ประชาไท-21 มิ.ย. 48 พล.ต.อ.เฉลิมเดช ชมพูนุช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาน้ำประปาขาดแคลนในภาคตะวันออกขณะนี้ว่าอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าเป็นห่วง เพราะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการรองรับในการแก้ไขปัญหา โดยการขุดน้ำบาดาลและผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาใช้หากเกิดสภาวะน้ำไม่พอใช้จริง

พล.ต.อ.เฉลิมเดช กล่าวว่า เนื่องจากนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอเรื่องวิกฤติน้ำภาคตะวันออกนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนเข้าวาระการประชุม เพราะมีความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งในการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมทางภาคตะวันออก ที่ต้องใช้น้ำสูงถึงวันละ 600,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ประกอบกับสภาวะภัยแล้งที่ผ่านมาอาจทำให้น้ำไม่เพียงพอในอนาคตอันใกล้นี้

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า โดยประมาณการแล้ว ถึงแม้ว่าปริมาณการใช้น้ำทางภาคตะวันออกจะมีสูง เช่น จังหวัดชลบุรีมีการใช้น้ำประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระยังคงมีน้ำกักเก็บอยู่ถึง 22 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมีน้ำกักเก็บอยู่ประมาณ 34-35 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น ทางคณะครม.จึงเห็นว่าไม่น่ามีปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

"ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอง ก็มีทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่องตลอดในระยะ15 วันที่ผ่านมา โดยทำไปทั้งหมด 40 เที่ยวบิน ทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้น เฉพาะที่ จ.จันทบุรีและ จ.ตราด มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้นถึง 40-60 มิลลิเมตร และมีค่าความชื้นเพิ่มขึ้นสูงขึ้นถึง 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถทำฝนเทียมต่อไปได้" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

ขณะที่สื่อมวลชนรายงานวานนี้ (20 มิ.ย. 48) ว่า นายเชวง ชูศรี รองผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ระบุว่า จากสภาวะภัยแล้งที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในภาคตะวันออกลดลง และทำให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด มหาชน (อีส วอเตอร์) ไม่สามารถจ่ายน้ำให้สำนักงานประปาในพื้นที่ จ.ชลบุรีได้ ทำให้เกิดปัญหาน้ำประปาไม่ไหล จนต้องมีมติให้ อีส วอเตอร์ จ่ายน้ำดิบเพิ่มขึ้นอีก 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน

สิรินภา อิ่มศิริ