กรุงเทพฯ - 16 พ.ค. 48 "ประเทศไทยไม่เคยเชื่อและให้ศักดิ์ศรี เราไม่ได้สัมผัสกับสิทธิมนุษยชน เพราะประเทศไทยไม่เคยปฏิบัติตามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ " นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวในงานรำลึก 13 ปีพฤษภาประชาธรรม ในหัวข้อ" 13 พฤษภาปัญหาความรุนแรงและคนหายในประเทศไทย"

นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเปรียบเสมือนกระจกเงาที่มืดมนไม่เคยจืดจางลงเลยเพราะระบบขุนนางและอำนาจนิยมที่มองไม่เห็นถึงชีวิตคน และ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากประเทศไทยไม่ยอมปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งยึดถือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ด้านนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อธิบดีคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ปัญหาของความรุนแรงเกิดจากทัศนคติที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกาภิวัตน์
ด้านสิทธิมนุษยชน

ประกอบกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นแบบแยกส่วนขาดการเชื่อมโยง การพัฒนาเศรษฐ
กิจควบคู่กับการสร้างจิตวิญญาณ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการการมีส่วนร่วมมากขึ้น ในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานหรือข้าราชการ ไม่สามารถตีความหมายรัฐธรรมนูญได้ชัดเจน ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมมั่นในรัฐธรรมนูญและไม่ยอมให้ความร่วมมือเพราะเกรงว่าจะได้ รับอันตรายจากกลุ่มอิทธิพลมืด

โดยพฤติกรรมดังกล่าว นำไปสู่การใช้กระบวนการทางยุติธรรมมาเครื่องมือในการแอบอ้างทาง นิติกรรม เช่น การใช้ทางกฎหมายเพื่อยกเลิกความผิดให้ตนเองและพวกฟ้อง โดยวิธีการออก
นิรโทษกรรมยกโทษให้ผู้ก่อความไม่สงบในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ถือว่าเป็นการแอบอ้างกฎหมาย

นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) กล่าวว่า ข้าราชการและรัฐบาลไม่พร้อมรับสัญญาณทางสันติวิธี เพราะข้าราชการจำนวนมากมีพฤติกรรมรับสัญญาณในเชิงลบจึงปรับตัวไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีกำลังเล่นเกมทางการเมืองในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้
โดยแนวทางสันติวิธี ในขณะเดียวกันก็ใช้สื่อเป็นช่องทางในการสร้างความชอบธรรมในการจัดการปัญหาด้วยความรุนแรง

"คุณทักษิณกำลังเล่มเกมเหยียบเรือสองแคมทั้งเหยี่ยว ทั้งพิราบ เหยี่ยวคือคุณสมัคร คุณดุสิต นกพิราบคือคุณอานันท์ และหมอประเวศ โดยคุณสมัครรุมจิกคุณอานันท์" นายพิภพกล่าว

จันทร์สวย จันเป็ง