การศึกษาเผยชาวอเมริกันออทิสติกที่อยู่ในวัยทำงานเกือบ 99% เข้าไม่ถึงบริการจัดหางานให้โดยเฉพาะ นักวิจัยเน้นย้ำการยกเครื่องนโยบายเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบริการจัดหารงานในสหรัฐฯ ให้ดีขึ้น
งานศึกษาจากสถาบันออทิสติก A.J. Drexel (A.J. Drexel Autism Institute’s Policy and Analytics Center) ระบุว่าชาวอเมริกันออทิสติกที่อยู่ในวัยทำงานเกือบ 99% ไม่ได้รับบริการจัดหางานสาธารณะจากโครงการของรัฐ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพให้กับบุคคลออทิสติก ตั้งแต่ปี 2008-2016 ในสหรัฐอเมริกานั้นล้มเหลว
นักวิจัยของสถาบันออทิสติก A.J. Drexel ใช้ข้อมูลจากศูนย์บริการ "Medicare & Medicaid" (ในรายงานชิ้นนี้จะขอเรียกสั้นๆ ว่า "Medicaid") และ "Vocational Rehabilitation" ซึ่งเป็นโครงการบริการฟื้นฟูสมรรถภาพของกระทรวงศึกษาธิการ (ในรายงานชิ้นนี้จะขอเรียกสั้นๆ ว่า "โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพ") ประเด็นมุ่งเน้นไปที่การให้บริการจัดหางานสำหรับชาวอเมริกันออทิสติกวัยทำงาน
“การจ้างงานเป็นตัวกำหนดความเป็นอยู่ที่ดี ของชาวอเมริกันออทิสติกวัยทำงานประมาณ 5.4 ล้านคน ในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับพลเมืองที่ไม่มีความพิการ” แอนน์ รูซ์ (Anne Roux) นักวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและการวิเคราะห์ของสถาบันออทิสติก (Autism Institute’s Policy and Analytics Center หรือ PAC) ผู้ร่วมเขียนรายงานการศึกษา กล่าว
มีเพียง 1.1% ของชาวอเมริกันออทิสติกวัยทำงาน เข้าถึงบริการจัดหางานในปี 2016
นักวิจัยพบว่ามีเพียง 1.1% ของชาวอเมริกันออทิสติกวัยทำงาน ที่เข้าถึงบริการจัดหางานในปี 2016 แสดงให้เห็นว่ามีเพียงประมาณ 4,200 คน เท่านั้นที่ได้รับการสนับสนุนด้านการจัดหางาน ในขณะที่เกือบ 18,000 คน ใช้บริการโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพแทน
"Medicaid" และ "โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพ" แตกต่างกันอย่างไร?
ที่มาภาพ: Council for Exceptional Children (CEC)
มีความแตกต่างที่สำคัญในการนำเสนอบริการทั้งสอง แม้ว่า Medicaid จะเสนอบริการจัดหางานที่ออกแบบมาสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานประจำ) แต่โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพนั้นจะเน้นไปที่การจัดหางานระยะสั้น ในช่วงปี 2008 -2016 โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพรองรับบุคคลออทิสติกมากกว่า 8 เท่าเมื่อเทียบกับ Medicaid อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา พวกเขามีแนวโน้มที่จะเลือกโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพมากกว่า Medicaid ถึง 3 เท่า
แม้ว่า Medicaid จะให้บริการแก่บุคคลออทิสติกน้อยกว่า แต่งบประมาณในการบริการดังกล่าวก็สูงกว่า 2 เท่าของโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่น่ากังวลเกิดขึ้น เมื่องบประมาณด้านจัดหางานสำหรับบุคคลออทิสติกหดตัวลงเกือบ 30% สำหรับผู้ลงทะเบียน Medicaid ตลอดระยะเวลาที่การศึกษานี้ทำการตรวจสอบ (ช่วงปี 2008 -2016) ในขณะที่โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพมีงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจถึง 400%
“ค่าใช้จ่ายภาครัฐโดยรวมมุ่งเน้นไปที่บริการจัดหางานที่มีการจ้างงานระยะสั้น แม้ว่าบุคคลออทิสติกจำนวนมากมักจะต้องการงานประจำระยะยาว รวมทั้งความช่วยเหลือที่ยืดหยุ่นตลอดระยะเวลาการทำงานก็ตาม” รูซ์ กล่าว
ช่องว่างขนาดใหญ่ในบริการจัดหางาน
ที่มาภาพ: Network Rail media centre
ช่องว่างขนาดใหญ่ในบริการจัดหางานสาธารณะเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับทีมวิจัย
“เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะสรุปได้ว่ามีคนเพียงไม่กี่คนที่รับบริการจัดหางานสาธารณะ” รูซ์ กล่าวเสริม
เธอยังได้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับชาวอเมริกันออทิสติกวัยทำงาน หลังจากจบชั้นมัธยม พวกเขาไม่มีความมั่นใจในการเข้าถึงบริการที่สำคัญสำหรับการชีวิตประจำวัน ผลสืบเนื่องมาจาก "หน่วยบริการที่หายไป" — "ช่องว่างในการเข้าถึงบริการ" — สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนพวกเขาเมื่อผ่านพ้นวัยเด็ก สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อการเข้าถึงบริการจัดหางานถูกจำกัด การหางานเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับหลายคน ทำให้พวกเขาต้องว่างงาน ไม่มีรายได้ และค่าใช้จ่ายในด้านการดูแลสุขภาพก็สูงขึ้นด้วย
เป้าหมายหลักของการศึกษาวิจัยนี้คือการทำความเข้าใจว่าสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริการจัดหางานสำหรับชาวอเมริกันออทิสติกวัยทำงานอย่างไร นักวิจัยได้ชี้ให้เห็นถึงการขาดบริการที่เชื่อมโยงกับข้อมูลสาธารณะในระบบ Medicaid และโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางวิชาชีพ
“ดังนั้น ช่องว่างอันน่าประหลาดใจในความสามารถของเราในการให้บริการสาธารณะเหล่านี้มักจะถูกบันทึกไว้ในเรื่องราวของคนที่บอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการ หรือผู้คนที่ต้องการสนับสนุนการให้บริการเหล่านี้” ลินด์เซย์ เชีย (Lindsay Shea) ผู้อำนวยการของ PAC และผู้ร่วมเขียนงานวิจัยนี้ กล่าว “การค้นพบเหล่านี้ได้บอกความจริงกับประสบการณ์เหล่านั้น และเหตุใดการระดมทุนสำหรับบริการเหล่านี้จึงมีความสำคัญ”
เมื่อพิจารณาถึงช่องว่างและความท้าทายที่พบจากการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยจึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกเครื่องนโยบายเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบริการจัดหารงานในสหรัฐฯ ให้ดีขึ้น
การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร The Milbank Quarterly
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)