"เรายินดีรับข้อเสนอทั้งหมด เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐยังไม่ได้ดำเนินการ แต่บางเรื่องได้ทำไปแล้ว ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี" พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าว

ทั้งนี้นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) กล่าวยอมรับว่า  ครม.อนุมัติในหลักการ 14 ข้อ แต่อาจมีบางประการต้องไปศึกษาเพิ่ม เช่นมาตรการที่กอส.เสนอให้การพกอาวุธปืนทุกชนิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายทั้งหมด

โดยมาตรการระยะสั้นดังกล่าวมี 5 ข้อหลัก คือ 1.หลักรัฐประศาสโนบาย โดยอาศัยพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เคยทรงกำหนดไว้สำหรับมณฑลปัตตานีเป็นการเฉพาะ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2466 เป็นแนวทางกำกับการปฏิบัติราชการแผ่นดินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ให้ความ

สำคัญสูงสุดกับทุกข์สุขของราษฎรส่วนใหญ่ที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันออกไป

2. มาตรการจัดการระบบยุติธรรมระดับชาติ ประกอบด้วย การจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติในการดำเนินกระบวนการยุติธรรม การเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวตามมาตรา 11 (1) ของพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้พบกับทนายและได้รับความช่วยเหลือแนะนำจากทนายภายใน 48 ชั่วโมง และการนำกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการสืบสวนสอบสวนตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

3. มาตรการลดความรุนแรงในพื้นที่โดยตรงประกอบด้วย ในคณะกรรมการของรัฐบาลให้มีผู้แทนของผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนาทั้งอิสลามและพุทธเข้าร่วมเป็นกรรมการโดยร่วมกำหนดนโยบายและทิศทางให้ถือว่าปืนทุกชนิดเป็นอาวุธผิดกฎหมายในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ให้อยู่ในการครอบครองของประชาชน เว้นแต่อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายเท่านั้น พร้อมทั้งให้มีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดในที่สาธารณะ และจัดแบ่งพื้นที่ให้แหล่งอบายมุขอยู่ห่างเขตชุมชน ศาสนาสถาน และสถานศึกษา

4. มาตรการระดับชุมชนประกอบด้วย การจัดกลุ่มชุมชุนแถลงข่าวในพื้นที่ แสดงความจริงและการรับรู้ของชุมชนให้เป็นที่ประจักษ์ในกรณีเกิดความรุนแรงให้ตั้งชุดคุ้มครองหมู่บ้านเป็นหน่วยรากแก้ว ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ให้มีคณะกรรมการสันติสุขชุมชนและให้ความสำคัญกับนักศึกษาในการรณรงค์เผยแพร่แนวคิดสันติวิธี

5. มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับครู ประกอบด้วย ให้ทุกโรงเรียนทั้งที่เป็นโรงเรียนสอนศาสนา และโรงเรียนของรัฐบาล ควรมีระบบเตือนภัย ระบบป้องกันภัย เปิดไฟส่องสว่างตลอดเวลากลางคืน และมีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย สามารถประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ทันทีที่เกิดเหตุร้ายขึ้น เปิดโอกาสให้ครูในพื้นที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่โรงเรียนและครู การตัดสินใจปิดหรือเปิดโรงเรียน หรือการเคลื่อนย้ายเด็กนักเรียนให้เป็นผลของการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครองและโรงเรียน

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ระดมตั้งคำถามกับพล.ต.อ.ชิดชัยในหลายประเด็นจนกระทั่งสร้างความไม่พอใจและทำให้พล.ต.อ.ชิดชัยยุติการแถลงข่าวอย่างกระทันหัน โดยข้อซักถามที่ผู้สื่อข่าวเน้นย้ำคือเรื่องอำนาจศาลในการออกหมายจับ ซึ่งก่อนหน้านี้นายวิชา มหาคุณ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1   ได้ออกมาระบุว่า การออกหมายจับต้องทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ไม่ใช่แบบพ.ร.ก.ที่เพิ่งออก ซึ่งพล.ต.อ.ชิดชัย ไม่ขอออกความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องนี้  เนื่องจากเห็นว่าเป็นความเห็นที่ออกมาหลายสัปดาห์แล้ว  และไม่อยากพูดในวังวนคำถามเดิม

นอกจากนี้พล.ต.อ.ชิดชัยยังตอบคำถามถึงข้อเรียกร้องของกอส.ที่ต้องการให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปลอดอาวุธด้วยว่า รัฐบาลจะรับไปศึกษา แต่ไม่ใช่รับข้อเสนอแล้วต้องปฏิบัติทันที โดยตอนนี้ครูก็ยังสามารถพกปืนได้เช่นเดิม ขณะที่เรื่องการใช้นิติวิทยาศาสตร์ในพื้นที่นั้นก็ไม่เคยปฏิเสธแต่อย่างใด

พร้อมกันนั้นรองนายกฯ และรมว.มหาดไทยได้แสดงความมั่นใจว่าสถานการณ์ชายแดนภาคใต้จะค่อยคลี่คลายๆ  และยืนยันว่ารัฐบาลรู้ว่าสู้อยู่กับใคร ไม่ใช่ดังที่นายอานันท์ระบุถึงข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยว่าชาวบ้านในพื้นที่ 80% ไม่รู้ว่าสู้อยู่กับใคร ส่วนตัวชี้วัดความสำเร็จที่ผู้สื่อข่าวถามนั้น ทางกระทรวงมหาด

ไทยมีสถิติชัดเจน ไม่ได้ใช้ความรู้สึกอย่างที่สื่อถาม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากการดำเนินการของรัฐบาลเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พล.ต.อ. ชิด ชัย กล่าวสั้นๆ ว่า "พร้อมแน่นอน ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาเราพร้อมที่จะรับผิดชอบแน่นอน"

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

• สมานฉันท์ฯ เตรียมลุยพื้นที่สีแดงชายแดนใต้
• เร่งออกหลักสูตรบูรณาการสามัญ-ศาสนาโรงเรียนใต้
• ตัดคอลูกตำรวจปัตตานี-ยิงอดีตผอ.โรงเรียนนราฯสาหัส
• ป่วนใต้ดำดินวางบึ้มใต้เท้าตำรวจ