Skip to main content
sharethis


ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย


thumb_img_6341.jpg


         สามชั่วโมง ในค่ำคืนวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จะเป็นคืนแห่งความทรงจำของ อาลี ดอเลาะ หนุ่มใหญ่วัย 40  ปี พ่อค้าขายขนมหวาน ซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้กับบ้านของนายรุ่งไชย ใบกว้าง นายอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา


         เป็นค่ำคืนที่เขาทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ และบ้านห้องแถวของเขากลายเป็นที่หลบภัยซ่อนตัวแก่นายอำเภอบันนังสตา เป้าหมายสำคัญที่ขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งยกพลเกือบครึ่งร้อยเข้าโจมตีเขตเทศบาลตำบลบันนังสตาต้องการตัวอย่างยิ่ง


        "หลังละหมาดเสร็จแล้ว ประมาณทุ่มครึ่ง ผมกำลังจะกิจข้าว กำลังจะตักข้าวคำแรกเข้าปากก็มีเสียงปืนยิงปั๊วะ ใกล้ๆ บ้าน แล้วก็มีเสียงระเบิดตามมา ผมรีบหมอบลงกับพื้นทันที แล้วทุกคนในบ้านก็หมอบตาม"


         คนในบ้านของอาลี มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 6 คน เขา น้องชาย และน้องสะใภ้ รวมทั้งหลานๆ อีก 6 คน ต่างตกใจกลัว ระคนไปกับความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสียงปืน เสียงระเบิด จึงมาดังขึ้นห่างไปแค่ไม่กี่เมตรจากบ้านของเขา


        เขาบอกว่าแรกๆ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นทางด้านหลังบ้านนายอำเภอ เป็นการยิงรัวอาวุธสงคราม เสียงปืนเงียบหายไปไม่นาน ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าดังขึ้นใกล้มาก


        "ตอนนั้นโชคดีที่ปิดประตูบ้านแล้ว หมอบนิ่งกันทุกคน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย แม้แต่หลานตัวเล็กทั้งสามคน ก็ไม่มีใครร้องไห้ออกมาเลย มันคงเป็นสัญชาติญาณ เป็นความกลัว"


         เขาบอกว่าหลังเสียงปืนดังขึ้นไม่เกิน 20 นาที ก็มีเสียงเคาะประตู และร้องเรียกชื่อหลานฝาแฝดของเขา


        "แฝดๆ ผมจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของนาย(นายอำเภอรุ่งไชย) มีนายคนเดียวเท่านั้นที่เรียกหลานผมอย่างนี้ ผมคลานไปพยายามเปิดประตู ก็เห็นนายอยู่หน้าบ้าน นายนุ่งกางเกงมาตัวเดียว ถือปืนเอ็ม 16 อยู่ในมือ รองเท้าไม่ได้ใส่ ที่หลังเท้าด้านขวามีแผลยาวแหวะหวะมาก นายบอกว่าโดนสวดหนามบาดตอนกระโดดข้ามกำแพงหนีออกมาจากบ้าน ผมก็ให้นายรีบเข้ามาในบ้านทันที" เป็นคำบอกเล่านาทีระทึกเมื่อนายอำเภอรุ่งไชย หลบเข้ามาขอซ่อนตัวภายในบ้านของเขา



       เมื่อบ้านห้องแถวอันคับแคบของเขาได้ต้อนรับผู้นำสูงสุดแห่งอำเภอบันนังสตา ท่ามกลางเสียงปืนระงมถี่ยิบรอบทิศทาง เขารีบพานายอำเภอเข้าไปในห้อง ซึ่งทุกคนในบ้านหมอบนิ่งอยู่กับพื้น เขาเห็นเลือดจากแผลที่เท้าของนายอำเภอไหลออกมามาก จึงไปหาสายไฟมารัดข้อเท้าเพื่อห้ามเลือด


          "นายกำลังใจดีมาก บอกว่าไม่เป็นไร ผมก็บอกนายว่า ไกลหัวใจ แล้วนายก็หัวเราะ ผมบอกให้นายหมอบลง ระหว่างนั้นนายก็เล่าให้ฟังว่า เพิ่งกลับมาจากตัวเมืองยะลา มาถึงบ้านก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สักพักพวกนั้นก็ยิงปืนเข้าใส่ห้องนอนของนายที่อยู่ชั้นบน นายหมอบหลบทันที วิ่งไปหาปืน แล้วหนีลงมาข้างล่าง พยายามออกนอกบ้าน โดยวิ่งไปยังบ้านพักอส. ซึ่งมีแนวบังเกอร์อยู่ แล้วกระโดดข้ามกำแพงออกมา แล้วก็มาเรียกผม"


