Skip to main content
sharethis

ตำรวจออกหมายจับ 'ตะวัน-ณัฐชนน' คดีบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ ตั้งข้อหายุยงปลุกปั่น ม.116 รวมถึงมีการดำเนินการขอถอนประกันในคดีของตะวันอีก 3 คดี

13 ก.พ.2567 มติชนออนไลน์และเดอะ สแตนดาร์ด รายงานถึงการดำเนินการของตำรวจต่อกรณีเหตุการณ์บีบแตรใส่ขบวนเสด็จเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567  โดยทางตำรวจกำลังดำเนินการออกหมายจับทานตะวัน ตัวตุลานนท์และณัฐชนน ไพโรจน์ รวมถึงมีการดำเนินการขอถอนประกันในคดีของทานตะวัน 3 คดี

ประมวลจากคลิปสวนกันคนละมุมมอง 'ขบวนเสด็จ' สู่ขบวนข่มขู่ ขบวนถอนประกัน และขบวนสอบจริยธรรมนายประกัน

เดอะ สแตนดาร์ด ระบุว่า  พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนและคณะทำงานในคดีได้ประชุมไปเมื่อวานนี้ (12 กุมภาพันธ์) เพื่อพิจารณาเหตุดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรที่ผู้ก่อเหตุให้เหตุผลว่าติดเรียน ไม่ขอเข้าพบพนักงานสอบสวน เพราะเรียนก็ไม่ได้เรียนทั้งวัน

พล.ต.ต. อัฏธพร ได้อ้างอีกว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญและสะเทือนจิตใจของประชาชนในวงกว้างจึงไม่สามารถรอผู้ก่อเหตุได้ พนักงานสอบสวนจึงเตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับทั้งสองคนคดาว่าจะดำเนินการได้ไม่เกิน 2 วันนี้ รวมถึงยังมีการพิจารณาว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นด้วยอีกหรือไม่

ในรายงานของเดอะ สแตนดาร์ดระบุว่าหมายจับดังกล่าวมี 3 ข้อหาคือ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, ก่อความเดือดร้อนรำคาญ  และข้อหายุยง ปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

มติชนฯ ระบุด้วยว่าทางตำรวจจาก 3 สน.มีการยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวทานตะวันตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2567 แล้วอีกด้วย

  • ทาง สน.นางเลิ้งยื่นคำร้องถึงอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 สำนักงานคดีอาญา เพื่อขอถอนในคดีตามข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพรนักงาน ตามป.อาญา มาตรา 368 ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ใช้กำลังประทุษร้าย ตามป.อาญา มาตรา 138 วรรคสอง หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามป.อาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตามพรบ.คอมพ์ มาตรา 14(2) มาตรา 14(3)
  • สน.สำราญราษฎร์ ยื่นต่อศาลอาญา ขอถอนประกันในความผิดร่วมกันบุกรุก โดยไม่มีเหตุอันสมควร
  • สน.ปทุมวัน ยื่นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอถอนประกันในความผิด มาตรา 112

โดยเหตุที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้อ้างเพื่อขอถอนประกันคือกรณี เอ็มจีสีขาว บนทางด่วนเมื่อเย็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แล้วบีบแตรประมาณ 1 นาที ระหว่างขบวนเสด็จฯสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุึดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขับผ่าน และเมื่อขบวนเสด็จฯผ่าน รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่ด้วยความเร็ว ลักษณะไล่ตามท้ายขบวนเสด็จฯ

ณัฐชนน ไพโรจน์ ยืนยันคนในรถไม่ใช่ตน

ณัฐชนน ไพโรจน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับประชาไท เพื่อชี้แจงต่อกรณีที่มีชื่อของตนปรากฏในรายงานข่าวของสำนักข่าวหลายแห่งว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในรถยนต์คันเดียวกับทานตะวัน

ณัฐชนนยืนยันว่าคนในเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ตนเองและเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567 เขาไปร่วมทำกิจกรรมกับเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนเพื่อชักชวนพรรคการเมืองได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เพื่อมาร่วมกิจกรรมของเครือข่ายในวันที่ 14 ก.พ. จากนั้นเขาได้กลับสำนักงานเพื่อเตรียมไปเวทีเสวนาที่ตลาดนกฮูก ที่จ.นนทบรีต่อ จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ขบวนเสด็จเลย

‘ณัฐชนน ไพโรจน์’ ยันไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในรถ ‘ตะวัน’ คาดสื่อลงข่าวกันผิด ตร.คงรู้ว่าไม่ใช่ตน

อย่างไรก็ตาม ณัฐชนนได้กล่าวด้วยว่าเขาเองไม่ได้กังวลกับข่าวที่ตำรวจจะออกหมายจับเพราะคิดว่าตำรวจที่มีกล้องอยู่แล้วคงทราบว่าคนในรถไม่ใช่ตน แต่กังวลการรายงานข่าวของสำนักข่าวหลายแห่งที่ลงชื่อเขาไปในข่าว โดยเฉพาะกับ Top news ที่มีการลงทั้งรูปคลิปวิดีโอและระบุว่าเขาทำอะไรมาบ้าง ทำให้เขากังวลว่าจะถูกดักทำร้ายร่างกาย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net