Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวอิศรา 24 กันยายน 2548 : อนุ กอส.หวั่นรัฐฉวยโอกาส "ตันหยงลิมอ" เปลี่ยนแนวแก้ปัญหาชายแดนใต้จากสันติวิธีสู่มาตรการเด็ดขาด เตรียมเสนอมาตรการให้ยึดมั่นแนวทางสันติ กรรมการ กอส.เสนอติดกล้องเฮลิคอปเตอร์ถ่ายทอดสดเหตุวิกฤติ ให้สังคมรับรู้ข้อเท็จจริง


เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ห้องประชุมสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อความปรองดองและความสมานฉันท์ในพื้นที่ ในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) โดยมีพล.อ.ณรงค์ เด่นอุดม เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้หยิบยกกรณีเหตุการณ์ที่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาสมาหารือ และได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมกอส.ในวันที่ 26 กันยายนนี้ว่า ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้สติ ความอดทน อดกลั้นและยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีแก้ไขปัญหา โดยไม่ควรใช้อารมณ์ แต่ควรใช้เหตุผล นอกจากนี้ทุกฝ่ายที่ทำหน้าที่ต้องศึกษาข้อมูลให้ครอบคลุมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด โดยแยกแยะคนผิดออกจากมวลชน


นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ประเมินด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดในบ้านตันหยงลิมออาจเป็นจุดเปลี่ยนของแนวทางแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากที่ทุกฝ่ายพยายามยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้เจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามในการเจรจา แต่ก็ไม่อาจป้องกันความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งที่ประชุมห่วงใยว่าหากกระแสสังคมมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย จะทำให้รัฐบาลอ้างเป็นความชอบธรรมที่จะใช้อำนาจและมาตรการเด็ดขาดในการแก้ปัญหาต่อไป


"ท่าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แสดงออกต่อสาธารณะชนน่าเป็นห่วงมาก ทั้งนี้ที่ประชุมยังตั้งข้อสังเกตว่าการนำเสนอข่าวควรเป็นกลางและเป็นธรรม เพราะการตายนาวิกโยธินทั้ง 2 คนมีข่าวออกอย่างครึกโครม แต่ประชาชนที่เสียชีวิตในร้านน้ำชากลับแทบไม่มีข่าวเลย"แหล่งข่าวระบุ


นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลาและอนุกรรมการกอส.กล่าวว่า ได้เสนอต่อที่ประชุมให้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เนื่องจากมีแนวโน้มว่าวิธีการอย่างเดียวกับที่บ้านตันหยงลิมอจะถูกนำมาใช้มากขึ้น แต่ทุกคนไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าใครถูกใครผิด ดังนั้นควรมีการติดกล้องไว้ที่เฮลิคอปเตอร์ เพื่อบันทึกเหตุการณ์ความขัดแย้งไว้ตลอดเวลาและส่งสัญญาณภาพไปที่ศาลากลางเพื่อส่งให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและนายกรัฐมนตรีได้ดูด้วย ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็มีอำนาจในการสั่งการให้ถ่ายสดทอดออกโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชนได้ดูเช่นเดียวกัน


 "เหตุการณ์ที่ผ่านมาทุกคนต่างฟังจากเรื่องเล่าจากคนอื่น ทำให้ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันจนเกิดการแบ่งฝ่าย แต่หากมีการถ่ายทอดสดให้ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์ไปพร้อมๆกันก็จะได้รับรู้ว่าใครถูกใครผิดไปด้วยกัน อย่างนี้ชาวบ้านก็ไม่มีปัญหา รัฐบาลก็ไม่ถูกกล่าวหา และต่างประเทศก็ไม่กล้าเข้ามาแทรกแซง" อนุกรรมการกอส. กล่าว


นายประเสริฐกล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันส่อเค้ารุนแรงขึ้นแน่ แต่ระดับไหนยังไม่สามารถบอกได้ โดยเฉพาะท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่จะออกมาตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันและพยายามให้คนไทย 73 จังหวัดเข้าใจไปในทางนั้น แต่คนใน 3 จังหวัดเข้าใจไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งมุมมองที่ต่างกันเช่นนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net