        เขาบอกว่าในช่วงเวลานั้นนึกกังวลใจอยู่ตลอดเวลา ในหลายเรื่อง ที่สำคัญคือห่วงว่า จะมีกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามาในบ้านหรือไม่ นานนับชั่วโมงที่เสียงปืนดังขึ้น แล้วค่อยเงียบลง มีการยิงตอบโต้กันบ้างประปราย ในที่ซึ่งห่างออกไป แต่เขาก็ยังไม่วางใจสถานการณ์


        "โทรศัพท์มือถือก็ใช้ไม่ได้เลย ผมพยายามโทรไปที่โรงพัก ที่อำเภอก็โทรไม่ติด จึงโทรหาเพื่อนที่กรุงเทพ ปรากฎว่าโทรได้ เล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วขอให้เขาโทรหาเพื่อนผมที่ยะลา ให้เพื่อนคนนี้โทรกลับมาหาผม จนในที่สุดเพื่อนที่อยู่ยะลาก็โทรมาหาผม ผมขอให้เขาโทรไปบอกที่โรงพักว่านายอยู่กับผม ให้มารับนายด้วย ผมโทรศัพท์หลายครั้ง นานมาก จนแบตหมดไปสองก้อน เวลาผ่านไปนานมาก จนเลือดที่แผลของนายแห้งหมดแล้ว"


        หลังสั่งความทางโทรศัพท์กับเพื่อนแล้ว ชั่วโมงนับจากนี้คือการรอคอย เขาได้ยินเสียงคนวิ่ง พูดคุย ตะโกนกันรอบๆ บริเวณบ้าน แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร นายอำเภอรุ่งไชยจะออกไปดูเหตุการณ์ แต่เขาห้ามเอาไว้ เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่น่าไว้วางใจ


        "อีกสักชั่วโมงต่อมา เวลาประมาณ ห้าทุ่ม ผมได้ยินเสียงตำรวจคนหนึ่งซึ่งรู้จักสนิทกัน ก็เปิดประตูออกมาดู บอกว่านายอยู่ในบ้าน เขาก็ยังไม่กล้าเข้ามาดู ผมบอกว่านายอยู่จริงๆ ในบ้านไม่มีโจรถ้ามีโจรนายตายไปแล้ว ตอนนั้นนายยังอยู่ในห้อง ผมไม่ยอมให้นายออกมา สักพักเขาก็ไปตามตำรวจทหารมา ทุกคนก็กรูกันเข้ามาในบ้าน ผมบอกว่า นายบาดเจ็บให้ตามหมอมาด้วย สักพักหมอก็มาแล้วพานายขึ้นรถออกไป"


        แม้เหตุการณ์จะเริ่มคลี่คลาย แต่เขาก็ยังไม่วางใจ คืนนั้นตลอดทั้งคืน พวกเขาและเพื่อนบ้านไม่มีใครนอนหลับตาลงได้เลย เหตุการณ์ระทึกใจที่ผ่านไปไม่นานนี้ ปลุกประสาททุกส่วนให้ตื่นขึ้น แม้กระทั่งเวลาจะล่วงเลยมาถึงช่วงสายของวันรุ่งขึ้น อาลีและเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกหลายคนก็ยังไม่ได้นอนหลับผักผ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว


        โดยเฉพาะอาลี เช้าวันนี้เขากลายเป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ และผู้คนหลากหลาย ทยอยกันมาหา เพื่อให้เขาเล่าถึงเรื่องราวระทึกใจเมื่อคืนที่ผ่านมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า


        "อย่าว่าแต่นอนเลย ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลย" พูดแล้วเขาก็หัวเราะอารมณ์ดี เขาบอกว่าคืนนี้เขาและทุกคนในบ้าน จะไปขอพักอยู่บ้านพี่สาว ซึ่งอยู่ต่างอำเภอซักระยะหนึ่ง จนกว่าจะแน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา


        อาลีบอกว่าเขาคิดอยู่เสมอว่าจะต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นสักวันหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นใกล้ๆกับบ้านเขาอย่างนี้


        "2 ปีที่เกิดเหตุการณ์มาทุกคนในบ้านไม่มีใครนอนบนเตียงเลย เรานอนพื้นกันทุกคน กลัววิถีกระสุน" เขาบอกอย่างอารมณ์ดี ขณะบอกให้หลานชายฝาแฝดเข้าไปในบ้านเตรียมตัวเก็บของ เพื่อย้ายที่อยู่ชั่วคราว และจะยังไม่กลับมาที่นี่อีกจนกว่าจะมั่นใจในความปลอดภัย ๐


สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net