ประชาไท- 6 ม.ค. 2549 รัฐบาลกัมพูชาจับตัวนักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน 2 คนเข้าคุกฐานหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรี ฮุน เซ็น อ้างตามกฎหมายอาญามาตรา 63

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้   เค็ม โสกา ผู้อำนวยการศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา ( Cambodia Center for Human Rights- CCHR) และ เยิง วิรัก ผู้ประสานงานศูนย์การศึกษาด้านกฎหมายในกัมพูชา ได้ถูกจับกุมตัวในสำนักงานของทั้งสองคน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ รวมทั้งผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศ และรายงานดังกล่าวแจ้งว่า ทั้งสองถูกนำตัวไปที่ศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และต่อมาถูกส่งตัวไปคุมขังยังคุก ไปร ซา ทั้งนี้ จากการนำเสนอของพันธมิตรผู้สื่อข่าวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ( Southeast Asian Press Alliance- SEAPA)เมื่อวันที่ 4 มค. ที่ผ่านมาโดยอ้างจากรายงานของ สมาคมเพื่อพิทักษ์ผู้สื่อข่าวในกัมพูชา ( CAPJ)

องค์กร ฮิวแมนต์ ไรซ์ วอทซ์  กล่าวเมื่อวันที่ 4 มค. ที่ผ่านมานี้ว่า รายการ "เสียงประชาธิปไตย" (Voice of Democracy) ซึ่งเป็นรายการวิทยุ CCRH ก็ถูกสั่งปิดไปหลายชั่วโมงเพื่อป้องกันการออกอากาศสดการเข้าจับกุมในครั้งนี้  โดยทางรัฐบาลอ้างว่า หากปล่อยให้มีการออกอากาศสดก็อาจจะกลายเป็นการยั่วยุให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ได้

รายงานของ CAPJ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ตั้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทกับ โสกาและ เย็ง มาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม โดยเขียว กัญญฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารและโฆษกรัฐบาลกล่าว ทั้งสองเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบในในการเขียนป้ายในวันสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่มีใจความว่า " มันคือรัฐบาลคอมมิวนิสต์ และ ระบอบคนขายชาติ"

ทั้งนี้มีรายงานว่า โสกานั้นปฎิเสธการมีส่วนร่วมในการฉลองวันสิทธิมนุษยชน และ ปฎิเสธที่จะรับผิดชอบต่อข้อความที่เขียนบนป้ายผ้าดังกล่าว

"สโลแกนบนป้ายผ้านั้นประชาชนเป็นผู้เขียนขึ้นมา มันอยู่เหนือความรับผิดชอบของผมเพราะว่า มีคณะกรรมการทำงานอยู่หลายคณะในการจัดการเดินขบวนกันในวันสิทธิมนุษยชนสากลครั้งนี้" โสกากล่าว

ทั้งนี้ หากพบว่ากระทำความผิดจริงโสกาและวิรักจะต้องถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปีและปรับเป็นเงิน 10 ล้านเรียล ( ประมาณ 1 แสนบาท)  หรือทั้งจำทั้งปรับ

บรรดาคณะทูตจากประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น รวมทั้งตัวแทนจากองค์กร ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ ของอเมริกาก็ได้แสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการจับกุมตัวนักสิทธิมนุษยชนทั้งสองคนว่า เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในกัมพูชากำลังตกต่ำลง

สำหรับทาง SEAPA เองนั้นก็ได้แสดงจุดยืนที่จะประท้วงการจับคุมและคุมขังบุคคลทั้งสองนี้ และถือว่าเป็นการละเมิดหลักการระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในการรณรงค์ ที่ระบุไว้ในปฎิญญาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องนักสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ SEAPA ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อกล่าวหาทางอาณาทั้งปวงรวมทั้งข้อกล่าวหาเรื่องการหมิ่นประมทที่นำมาใช้ฟ้องร้องฝ่ายค้าน และ นักวิเคราะห์วิจารณ์ รวมทั้งขอให้ปล่อยตัวบุคคลเหล่านั้นที่ขณะนี้กำลังถูกคุมขังอยู่