Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

โดย ซาเสียวเอี้ย


 


การตัดสินใจเป็นเรื่องยากเสมอ...


 


ไม่ว่าจะผ่านสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจมากี่ครั้ง หลายคนก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ด้วยเกรงว่าการตัดสินใจของตัวเองจะเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยในอนาคต


 


ขณะเดียวกัน อีกบางคนอาจครุ่นคิดคำนึงด้วยอาการ "รักพี่เสียดายน้อง" เพราะรู้ว่าถ้าตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่างไปแล้ว จะไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ได้อีกเลย


 


แต่ตอนที่ตัดสินใจหยิบแผ่นดีวีดีเรื่อง Dirty Pretty Things มาดูเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจตามหลังจริงๆ


 


ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะถูกสร้างมาตั้งแต่หลายปีก่อน และเป็นผลงานของผู้กำกับ Stephen Frears ที่ไม่ได้โด่งดังเปรี้ยงปร้างเท่ากับ High Fidelity แต่หนังที่ดี ดูเมื่อไหร่ก็ยังเป็นหนังที่ดี :-)


 


ยิ่งถ้าใครได้เสพย์ข่าวคราวในบ้านเราตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และสะดุดตาสะดุดใจไปกับการเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นพิเศษ ก็น่าจะรู้สึกสั่นสะเทือนไปกับหนังเรื่องนี้อย่างไม่ยากเย็น


 



 


ภาพของสาวน้อยตาโต "เฌอเนย์" (ออเดรย์ ตอตู) ไม่ทำให้เรารู้สึกเบิกบานใจเหมือนตอนที่เห็นเธอรับบทในหนังเรื่อง Amelie เพราะสีหน้าที่ดูเป็นกังวลตลอดเวลา ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าดวงตาของเธอดูเศร้าผิดปกติ


 


เฌอเนย์เป็นเพียงสาวมุสลิมจากตุรกีที่ลักลอบเข้ามาอยู่ในอังกฤษ ด้วยเหตุผลที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการหางานทำเพื่อเลี้ยงปากท้องของตัวเองและครอบครัวที่ตุรกี เพราะที่นั่นไม่ได้มีพื้นที่ให้ผู้หญิงทำงานหาเงินสูงๆ ยิ่งในกรณีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีความรู้อะไรมากไปกว่าเรื่องการบ้านการเรือน การหางานทำเป็นชิ้นเป็นอันในบ้านเกิดเมืองนอนก็ยิ่งยากเย็นเข้าไปใหญ่


 


โรงแรมที่เฌอเนย์ทำงาน เป็นกิจการของชาวละตินอเมริกันที่อพยพเข้ามาในอังกฤษ และเป็นแหล่งรวมแรงงานที่ลักลอบเข้าเมืองเอาไว้มากมาย


 


ที่นั่น เฌอเนย์ พบกับอ๊อกเว่ย์ (ชิเวเทล เอจิโอฟอร์) ชายหนุ่มชาวแอฟริกันที่ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับ


 


โอกาสของอ๊อกเว่ย์มีมากกว่าเฌอเนย์ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่า เมื่อหมดเวลางานที่โรงแรม อ๊อกเว่ย์ยังไปทำงานพิเศษเป็นคนขับแท๊กซี่ได้อีกด้วย


 


ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างหลวมๆ เมื่อเฌอเนย์แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในห้องเล็กๆ ของเธอให้อ๊อกเวย์เช่า เพื่อที่เขาจะได้มีที่ซุกหัวนอนในระหว่างที่ยังไม่มีใบอนุญาตทำงาน และไม่มีสิทธิไปหาเช่าห้องด้วยตนเอง


 


แต่แล้วอ๊อกเว่ย์ก็เป็นเหตุให้เฌอเนย์ต้องตกงาน เพราะ ตม.ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าเฌอเนย์อาจให้ที่พักกับพวกลักลอบเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ ตม.ก็ตามไปเค้นความจริงจากเฌอเนย์ถึงโรงแรมที่เธอทำงาน


 



 


โลกของเฌอเนย์และอ๊อกเว่ย์เริ่มผสมผสานเข้าหากันอย่างช้าๆ เมื่อทั้งสองช่วยเหลือกันและกันในฐานะคนนอกของสังคมที่ไม่อาจเรียกร้องสิทธิทางกฏหมายได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แม้ว่าความเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิและเสรีของเขาและเธอจะมีไม่น้อยหน้าใครๆ ก็ตาม


 


อ๊อกเว่ย์พาเฌอเนย์ไปฝากไว้กับเพื่อนชาวจีนที่ทำงานในห้องเก็บศพ และเราก็ได้เห็นว่าการเลือกที่จะมีชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอันสวยงามของอังกฤษ เป็นเรื่องยากเย็นอย่างยิ่งสำหรับพลเมืองชั้นสองและสามที่ถูกมองเป็นเพียง "ผู้อาศัย" และ "เหลือบไร" ที่เข้ามาผลาญทรัพยากรของพลเมืองอังกฤษตัวจริง


 


ชะตากรรมที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับเฌอเนย์อีกครั้ง เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ขาดอำนาจต่อรอง  


 


