ ด้าน ผบ.ตร. ยันให้ความเป็นธรรม เชื่อไม่ใช่ความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ


จากกรณีช่วงเช้า วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และบ้านที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพักรวม 5 หลัง ภายในหมู่บ้านในซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ 

โดยในช่วงแรกของการตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านพัก พร้อมปฏิเสธการเข้าตรวจค้น  กำลังรอให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ร่วมเข้าเจรจาขอตรวจค้น จนต่อมาหลังจากเจรจากันเป็นผลสำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้าน โดยการเข้าตรวจค้นทั้งหมด มีจำนวนกว่า 30 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากเป็นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และภรรยาแล้ว ยังรวมไปถึงบ้านลูกน้องคนสนิทอีกจำนวนหลายคน

อย่างไรก็ตามการบุกค้นนี้เกิดขึ้น 2 วันก่อนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ย.นี้ โดยวาระสำคัญคือพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ รวมทั้งยังมีรายงานด้วยว่าจะมีการขอขยายระยะเวลาการพิจารณาแต่งตั้งนายพลระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.ประจำปี 2566 ออกไปอีก 1 เดือน ด้วย โดยที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็น 1 ใน 4 ผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ด้วย

ยันเป็นนักสู้อยู่แล้ว ปัดตอบเอี่ยว แต่งตั้ง ผบ.ตร.

หลังถูกตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สโมสรตำรวจถึงการตรวจค้นว่า "ใครเป็นคนทำก็ต้องรับผิดชอบ นิสัยผมเป็นนักสู้อยู่แล้ว"

ต่อคำถามถึงความเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่จะถึงหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ตอบ พร้อมขอให้ผู้สื่อข่าวไปดูเถอะว่าเร็วๆ นี้จะมีเรื่องอะไร

"ต้องยอมรับครับว่าผมทำคดีเยอะ คดีแต่ละคดีมันก็ไปเกี่ยวพันกับตำรวจเยอะ เส้นทางการเงินก็ไปเกี่ยวพันกับตำรวจเยอะ ก็กำลังจะมีการออกหมายจับตำรวจหลายคน มีการเข้าค้นในหลายส่วน ก็ธรรมชาติ มันต้องรับแรงกดดันแบบนี้ แต่ถามว่าถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า เพิ่งทราบว่าการเข้าบุกค้นครั้งนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับข้อหาเว็บไซต์พนันออนไลน์ เมื่อมีหมายศาลมาก็ต้องดำเนินการไปตามหน้าที่ ส่วนลูกน้องของตนเอง ถูกระบุว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เท่าที่ได้รับแจ้งก็มีประมาณ 5-6 ราย ทุกคนก็ต้องไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ส่วนจะเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ตนไม่ทราบเหมือนกัน และวันนี้ตนก็จะไปทำงานตามปกติ เพราะมีหน้าที่อยู่   

เพิ่งถูก ผบ.ตร.โอนคดีกำนันนกไปให้กองปราบฯ

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ติดตามคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังคดีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้ออื่นๆ แต่ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โอนคดีดังกล่าวไปให้กองบังคับการปราบปราม รับผิดชอบดูแล โดย ผบ.ตร.ยืนยันว่า อนุมัติคดีให้กองปราบฯ รับผิดชอบเพียงเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลทุกอย่าง และตนไม่ได้ถือว่าเป็นการลิดรอนอำนาจ ตนยืนยันว่าเป็นการตีความผิดไปเอง

ผบ.ตร. ยันให้ความเป็นธรรม เชื่อไม่ใช่ความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ

ส่วนคำถามที่ว่าการบุกค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อช่วงเช้า(25 ก.ย.) เกี่ยวข้องกับการสรรหา ผบ.ตร.คนใหม่ ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นการทำงานจากการขยายผล และเรื่องนี้ก็ยังไม่เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อาจจะเกี่ยวกับลูกน้องของท่านต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งในองค์กรตำรวจระหว่าง 2 ตำรวจใหญ่หรือไม่ ผบ.ตร.ระบุว่า ตนเชื่อว่าไม่ เป็นเรื่องของหลักฐานไปถึงใครเท่านั้นเอง มีคดีตั้งต้นอยู่ก็สอบสวนไป

ส่วนที่สังคมมองว่าคดีนี้เป็นการตัดแข้งตัดขาถึงเล่นกันแรงขนาดนี้นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน อย่างเช่น การเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ตอนแรกก็มีข่าวว่าเป็นการฆาตกรรม ตนก็ไปตรวจสอบด้วยตนเอง สอบถามจาก กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ใช่ แต่เป็นการฆ่าตัวตาย ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง ตำรวจที่อยู่ในงาน ใครจะผิดใครจะละเว้น  ใครจะให้การเท็จหรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง และเป็นไปตามข้อกฎหมาย ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ไม่อยากพูดก่อน

เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย, ผู้จัดการออนไลน์, ไทยพีบีเอส, อิศรา และโพสต์ทูเดย์ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net