Skip to main content
sharethis

“คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553” หรือ คปช. 53 แถลงข้อเสนอต่อพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เรื่องการเดินหน้าทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในช่วงการสลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา 53

25 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.พ.) “คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553” แถลงข่าวเรื่อง “การทวงความยุติธรรมให้วีรชนคนเสื้อแดง 2553” ต่อพรรคการเมืองทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายรัฐบาล โดยมี ธิดา ถาวรเศรษฐ, เหวง โตจิราการ ญาติวีรชนและทนายความ ร่วมแถลง ณ สำนักงานกฎหมายธนา เบญจาทิกุล เขตดอนเมือง

ธิดา ถาวรเศรษฐ

ธิดา กล่าวถึงเหตุผลของการแถลงข่าวในวันนี้ว่า ขณะนี้เหลือเวลาไม่นานก่อนที่คดีจะหมดอายุความ จึงไม่สามารถรออีก 4 อีกเพื่อเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วให้มีรัฐบาลฝ่ายเสรีประชาธิปไตยทั้งหมดได้

ก่อนหน้านี้เราได้เสียเวลามากมายกับการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจในช่วงรัฐบาลประยุทธ์ เราเห็นว่าก่อนจะมีการเลือกตั้งในปี 2566 นั้น มีพรรคการเมืองที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ไม่เอาคนสืบทอดอำนาจ ซึ่งมีอยู่หลายพรรคและเป็นเรื่องที่ดีของประชาชน ให้ประชาชนเลือก และผลเลือกตั้งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมีรัฐบาลผสมที่เป็นฝ่ายเสรีนิยมร่วมกับฝ่ายอำนาจนิยม แต่เราจำเป็นต้องขับเคลื่อนเรื่องนี้ เพราะเราไม่สามารถปล่อยเวลาไปได้อีกแล้ว

การเกิดขึ้นของ คปช. 53 เป็นไปเพื่อทำภารกิจที่ยังคั่งค้างอยู่แต่ไม่สามารถทำในนาม นปช. ได้ สืบเนื่องจากคนที่เคยเป็นแกนนำ นปช. ต่างแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตนเอง บ้างไปสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งมีทั้งฝ่ายเสรีประชาธิปไตยและฝ่ายอำนาจนิยม 

เหวง โตจิราการ

ขณะที่เหวง กล่าวด้วยว่า ช่วงชีวิตของตนเห็นเหตุการณ์หลายหนที่เจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายประชาชนแล้วก็จบลงที่การลอยนวลพ้นผิด ทั้ง 14 ตุลา 2516 ขณะนั้นตนอยู่ที่ถนนราชดำเนิน ซึ่งก็เห็นกับตาว่ามีการยิงปืนกลมาที่บริเวณนั้น หรือกรณี 6 ตุลา 2519 ที่รัฐพยายามใส่ร้ายนักศึกษาว่าเป็นคอมมิวนิสต์เวียดนามเพื่อสร้างความชอบธรรมในการเข้าไปฆ่า สุดท้ายก็จบลงที่นิรโทษกรรมอีกทำให้คนฆ่าและคนสั่งฆ่าได้รับอานิสงค์ไป

ตนจึงขอมองทะลุปรากฏการณ์จากเปลือกไปหาแก่นของเรื่องนี้ คือการต้องเอาคณะรัฐประหารมาลงโทษ เพราะว่า สมาชิกใน ศอฉ. (ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) จำนวนหนึ่ง กลายรูปไปเป็นคณะรัฐประหาร ปี 2557 การทวงความยุติธรรมให้วีรชน 2553 จึงเป็นการสร้างหลักการใหญ่ให้ประเทศไทยว่า ถ้าทำสำเร็จ ต่อไปนี้จะไม่มีทหารเผด็จการฆ่าประชนชนสองมือเปล่ากลางถนนอีกต่อไป

เหวง กล่าวว่า วันที่ 27 ก.พ. ที่จะถึงนี้ เวลา 10.00 น. คปช. 53 จะเดินทางไปยังพรรคเพื่อไทย แล้วจากนั้นวันที่ 29 ก.พ. จะเดินทางไปยังรัฐสภา

ธิดา กล่าวเสริมว่า เราจะไปแปลงให้ข้อเรียกร้องของเราเป็นจริง ไม่ทวงด้วยนะ เราทวงมามากพอแล้ว แต่ต้องการให้ 4 ปีนี้ให้ได้ผล คดีเดินหน้าได้ แก้กฎหมายได้ การแก้กฎหมายต้องร่วมมือกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่คุณสัญญาเอาไว้ตอนหาเสียง พอถึงตอนนี้ได้เวลาทำงานแล้วหรือยัง


จดหมายเปิดผนึกถึงพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง (14 พ.ค. 2566) 

ในฐานะสมาชิกรัฐสภาและรัฐบาล

ผลการเลือกตั้ง 2566 ได้เปิดเผยถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมแบบเสรีนิยมที่ก้าวหน้าและเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสากลโดยประชาชน จำนวน 25.401 ล้านคน จาก 39.5 ล้านคน ที่มาออกเสียงเลือกตั้ง คิดเป็น 64.28% ของผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิ 75.71% ของประชากรไทยทั้งหมด

