พีทีไอ/เอพี- ท่ามกลางกระแสการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของเอเชียอย่างจีน และอินเดีย ทว่า ในภูมิภาคเดียวกันนี้เองยังมีอีก 14 ประเทศที่ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด

รายงานจากองค์การสหประชาชาติเพื่อการพัฒนา (UNDP) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาเปิดเผยว่า มี 14 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิค ที่จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด โดยทั้ง 14 ประเทศนี้ได้แก่ เนปาล มัลดีฟ บังคลาเทศ อัฟกานิสถาน ลาว ภูฐาน กัมพูชา พม่า ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน คิริบาตริ อีสต์-ติมอร์ ตูวาลู และวาเนาตู ซึ่งทั้งหมดมีประชากรรวมทั้งสิ้นประมาณ 260 ล้านคน โดยประชากรในประเทศทั้งกล่าวเกือบทุกประเทศที่ประชากรเกือบครึ่งประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่าเส้นความยากจน

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ในทศวรรษหน้าจะมีเด็กประมาณ 2 ล้านคนเสียชีวิต และประชากรประมาณ 40 ล้านคนจะขาดน้ำดื่มที่ปลอดภัย และเด็กอีก 5 ล้านคนต้องถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน ถ้าหากแนวโน้มของ 14 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นพัฒนาน้อยที่สุดอยู่ต่อไป

รายงานดังกล่าวได้เน้นว่าให้หันมาความสำคัญมายังประเทศเหล่านี้ด้วย ทั้งนี้ 14 ประเทศดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือต่อหัวประชากรคิดแล้วต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของความช่วยเหลือที่ภูมิภาคอื่นได้รับ งบความช่วยเหลือต่อหัวประชากรในประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกอยู่ที่ประมาณ 19 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ในภูมิภาคอื่นงบช่วยเหลืออยู่ที่ 43 เหรียญสหรัฐฯต่อหัว

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ประเทศเหล่านี้มักจะถูกละเลยไปจากสปอตไลต์ที่เมื่อพูดถึงเรื่องความยากจนก็จะส่องไปยังอัฟริกา และก็ถูกภาพลักษณ์การขยายตังอย่างรวดเร็วของเอเชีย อย่างจีนและอินเดียบังไว้อีก

รายงานดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้าที่จะมีการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ประเทศ ( จี8 ) เพียงไม่กี่วันได้เสนอวิธีการช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ในการต่อสู้กับความยากจนว่า ให้ขยายเวลาการชำระหนี้ให้กับประเทศที่แบกรับภาระหนี้สินอย่างหนักจากความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ ( ODA) ที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจาก 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2002 ไปเป็น 12,000 ล้านเหรียญในปี 2006 ให้ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการค้าและการเข้าถึงตลาดโดยการให้สิทธิพิเศษทางการค้าต่างๆ ยกเลิกการจำกัดโควตาสินค้า หรือภาษีส่งออก ส่งเสริมการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและช่วยให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก