โดย บำเพ็ญ ไชยรักษ์
ประชาไท21 ม.ค. 2549 ปิดให้แซด สผ. รับใบสั่งการเมือง ลักไก่ชงเหมืองโปแตชเข้าบอร์ดกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด่วนจี๋ 23 มกราคม 2549 กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรฯ ฉุนเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2549 ที่ผ่านมานายชนินท์ ทองธรรมชาติ หัวหน้าสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับนายสุรพงษ์ เชียงทอง กรมทรัพยากรพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และเจ้าหน้าที่จากบริษัทเอเซียแปซิฟิกโปแตช คอร์ปอร์เรชั่น (เอพีพีซี) ได้จัดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องโครงการเหมืองแร่โปแตช และสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในวันที่ 23 มกราคม 2549 นี้
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า สผ.ได้มีจดหมายเชิญประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในสัปดาห์นี้ โดยในหนังสือเชิญนั้นไม่มีวาระเรื่องเหมืองแร่โปแตชแต่อย่างใด แต่ในที่สุด สผ.ขอเลื่อนการประชุมเป็นวันที่ 23 ม.ค. โดยจะมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรื่องกิจ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมอรรถไกรวัลวที สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. โดยบรรจุโครงการเหมืองแร่โปแตชเข้าพิจารณาใน 3 ประเด็นคือ
- นโยบายการพัฒนาแหล่งแร่โปแตชอุดรธานีและภาคอีสานจำเป็นจะต้องมีหรือไม่
- แร่โปแตชมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างไรและมีปัญหาอุปสรรคใดบ้าง
- จะมีความคิดเห็นอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตชในจังหวัดอุดรธานี
ด้านนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในวันที่ 23 มกราคม 2549 นี้ จะมีการพิจารณาเรื่องการทำความตกลงเรื่องการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐวิสาหกิจจีนเรื่องการทำเหมืองแร่โปแตชจังหวัดสกลนคร ดังนั้นรัฐบาลจึงนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบในการดำเนินการ
นายสุวิทย์ กุหลาบวงศ์ ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาปัญหาดินเค็มและการจัดการทรัพยากรแร่ภาคอีสาน กล่าวว่าภายหลังจากที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้ง ครม.สัญจรจังหวัดเลย วันที่ 9-10 มกราคม 2549 ที่ผ่านมา และได้ร่วมกับเครือข่ายชาวบ้านติดตามนโยบายประชานิยมและการแก้ไขปัญหาความยากจน ได้เข้าพบทำความตกลงกับนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่สนามบินจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งมีข้อตกลงว่าจะไปพบและพูดคุยกันกรณีปัญหาเหมืองแร่โปแตช และความเดือดร้อนอื่น ๆ ในภาคอีสาน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นเหตุให้หน่วยงานราชการ และฝ่ายการเมืองออกมาเคลื่อนไหวรับลูก เพื่อเตรียมป้อนข้อมูลให้นายกฯ และเป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่าเหตุใดจึงได้มีการเคลื่อนไหวร่วมกันระหว่าง สผ. กพร. และบริษัทเอพีพีซี เจ้าของโครงการตลอดจนการแอบสอดเรื่องเหมืองแร่โปแตชเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเร่งด่วน โดยที่ชาวบ้านไม่ได้ร่วมรับรู้ด้วย ซึ่งมันก็เหมือนกับการผลักดันโครงการเหมืองแร่โปแตชซึ่งปกปิดข้อมูลที่ประชาชนควรรู้ของฝ่าย สผ. กพร. และบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัญญา ที่ต้องใช้ช่อง พรบ.ข้อมูลข่าวสารฟ้องร้องประชาชนจึงได้มาอ่าน การผ่านความเห็นชอบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2543 ก่อนที่จะมีกฎหมายแร่ที่อนุญาตให้ทำเหมืองใต้ดินในปี 2545 ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ผิดขั้นตอนกฎหมายแร่ และยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทำเหมือง ไม่มีแผนที่ขอบเขตเหมืองประกอบ แต่ สผ.ก็หลับหูหลับตาให้ความเห็นชอบไป แล้วประชาชนคนไทยจะเชื่อมั่นอะไรได้กับระบบการพิจารณารายงานอีไอเอของสผ.
ด้านนายปัญญา โคตรเพชร รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี เปิดเผยว่า ภายหลังได้ทราบข่าวนี้กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ประชุมกันอย่างเร่งด่วน และมีความคิดเห็นว่ากลุ่มได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดเลย โดยมีสาระสำคัญเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการพิจารณาโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี และระบุว่าการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องเป็นไปอย่างเปิดเผยมิใช่งุบงิบกันเอง ซึ่งการร่วมกันระหว่าง สผ. กพร. และบริษัทครั้งนี้นับเป็นการกระทำที่ไม่เห็นหัวชาวบ้าน และการประชุมครั้งนี้เป็นการผลักดันให้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อ รายงานอีไอเอฉบับเพิ่มเติมของบริษัท ซึ่งกลุ่มฯ ได้ยืนยันเรียกร้องมาตลอดว่าต้องยกเลิกอีไอไอที่ผิดขั้นตอน กลุ่มฯ จึงได้มีมติกันว่าจะเคลื่อนขบวนประมาณ 300 คนเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คัดค้านการพิจารณาอีไอเอฉบับเพิ่มเติม และขอให้ยกเลิกอีไอเอฉบับเก่าให้จัดทำและพิจารณาใหม่ ในวันที่ 23 มกราคม 2549 นี้ที่สถานที่ประชุม ทำเนียบรัฐบาล และจะดำเนินการให้ถึงที่สุดเรื่องความผิดพลาดในการให้ความเห็นชอบอีไอเอโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานีไปแล้วเมื่อปี 2543 นั้น เพราะสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องรับผิดชอบ ในโอกาสนี้กลุ่มจะได้เดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เอาผิดกับ สผ. ที่ได้ทำหน้าที่ผิดพลาดจนเป็นผลให้เกิดความขัดแย้ง และจะสร้างความเสียหายต่อชุมชน นายปัญญากล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)