แม้ในที่สุดเราจะได้รัฐบาลผสมที่มีทั้งขั้วเสรีนิยมเดิม ร่วมกับขั้วอนุรักษ์นิยมที่เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากการทำรัฐประหาร อย่างไรก็ตามคณะประชาชนผู้ต้องการความยุติธรรมที่ผ่านการต่อสู้ครั้งสำคัญในปี 2553 จนถึงเวลาปัจจุบัน ประสงค์ให้หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ที่ก้าวหน้าของประชาชนได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง จากพรรคการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

จึงใคร่ทวงถามข้อเรียกร้องเดิม ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านเวลานั้นก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ได้รับเรื่องและให้คำมั่นไว้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภาและวันที่ 10 เมษายน 2566 ในงานรำลึก 13ปี เมษา-พฤษภา53

ในข้อเสนอต่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านเวลานั้น เรามีข้อเสนอ 8 ข้อ เป็นข้อเสนอกรณีความยุติธรรมปี 2553 มี 3 ข้อเรียกร้องที่เรายังขอยืนยัน คือ

1. ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และตัวแทนฝ่ายผู้สูญเสีย, นักวิชาการ, นักสิทธิมนุษยชน, นักกฎหมาย เพื่อตรวจสอบคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็ง บิดเบือน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐไทยตามหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมทั้งคดีความที่ปฏิบัติต่อเยาวชน/ประชาชนหลังปี 2563 เป็นต้นมา ให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้ลงนามหลักสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ เร่งรัดคดีความที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนและยังค้างคาอยู่ที่หน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), กระทรวงยุติธรรม, อัยการ ฯลฯ

 

2. แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระธรรมนูญศาลทหาร, พระธรรมนูญศาลยุติธรรม, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดทางอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ทหารและนักการเมืองไม่ได้ถูกดำเนินคดีเฉกเช่นประชาชนทั่วไป

 

3. ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ 2553 ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่อัยการศาล ICC ได้มาแจ้งไว้กับรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2555

 

ส่วนข้อเสนออื่นๆ อีก 5 ข้อ จะเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจแท้จริง และการทวงความยุติธรรมให้คนรุ่นใหม่ในสถานการณ์จากปี 2563 เป็นต้นมา ไปจนถึงสถานการณ์ในอนาคตของประเทศไทย

 

1. ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชนให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง โดยการใช้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ตามสัดส่วนประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค โดยคำนึงถึงสนธิสัญญาตามหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ได้ลงนามไว้ในสหประชาชาติ รวมทั้งสนธิสัญญากรุงโรมที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ก็ควรให้สัตยาบันในอนาคตหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว

 

2. แก้ไขกฎหมายอื่น อันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้ง พ.ร.บ.องค์กรรัฐซ้อนรัฐ กอ.รมน. กฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง

 

3. ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง เพราะ 3 แหล่งนี้เป็นกระบวนการกลุ่มอภิชนที่ยึดครองประเทศไทย ยึดอำนาจจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน อำนาจกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นถึงปลาย อำนาจองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ล้วนต้องยึดโยงกับประชาชน รวมทั้งกองทัพ โครงสร้างการบริหารขององค์กรเหล่านี้ ต้องให้อำนาจประชาชนควบคุมได้ ไม่ใช่สมคบกันจัดการประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง

 

4. กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค แก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เจ้าขุนมูลนาย และการคอรัปชั่นส่งนายใหญ่ตามลำดับ ให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตรวจสอบได้ง่าย

 

5. ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม ผ่านการคัดสรรตามโควตา สส.ในรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป หรือมิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีวุฒิสมาชิกเลย เพราะตราบเท่าที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง วุฒิสมาชิก ถูกแต่งตั้งจากรัฐทหารจารีต อำนาจประชาชนก็ถูกจัดการทำลาย ยุบพรรคการเมืองโดยง่าย จับกุมคุมขัง ลงโทษประชาชนผู้เห็นต่างเหมือนเช่นทุกวันนี้

 

อนึ่ง ใน 8 ข้อนี้ จะยึดโยงกับการได้รัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน ซึ่งจะต้องได้มาจากประชาชนใช้อำนาจโดยตรง

 

ดังนั้น การทวงความยุติธรรมให้ประชาชน 2553 จึงเกี่ยวข้องยึดโยงโดยตรงกับการได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ก้าวหน้าเท่านั้น และเราสนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีความของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเรียกร้องทวงความยุติธรรมของประชาชนเพื่อการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน

 

ข้อเรียกร้องของเราในกรณีการปราบปรามประชาชนปี 2553 เป็นข้อเรียกร้องให้รัฐดำเนินการตามกฎหมายของประเทศและระหว่างประเทศที่เราลงนามไปแล้วในสหประชาชาติ จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศทั้งสิ้น และเพื่ออนาคตของประเทศจะได้ไม่มีการฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนนครั้งแล้วครั้งเล่าอีกต่อไป

 

คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53)

25 กุมภาพันธ์ 2567

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net