Skip to main content
sharethis


 

โดย ภิกษุณีนิรามิสา พร้อมด้วยคำฝากมาบอกจาก พระอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส เพื่อการประชุมเวทีนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ 3 "สานเสวนาพุทธ -  อิสลาม : ความรุนแรงและความสมานฉันท์"


..................................................................................


 


 


ยามประเทศชาติยังสับสนวุ่นวาย เวียนว่ายอยู่ในทะเลโคลน ไม่เห็นชัดต้นสายปลายเหตุ ไม่เห็นชัดเงื่อนไของค์ประกอบที่เกื้อหนุนให้เกิดภาวะที่พี่น้องชาวไทยเป็นปรปักษ์ทำร้ายซึ่งกันและกัน


 


เราควรจะรำลึกอยู่เสมอว่าประทศไทยเป็นประเทศที่รักษาความสันติ ความเป็นเอกราชมาตลอด ในองค์พระเจ้าแผ่นดินแต่ไหนแต่ไรจนถึงปัจจุบัน ทุกพระองค์ได้ทรงพยายามรักษามรดกอันดีงามนี้อยู่เสมอ เราควรจะสานเมล็ดพันธุ์อันดีงามนี้ไว้อยู่เสมอ


 


แต่ด้วยความเป็นโคลนในจิตใจของเรา คือ ความโกรธ ความกลัว ความระแวง ความสงสัย ความไม่ไว้ใจกัน ที่ลอยฟ่องอยู่บนพื้นผิวของจิตใจคนไทยทุกวันนี้ต่อกรณีสามจังหวัดภาคใต้


 


ความเป็นโคลนในจิตใจเราที่ลอยฟ่องอยู่นั้น ก็เพราะในผืนใต้ทะเลโคลนนั้นเรามีนิสัยที่ติดคิด ติดมอง เธอเป็นมุสลิม ฉันเป็นพุทธ หรือเธอเป็นพุทธ ฉันเป็นมุสลิม เราควรจะหันมามองโดยไม่ติดป้ายให้กันและกัน แต่มองว่า เธอก็เป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง เขาก็คือพี่น้องร่วมผืนแผ่นดินเดียวกัน เธอคือพี่น้องร่วมโลก นิสัยติดป้ายให้กันและกันเช่นนี้ ก็คือนิสัยมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่ไม่มีโอกาสนำพื้นฐานทางจิตวิญญาณเข้ามาใช้ในวิธีการมองในวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าพื้นฐานทางจิตวิญญาณนั้นจะเป็นพื้นฐานพุทธศาสนา หรือมุสลิม หรือคริสเตียนก็ตาม


 


นิสัยแบบการมองแบบติดป้าย ติดสีให้แก่กันและกันต่อปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้ ก็คงจะมีมาอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่อาจจะเป็นในกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง แต่สภาพการณ์ในปัจจุบันนี้นิสัยการมองแบบนี้ได้แพร่กระจายไปเป็นนิสัยการมองของคนกลุ่มใหญ่ ของคนส่วนรวมในประเทศมากยิ่งขึ้น กลายเป็นจิตสำนึกร่วม หรือความคิดส่วนรวม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องหันมาเอาใจใส่กำจัดนิสัยลักษณะการมองแบบนี้มากกว่าการพยายามที่จะคอยพยายามกำจัดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง


 


ทำอย่างไรเราจึงจะลบล้างนิสัยที่เรามักติดคิด ติดมอง คำสอนของพระศาสดานั้นชัดเจนมากที่บอกให้เรากลับมาอยู่กับลมหายใจ ตระหนักถึงสิ่งที่เรากำลังคิดกำลังรู้สึกในใจเรา ตระหนักรู้นิสัยที่ติดคิดติดมองผู้คนแบบให้ป้าย ให้สี เพียงแต่อยู่กับลมหายใจและตระหนักรู้ในขณะปัจจุบันที่กำลังเกิดความคิดขึ้น ก็สามารถช่วยให้ทะเลโคลนนิ่งใสขึ้นมาได้บ้าง แล้วในสภาวะแห่งสติ สมาธิ ที่มั่นคงนั้น ปัญญาแห่งความเมตตา กรุณาจะปรากฏขึ้น จิตแห่งอุเบกขาที่โอบรับผู้คนอย่างที่เขาเป็นจะบังเกิดขึ้น วิถีแห่งสันติก็ประจักษ์อยู่ขณะนั้นเช่นเดียวกัน


 


ด้วยความที่เรายังมีนิสัยติดป้าย ติดสีให้พี่น้องชาติเดียวกัน ถ้าเรากลับไปพิจารณาให้ลึกซึ้งมากขึ้น ก็คงจะเห็นว่า ที่ผ่านมาในอดีต เราคงจะละเลยพี่น้องมุสลิมร่วมชาติของเรามาพอสมควร และอาจไม่ได้มีการวิถีการปฏิบัติอย่างเป็นกุศโลบายเพียงพอกับพี่น้องชาวมุสลิมสามจังหวัดภาคใต้


 


เราน่าจะหาวิธีที่เป็นรูปธรรมที่เราฟื้นฟูความสัมพันธ์ของคนในชาติเดียวกันขึ้นมาใหม่ที่เป็นกิจกรรมในแง่บวกให้เห็นว่าเราไม่ได้ละเลยซึ่งกันและกัน เราส่งเสริมซึ่งกันและกันเหมือนครอบครัวเดียวกัน อาจจะเป็นกิจกรรมดังเช่นการไปทำบุญให้กับสุเหร่าของพี่น้องชาวมุสลิม การลงไปให้ความช่วยเหลือทางด้านวัตถุแก่ชาวบ้านมุสลิม และกิจกรรมช่วยเหลืออื่นๆที่พี่น้องคนไทยหลายท่านพยายามทำอยู่แล้ว


 


ขอให้พวกเรามาร่วมรักษาสันติภาพแห่งแผ่นดินไทยให้คงอยู่เสมอ ด้วยการเชื้อเชิญให้ทุกท่าน ณ ที่นี้กลับมาสร้างสันติในดวงใจของเราก่อน ด้วยการเบิกบานกับการฟังเสียงระฆังคู่ไปกับลมหายใจของเรา ซึ่งก็คือต้นตอแห่งการเกิดสันติในรอบข้างเรานั้นเอง


 


ขอให้สันติจงมีอยู่กับผืนแผ่นดินไทย อยู่กับคนแผ่นดินสยามอยู่เสมอ


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net