Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความฯ รายงานผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีพ.ร.บ.คอมฯ ม.14(3) สองคดีในศาลพัทยาที่มีจำเลย 2 คนโพสต์ภาพ ร.10 ที่ถูกพ่นสีเป็นข้อความ “กษัตริย์[…]”  โดยศาลอุทธรณ์พิพากษากลับของศาลชั้นต้นทั้ง 2 คดี คดีหนึ่งให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นแต่รอลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ส่วนอีกคดีศาลให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ หลังจากที่ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้องทั้ง 2 คดีนี้เพราะอัยการโจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าเป็นความผิดอาญาตามมาตราใด

16 ม.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลจังหวัดพัทยามีนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในคดีตามมาตรา 14(3) ข้อหานำข้อมูลที่เป็นความผิดความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์จำนวน 2 คดี จากการโพสต์ภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีสเปรย์เป็นข้อความ “กษัตริย์[…]” บริเวณใต้ภาพในพื้นที่พัทยากลางและแยกพัทยาใต้

สภ.เมืองพัทยา แจ้งข้อหา 112 เพิ่ม คดีพ่นสีสเปรย์ที่ฐานพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10

คดีแรกเป็นคดีของ “สนธยา” (สงวนนามสกุล) ประชาชนผู้มีความหลากหลายทางเพศวัย 28 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการทวีตภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีสเปรย์เป็นข้อความ “กษัตริย์[…]” บริเวณใต้ภาพ พร้อมข้อความประกอบว่า “พัทยากลางค่ะ” เมื่อปี 2563

ส่วนคดีที่สองเป็นของประชาชนคนหนึ่งที่ถูกฟ้องด้วยข้อหาเดียวกันจากการโพสต์ภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีสเปรย์เป็นข้อความ “กษัตริย์[…]” บริเวณใต้ภาพ พร้อมข้อความประกอบว่า “แยกพัทยาใต้” เมื่อปี 2563 ทั้งนี้คดีที่สองนี้ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่าเป็นของทนายความคนอื่นที่มีการพิพากษาในวันเดียวกันมาตั้งแต่ในศาลชั้นต้นและมีการนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมกันในวันนี้

สำหรับคดีของสนธยานั้นศูนย์ทนายความฯ ระบุว่าเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยการที่จำเลยโพสต์ภาพถ่ายดังกล่าว เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ถึงแม้ว่าโจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเป็นความผิดในมาตราใดตามประมวลกฎหมายอาญา

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่เห็นชอบด้วยกับศาลชั้นต้น เห็นสมควรให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 208 อนุ 2 (ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการจําเป็น เนื่องจากศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ก็ให้พิพากษาสั่งให้ศาลชั้นต้นทําการพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ตามรูปคดี)

ศาลชั้นต้นจึงได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษาใหม่เป็นวันที่ 21 มี.ค. 2567 เวลา 09.30 น.

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ ‘สนธยา’ ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวลงไปรอที่ห้องชั้นล่าง และเมื่อเวลา 16.00 น. ศาลอนุญาตให้ประกันตัวสนธยาพร้อมให้วางเงินประกัน 50,000 บาท ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนนิรนาม ซึ่งช่วยเหลือการประกันตัวคดีนี้มาตั้งแต่ชั้นสอบสวน โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขให้มาศาลตามนัดหมาย

ในคดีส่วนของประชาชนอีกรายนั้นศูนย์ทนายความระบุว่า ศาลอุทธรณ์บรรยายคำพิพากษาว่า มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าคำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยมาตรา 158 หรือไม่ โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเข้าข้อมูลในเพจ “พัทยาทอล์ค” อันเป็นข้อมูลที่เป็นความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชาอาณาจักร และบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 112 ถึงแม้โจทก์จะไม่บรรยายฟ้องให้จำเลยได้รับโทษก็ตาม ไม่ได้ทำให้คำฟ้องของโจทก์ไม่ชัดแจ้ง อีกทั้งจำเลยยังเข้าใจข้อหา โจทก์จึงบรรยายฟ้องครบถ้วนตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158

ประเด็นต้องวินิจฉัยต่อไปในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เห็นว่าจำเลยโพสต์ลงเฟซบุ๊กเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ถือว่าจำเลยนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรแล้ว

พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ขณะเกิดเหตุจำเลยอายุ 19 ปีเศษ มีเหตุให้ลดโทษ 1 ใน 3 คงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น จำเลยในคดีนี้ ได้ชำระค่าปรับเป็นเงิน 4,500 บาท โดยค่าปรับได้ลดลง 5,500 บาท เนื่องจากการถูกคุมขังระหว่างการถูกจับกุม 11 วัน

ศาลพัทยาสั่งจำคุก 'พนิดา' คดีม.112 พ่นสีฐานรูป ร.10 แต่สารภาพและ 'ขอขมา' รูปให้เหลือรอลงอาญา

ศูนย์ทนายความฯ ยังรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าสำหรับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีข้อความที่ทั้งสองคนโพสต์นั้น ก่อนหน้านี้มีการจับกุมดำเนินคดี “พนิดา” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้พ่นสีข้อความดังกล่าวที่ฐานพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งสองจุดในเมืองพัทยา ทำให้ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112 และข้อหาทำให้ทรัพย์สาธารณประโยชน์เสียหายหรือเสื่อมค่าฯ ตามมาตรา 360 ด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 ศาลจังหวัดพัทยาพิพากษาว่าพนิดามีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุก 2 กระทง กระทงละ 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุให้ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net