เจ้าของโรงงานนรกที่จ้างเฌอเนย์ไปทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป บังคับให้เธอสำเร็จความใคร่ให้กับเขา ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกส่งตัวไปให้ ตม. ซึ่งหมายความว่ารายได้ที่ใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวที่ตุรกีจะหายไปด้วยทันที


 


ในสภาพเช่นนั้น เฌอเนย์ "ตัดสินใจ" ยอมทำตามความต้องการของเจ้าของโรงงานนรก แต่ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของเธอได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง


 


แม้อ๊อกเว่ย์จะรู้ แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าการห้ามปรามไม่ให้เฌอเนย์ไปทำงานที่นั่นอีก


 


แต่เมื่อพบกับคำถามตรงไปตรงมาว่า "แล้วจะเอาเงินที่ไหนมารับผิดชอบชีวิตและครอบครัวที่ตุรกี"


 


อ๊อกเว่ย์ก็ได้แต่เงียบ...


 



 


ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ยังคลุมเครือกับเฌอเนย์ "การตัดสินใจ" ได้จู่โจมถึงตัวอ๊อกเว่ย์บ้าง เมื่อเจ้าของโรงแรมยื่นข้อเสนอให้อ๊อกเว่ย์เป็นหมอเถื่อนผ่าตัดอวัยวะแลกกับเงินก้อนโต พร้อมด้วยพาสปอร์ตและวีซ่าเข้าประเทศที่เป็น "ดินแดนในฝัน" - สหรัฐอเมริกา!


 


อันที่จริง อ๊อกเว่ย์รู้มาก่อนแล้วว่าขบวนการค้าอวัยวะมนุษย์ดำเนินการอยู่เงียบๆ ในโรงแรมแห่งนี้ นับตั้งแต่วันที่เขาเข้าไปตรวจความเรียบร้อยในห้องพักแล้วเจอกับหัวใจมนุษย์อุดตันชักโครกอยู่ทั้งก้อน


 


ถ้าไตข้างหนึ่งสามารถขายได้ราคาถึง 5,000 ปอนด์ (หรือราวๆ 3 แสนบาท) แถมด้วยหลักฐานรับรองตามกฏหมาย (แต่ขั้นตอนในการทำหลักฐานนั้นผิดกฏหมายแน่ๆ) เพื่อให้อยู่ได้อย่างปลอดภัยในอังกฤษ ก็คงเป็นข้อเสนอที่ใครๆ ก็ไม่อาจห้ามใจ โดยเฉพาะผู้ลักลอบเข้าเมืองที่มาจากดินแดนอันห่างไกลและแสนจะแร้นแค้นในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของโลก


 


อ๊อกเว่ย์ได้รับรู้ว่ามีคนอีกมากที่ยอมเสี่ยงชีวิต-ขายอวัยวะ เพื่อให้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่พวกเขามองว่าเป็น "ดินแดนแห่งโอกาส" แต่เมื่อตัวเองถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะยืนอยู่ข้าง "ผู้กระทำ" หรือ "ผู้ถูกกระทำ" รสชาติแห่งการตัดสินใจก็เป็นเรื่องขมขื่นอยู่ดี


 


เมื่ออ๊อกเว่ย์ตัดสินใจผ่าตัดคนที่จะขายไตจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นก็คือเฌอเนย์นั่นเอง...


 


ด้วยเหตุนี้ อ๊อกเว่ย์และเฌอเนย์จึงตัดสินใจร่วมกันว่าคงจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบโต้กับขบวนการค้าอวัยวะมนุษย์


 


และเมื่อตัดสินใจที่จะออกแรงเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง ไม่ใครก็ใครคงต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง....


 



 


ภาพอันมืดหม่นทึมทึบของลอนดอนตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เราอดนึกไม่ได้ว่าแรงงานสีเทาจำนวนมากมายเท่าไหร่ที่อาศัยอยู่อย่างไร้ตัวตน และใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อขับเคลื่อนสังคมที่ไม่ใช่แม้แต่แผ่นดินกำเนิด แลกเปลี่ยนกับค่าแรงก้อนโตพอจะเลี้ยงดูคนที่อยู่ในดินแดนที่จากมาได้โดยไม่เดือดร้อน


 


การปฏิบัติต่อแรงงานเหล่านั้นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าถกเถียงเช่นกัน เพราะในระหว่างที่คนส่วนใหญ่รับเอาผลผลิตที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพลเมืองชั้นสองไป พวกเขากลับเลือกที่จะมองข้ามตัวตนและศักดิ์ศรีของคนเหล่านั้นดื้อๆ


 


แม้จะมองเห็นการดำรงอยู่บ้างในบางเวลา แต่สายตาของคนส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตัวอย่างที่ไม่น่าไว้ใจจากการกระทำของคนที่ถูกมองว่าเป็น "ผู้อาศัย" ก็มีอยู่จริงๆ แต่สิ่งที่ควรจะคิดให้ตกก็คือว่า ในเมื่อเรายังต้องพึ่งพาพวกเขาอยู่อีกมาก และจะมีทางไหนบ้างที่เราและเขาจะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีใครต้องถูกกดให้เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net