ประชาไท - 20 มิ.ย.48 "ที่ประชุมน่าจะสรุปได้แล้วว่า สิ่งที่ทำให้นายกฯ ต้องไปเชิญนายอานันท์ ปันยารชุน มาร่างแผนบริหารจัดการปัญหาภาคใต้ใหม่ เป็นเพราะความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการใช้ความรุนแรง ซึ่งวิธีเดียวที่สันติภาพจะกลับมาคือ คุณภาพของความยุติธรรม" นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมาอภิปรายในการประชุมวุฒิสภา เรื่องการรับรองรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษากรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร

นายไกรศักดิ์ กล่าวว่ากรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร เป็นเพียงกรณีหนึ่งในหลายกรณีที่รัฐใช้ความรุนแรง และไม่สามารถสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณี 108 ศพเมื่อ 28 เม.ย.2547 ที่สอบสวนแต่ที่มัสยิดกรือเซะ โดยละเลยที่อื่นๆ เช่น อ.สะบ้าย้อย เยาวชน 19 คนก็ถูกจ่อยิงที่หัว กรณีตากใบที่มีผู้เสียชีวิต 78 คนก็หาคนผิดไม่ได้

อย่างไรก็ดี ชื่อของนายสมชายตอนนี้ได้ขยายไปในระดับโลก ไม่เฉพาะองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แต่รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน อีกทั้งขณะนี้ประเทศไทยก็มีเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนถึง 26 เรื่องที่ต้องชี้แจงกับสหประชาชาติอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยส่งอัยการไปชี้แจงเพียง 3-4 คน ขณะที่ประเทศอื่นส่งระดับ ส.ส. หรือรัฐมนตรี

นายสัก กอแสงเรือง ส.ว.กรุงเทพฯ ตอบคำถาม ส.ว.ที่ถามถึงเรื่องของกลางว่า ของกลาง 3 อย่างคือ รถนั้นเป็นการจอดทิ้งไว้ ส่วนปากกาและนาฬิกานั้น เป็นการสอบถามข้อเท็จจริงจากคนใกล้ชิดว่านายสมชายจะมี 2 สิ่งนี้ติดตัวเสมอ ถ้าการสอบสวนเอาจริงก็คงไม่ยาก

"ที่สำคัญวันนั้นนายสมชายใช้โทรศัพท์มือถือ คนที่ติดตามไปอุ้มก็ใช้โทรศัพท์มือถือ เรื่องนี้ตามได้ถ้าจะตาม หลายๆ กรณีมีการติดตามจับกุมคนร้ายจากข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่เรื่องนี้ไม่ปรากฏ" นายสักกล่าว

น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของทนายสมชายก็คือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับรายงานหน้าสุดท้าย ซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับนโยบายการใช้ความรุนแรง เพราะหลังเหตุการณ์ปล้นปืนแล้วทนายสมชายอยู่ในบัญชีดำ ทั้งที่ทนายสมชายเป็นทนายที่ลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้คนให้ได้รับความเป็นธรรมมาเป็นเวลากว่า 20-30 ปี

"กลไกวุฒิสภาตอนนี้อับจน เพราะขณะนี้สมรู้ร่วมคิดกันหมด รัฐธรรมนูญนี้ตายไปแล้ว เพราะอำนาจในการตรวจสอบทำอะไรไม่ได้ ผู้ใช้อำนาจก็ตาบอด" น.พ.นิรันดร์กล่าว

ขณะที่นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า ภาพของนายสมชายถูกมองว่าอยู่ในขบวนการทั้งๆที่เขาอยู่ในกรรมการสิทธิฯ และช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ไม่ว่าจะยากดีมีจน โดยเฉพาะคนที่ถูกรังแก

"คนที่ไม่เห็นคนว่า เป็นมนุษย์แล้วใช้ศาสนาไปแยกมนุษย์ออก คนกลุ่มนั้นแหละเป็นคนทำ" นายแก้วสรรกล่าวและว่าแนวทางในการสอบสวนนั้นมีอยู่แต่ไม่ยอมดำเนินไป

อย่างไรก็ดี ในที่ประชุม ส.ว.หลายคนได้อภิปรายเกี่ยวกับอุปสรรคสำคัญคือการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการให้ข้อมูล ซึ่งทำให้รายงานดังกล่าวไม่สามารถสรุปผลได้ชัดเจน ส่วนการลงคะแนนนั้น ที่ประชุมฯ มีมติเห็นด้วยที่จะให้นำรายงานฉบับนี้พร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป