ทิตยา โพธิปัญญาธรรม
พรรณอุมา สีหะจันทร์
ทวิมา ไชยยงยศ
ดิฉันเคยสงสัยอยู่หลายครั้งเวลาที่อาจารย์สอนเรื่องของหน้าที่ บทบาทและหลักจริยธรรมที่สื่อมวลชนพึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สงสัยทุกครั้งเดินออกมานอกห้องเรียน เพราะไม่ว่าจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน นั่งฟังวิทยุ หรือนอนดูโทรทัศน์ ก็จะพบสิ่งที่ตรงข้ามกับที่ได้เรียนมาเสมอ
เมื่อสิ่งที่ถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งตรงข้ามที่เราพบเห็นก็ต้องผิด แต่เหตุใดสิ่งที่ผิดกลับวนเวียนอยู่ในสังคม แล้วปล่อยให้สิ่งที่ถูก สิ่งที่พึงปฏิบัติ นอนจมกองกลายเป็นเพียงตัวอักษรอยู่ในตำรา
ตลอดระยะเวลา 5-6 ปีมานี้ สื่อถูกเพ่งเล็งว่าถูก "อดีตนายก" แทรกแซงและใช้เป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงการนำเสนอข่าวในหนังสือพิมพ์ด้วยโฆษณา หรือการออกรายการนายกฯทักษิณคุยกับประชาชนตอนเช้าวันเสาร์ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางเสนอผลงานในทุกสัปดาห์
แต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลขณะนั้นออกอย่างไม่ทันตั้งตัว จนนาย
เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันและเพื่อนอีก 2 คนทำการวิจัยเรื่องทิศทางการนำเสนอข่าวการเมืองของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอดออกว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยศึกษาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการก่อนหน้าและหลังจากรายการถูกถอด
ผลการศึกษาเชิงปริมาณพบว่าในพาดหัวข่าว มีแหล่งข่าวฝ่ายรัฐบาลลดลงจากร้อยละ 34.4 เหลือร้อยละ 19.9 และถูกพาดพิงในแง่ลบเพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 60.97 เป็นร้อยละ 81.56 ขณะที่ผลการศึกษาเชิงคุณภาพเรื่องของการใช้ภาษาก็พบว่า ภาษาที่ใช้ในพาดหัวข่าวนั้นมีความหนักหน่วง รุนแรง และให้ความหมายที่โจมตีฝ่ายรัฐบาลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังพบว่าบ่อยครั้งมีการใส่ความคิดเห็นลงไปในพาดหัวข่าวอย่างเปิดเผย
นั่นคงเป็นผลมาจากจุดยืนของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ตามถ้อยคำสัมภาษณ์ของบรรณาธิการโต๊ะข่าวการเมืองที่บอกว่า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการมีจุดยืนตามนาย
จริงอยู่ที่ความเป็นกลางนั้นไม่ได้ทำได้ง่ายๆ และเป็นไปได้ยาก แต่เราก็ควรพยายามทำให้ใกล้เคียงที่สุดไม่ใช่หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความ "ย่ำแย่" ของวงการหนังสือพิมพ์อย่างชัดเจน
แย่!!! ที่สนธิกับทักษิณต่างฝ่ายต่างใช้สื่อที่มีอยู่ในมือเป็นเครื่องมือทำสงครามระหว่างกัน ถ้าการแทรกแซงสื่อเป็น "ระบอบทักษิณ" อย่างหนึ่ง สนธิก็กำลังตกอยู่ในวังวนการแทรกแซงนั้นเช่นกัน
แย่กว่า!!! กับนายสนธิที่คงเป็นผู้บริหารนานเกินไป จึงลืมเรื่องที่ "เคย" เป็นนักสื่อสารมวลชนซึ่งควรตระหนักถึงเรื่องจริยธรรมและความเป็นกลาง ใช้ความเป็นเจ้าของแทรกแซงทิศทางการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
แย่ที่สุด!!! นักสื่อสารมวลชนที่กลายร่างเป็นพนักงานของบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)อย่างเต็มตัว จนลืมไปแล้วกระมังว่าหน้าที่และบทบาทของของตัวเองคือ "สื่อ" ที่ต้องนำเสนอความจริงให้กับประชาชน ไม่ใช่นำเสนอเนื้อหาตามความพอใจของใคร
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการกำลังอ้างความคิดของตัวเองที่ "เชื่อ" ว่าผิด จึงต้องผลักดันสิ่งที่ "คิด" ว่าถูก โดยอ้างว่ามีประสบการณ์และความรู้มากกว่าผู้อ่าน พูดอีกอย่างได้ว่าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการกำลัง "เชื่อ" ความคิดของเจ้าของคือนายสนธิ จึงยัดเยียดสิ่งที่เขา "คิด" ให้กับผู้อ่านเพื่อให้เชื่อและคล้อยตาม
และซวยสุด คงจะเป็นประชาชนผู้อ่านที่ไม่รู้ว่าจะไว้ใจใคร ไม่รู้ว่าจะเชื่อข้อมูลข่าวสารจากใคร เพราะขณะที่หลายสื่อกำลังถูกระบอบอำนาจกลืนกิน อีกสื่อก็จงรักภักดีกับเจ้านาย ยินยอมพร้อมใจให้เขาใช้เป็นเครื่องมือ ปล่อยให้จิตวิญญาณสื่อล่องลอยเรื่อยเปื่อย
จิตวิญญาณที่ดิฉันและเพื่อนๆหวังว่า จะกลับเข้าร่างของสนธิและนักสื่อสารมวลชนของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ สัก.....วัน...!!!
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)