ที่ประชุม สรุปข้อมูลค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำและไฟฟ้าของ 10 ชุมชนพบว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำอุปโภคและบริโภคตกประมาณเดือนละ 587,800 บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟฟ้าประมาณ 686,500 บาทต่อเดือน นับเป็นรายจ่ายที่แพงกว่าอัตราปกติ เนื่องจากบางชุมชนไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องพ่วงกับอาคารของเอกชน ค่าไฟฟ้าจึงแพงกว่าอัตราที่ใช้กันอยู่ทั่วไป เช่นเดียวกับเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค บางชุมชนไม่มีบ่อน้ำ ไม่มีน้ำประปา บางชุมชนต้องซื้อทั้งน้ำกินและน้ำใช้ เพราะไม่มีน้ำประปาและบ่อน้ำ ชุมชนที่จ่ายค่าน้ำมากที่สุด คือ ชุมชนบ้านคลองปากบาง เดือนละ 114,000 บาท และชุมชนที่จ่ายค่าไฟฟ้ามากที่สุด คือ ชุมชนบ้านโคกโตนด เดือนละ 240,000 บาท

นายโชคดี สมพรหม เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมูลนิธิชุมชนไท เปิดเผยว่า ข้อสรุปเรื่องน้ำและไฟฟ้า จะนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้าน ที่จ่ายค่าน้ำค่าไฟฟ้าแพงกว่าปกติ ให้จ่ายในอัตราเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยจะลงพื้นที่สำรวจข้อมูลอีกครั้ง

นางรัตนา พลภักดี จากเครือข่ายชุมชนบ้านคลองปากบาง ให้สัมภาษณ์ว่า ชุมชนบ้านคลองปากบาง ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต มี 16 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 52 คน หลังจากเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ทางชุมชนได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในที่ดินของกรมเจ้าท่าเป็นเวลา 5 ปี ปัญหาตอนนี้ คือ เรื่องน้ำบริโภคและอุปโภค เนื่องจากแต่ละเดือนชุมชนบ้านคลองปากบางทั้งชุมชน ต้องแบกรับภาระใช้จ่ายค่าน้ำสูงมาก เพราะไม่มีน้ำประปาใช้ ชาวบ้านต้องซื้อน้ำถังจากรถจำหน่ายน้ำ ซึ่งแพงกว่าราคาน้ำประปา

"เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ทางชุมชนได้ยื่นเรื่องขอน้ำประปาไปยังการประปาส่วนภูมิภาค แต่ยังเงียบอยู่ ก่อนหน้านี้เคยพูดเกริ่นไว้กับการประปาส่วนประปาส่วนภูมิภาคว่า อยากให้ช่วยเดินท่อน้ำประปาในชุมชน ทางการประปาส่วนภูมิภาคบอกว่า ถ้ามีไฟฟ้า มีบ้านเลขที่ สามารถขอน้ำประปาได้ แต่พอขอไป กลับไม่มีความคืบหน้า" นางรัตนา กล่าว

นางปรีดา คงเเป้น เลขาธิการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อมูลปัญหาน้ำและไฟฟ้าที่สรุปได้จากการประชุมครั้งนี้ จะนำไปเสนอในงานครบรอบ 1 ปี สึนามิ ที่บ้านทุ่งหว้า ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ระหว่างวันที่ 23 - 25 ธันวาคม 2548 ด้วย

กลับหน้าแรกประชาไท