Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-4 ก.ค.48 พระประจำสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม เผยว่า ไม่เคยคิดยึดครองพื้นที่ทั้งหมด พร้อมที่จะยกให้เป็นป่าชุมชน หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์สิทธิให้ถูกต้องและชัดเจน

พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ จริงๆ แล้ว ไม่เคยคิดจะครอบครองพื้นที่ แต่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาทำการตรวจสอบรังวัด เพื่อพิสูจน์สิทธิที่ดินในแต่ละแปลงว่าเป็น นส.3 ก. หรือ สปก.4-01 และให้อยู่ในสภาพที่คล้ายให้อายัดพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้มีกลุ่มทุนใดเข้ามาจัดการบุกรุกเข้ามาในช่วงนี้

"และอยากจะบอกให้ทุกฝ่ายรับรู้ว่า ทางสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรมไม่ได้หวงที่ดินผืนนี้ แต่ที่ต้องรักษาเอาไว้ก็เพราะเป็นพื้นที่ของ พระดร.สิงทน คำซาว ได้มอบให้สำนักปฏิบัติธรรมดูแล ซึ่งหากมีการพิสูจน์สิทธิให้ชัดเจนแล้ว ในอนาคต ชุมชนต้องการจะนำไปใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่ป่าชุมชน ก็พร้อมที่จะยกให้ ไม่ได้หวง แต่จะต้องมีการทำระเบียบให้ชัดเจน ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์จากป่าได้ เช่น ชาวบ้านสามารถเข้าไปเก็บเห็ด หน่อไม้ ของกินในป่าได้ ไม่ใช่ป่าชุมชนที่รัฐจัดกรอบให้ไว้ว่า ห้ามชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์จากป่า ซึ่งมันผิดหลักของป่าชุมชน" พระกิตติศักดิ์ กล่าว

ด้านนางสุนี ไชยรส ประธานอนุกรรมการสิทธิในการจัดการป่าไม้และที่ดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากการที่ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ในความดูแลรับผิดชอบสวนเมตตาธรรมแล้ว พบว่า พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,500 ไร่นั้น ได้แบ่งออกเป็นพื้นที่ที่มีหนังสือแสดงสิทธิ นส.3 ก. ซึ่งใช้เป็นเขตสังฆาวาสจำนวน 5 แปลง ประมาณ 79 ไร่ นอกจากนั้น เป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ สปก.4-01 ในนามคนงานและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเคยทำงานกับ พระดร.สิงห์ทน ซึ่งเป็นพื้นที่มาก่อน

"ทางพระกิตติศักดิ์ บอกว่า พื้นที่ที่เป็นเอกสารสิทธิ สปก.4-01 ทั้งหมดนั้น แต่เดิมนั้น พระ ดร.สิงห์นทน มีความคิดที่จะให้เป็นสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ และสถานที่เผยแผ่ธรรม แต่เพราะที่ดินแต่ละแปลงนั้นเป็นพื้นที่ทำเลดี จึงเป็นที่หมายตาของกลุ่มนายทุนที่จะเข้ามาทำเกษตรเชิงเดี่ยวในพื้นที่ดังกล่าว และมีการพยายามส่งผู้มีอิทธิพลเข้ามาข่มขู่คุกคามและพยายามจะฮุบที่ดินผืนนั้นมาโดยตลอด ทางสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรมจึงหาวิธีการว่า ทำอย่างไรจะรักษาเอาไว้ มีการยกที่ดินจำนวน 800 ไร่ให้กับชาวบ้านเพื่อทำเป็นป่าชุมชน แต่ก็ยังมีการพยายามเข้ามาบุกรุกคุกคามอยู่อย่างต่อเนื่อง" นางสุนี กล่าว

ประธานอนุกรรมการสิทธิในการจัดการป่าไม้และที่ดิน กล่าวในตอนท้ายว่า ทางผู้ดูแลสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม ยืนยันว่า ไม่ได้คิดอยากครอบครองที่ดินเหล่านี้ไว้ เพราะทุกวันนี้ ก็เหมือนเป็นปู่โสมทรัพย์ และเต็มใจที่จะมอบให้เป็นพื้นที่ป่าชุมชน หากมีการพิสูจน์สิทธิตรวจสอบรังวัดให้ชัดเจนเสียก่อน ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดการดูแลรักษาป่า ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นการชะลอต่อการบุกรุกของกลุ่มนายทุนได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net