นายประมวลกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ดูเหมือนจะเป็นการใช้กระบวนการทางการเมืองทดสอบพระราชอำนาจ เสมือนกับพระราชอำนาจเป็นตรายางหรือเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น ตนจึงเห็นว่า ควรต้องมาทำความเข้าใจครั้งใหญ่กันใหม่อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นการกระทำทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจต่อจากนี้ไปก็เหมือนเป็นการลองดี
ทั้งนี้เขายังยกหนังสือ "พระราชอำนาจ" ที่ตนเองเขียนขึ้นว่า มีจุดประสงค์เพื่อจะทดสอบความตื่นตัวของประชาชน 3 ประการคือ ประการแรก ความรู้สึกของคนไทยยังเชื่อมั่นในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ ประการต่อมาคือ พระมหากษัตริย์ยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของบ้านเมืองหรือไม่ และประการสุดท้าย ประชาชนยังเทิดทูนพระราชอำนาจหรือไม่ และเมื่อเห็นกระแสตอบรับล้นหลาม ตนก็รู้สึกตื้นตันใจ
เขายังท้าทายด้วยว่า มีบางกระแสที่ไม่ต้องการให้ตนเองพูดเรื่อง "พระราชอำนาจ"โดยให้เหตุผลว่าตน "อ้างอิงสถาบัน" มากเกินไป ซึ่งผู้ที่ไม่ต้องการให้ตนพูดนั้น ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ต้องการจะเปลี่ยนระบอบการปกครองไปสู่ระบอบหรือไม่
ทั้งนี้นายประมวลกล่าวในตอนท้ายว่า ประเทศไทยนั้นเป็นราชอาณาจักร ไม่ใช่บริษัทอาณาจักร ที่จะคิดแต่เรื่องของเศรษฐกิจและหวังทำกำไรเท่านั้น ขณะที่แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นมุ่งเน้นที่เศรษฐกิจพอเพียง ตนจึงหวังอย่างเดียวว่า สิ่งที่พูด ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะลองกลับไปคิดว่า กระบวนทัศน์เรื่องบริษัทอาณาจักรที่ผ่านมานั้นถูกต้องหรือไม่
"ถ้าถามว่าพระราชอำนาจ พระราชอาณาจักร ซึ่งเป็น เดอะ คิงส์ดอม ออฟ ไทยแลนด์ มาช้านาน 600-700 ปี เรามองทุกอย่าง ทั้งเรื่องดินแดน การบริหาร ประชาชน แต่ถ้าเป็นบริษัทอาณาจักร ก็จะต้องมองว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตอย่างไร โตแล้วเหมือนฝนตกห่าใหญ่ บางคนบอกว่าใครมีภาชนะใหญ่รับได้มาก ใครมีน้อยรับได้น้อย นี่มันไม่ใช่ปรัชญาบริหารประเทศ มันเป็นปรัชญานักธุรกิจครับ"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)