คนเชียงของรวมพลังจัดงานมหกรรมเปิดตำนานวิถีธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรมสองฝั่งโขงคนท้องถิ่นเชียงของ 24-25 กุมภาพันธ์นี้ โดยภายในงานมีการจัดพิธีสืบชะตาแม่น้ำโขง นิทรรศการลานความรู้, ห้องสมุดแม่น้ำโขง ศึกษาวิถีชีวิต 9 กลุ่มชาติพันธุ์ และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมเพื่อระดมทุนตั้ง "กองทุนพิทักษ์แม่น้ำโขง"

นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา อ.เชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า เนื่องจากแม่น้ำโขงนั้นมีความสำคัญมากสำหรับคนสองฝั่งโขง ที่เปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ หล่อเลี้ยงคนในลุ่มน้ำโขงกว่า 60 ล้านคนใน 6 ประเทศ ดังนั้น วิถีชีวิตผู้คนสองฟากฝั่งโขงจึงมีความสัมพันธ์กับแม่น้ำในการหาอยู่หากินมาเนิ่นนานหลายชั่วอายุคน การใช้และการรักษาแม่น้ำเหล่านี้ก่อเกิดเป็นประเพณี วัฒนธรรมสืบต่อมา จนปัจจุบันนี้ มีการเปรียบแม่น้ำโขงเป็นแม่แห่งอุษาคเนย์ เป็นผู้ให้กำเนิดอารยธรรมที่สำคัญของโลก

"แต่ว่าหลังจากมีการพัฒนาสมัยใหม่เข้ามา เช่นโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ต้นทุนจากทรัพยากรในลุ่มน้ำโขง รวมไปถึงการขยายตัวของประชากร ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนในลุ่มน้ำโขงเปลี่ยนแปลงไป จนถูกตัดขาดจากประวัติศาสตร์วัฒนธรรมดั้งเดิม อีกทั้งเมื่อมีนโยบายการพัฒนาต่างๆ ที่มาจากภายนอกเข้ามา ยิ่งส่งผลให้กระบวนการแก้ไขปัญหาในลุ่มน้ำโขงมีความยากลำบาก กระบวนการร่วมมือยังขาดองค์ความรู้และการเปิดโอกาสให้คนท้องถิ่นลุ่มน้ำโขงได้มีส่วนร่วม" นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ดังนั้นคนท้องถิ่นเชียงของ เครือข่ายประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชนเอกชน หน่วยงานภาครัฐ ใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย จึงได้ร่วมกันจัดงาน "เปิดตำนานวิถีธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรมสองฝั่งโขง" ขึ้น เพื่อรณรงค์เผยแพร่องค์ความรู้ศิลปวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นออกสู่สาธารณะ ซึ่งจะเป็นการก่อให้เกิดการสร้างรูปธรรมด้านการอนุรักษ์ เพื่อการประสานความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน เครือข่ายองค์กรชาวบ้าน นักวิชาการสถาบันการศึกษา เพื่อเกิด "กองทุนพิทักษ์แม่น้ำโขง" ในการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับแม่น้ำโขงในอนาคต

ด้าน นายธวัชชัย รัตนซ้อน ผู้ประสานงาน โครงการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชุ่มน้ำลุ่มน้ำโขง กล่าวว่า กล่าวว่า เป็นความคิดริเริ่มที่ดี ที่คนท้องถิ่นลุ่มน้ำโขง และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันจัดงานในครั้งนี้ เพราะแม่น้ำโขงนั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนทั้ง 6 ประเทศ ดังนั้น ทำอย่างไรที่จะให้คนทุกฝ่าย ทุกประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้ร่วมกันใช้ประโยชน์และอนุรักษ์แม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน ให้คนอยู่ได้ ธรรมชาติอยู่ได้

ในขณะที่นางเตือนใจ ดีเทศน์ วุฒิสมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย และกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมนี้ ถือว่าเป็นการสิ่งที่ดี เพราะมีหลายองค์กรหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สำนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงราย,ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย,กรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา และองค์กรพันธมิตร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ภายใต้โครงการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นภาคเหนือ, โครงการ Mekong Wetland Biodiversity, สหพันธ์อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย ที่ร่วมกันจัดงานในครั้งนี้ เพื่อให้สังคมทั่วไป รวมไปถึงคนทั่วโลกได้รู้จักและเข้าใจแม่น้ำโขงในทุกมิติ ไม่ว่าในเรื่องวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างไร

"การจัดงานนี้ ตนในฐานะเป็นผู้ร่วมจัดงาน จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาร่วมงานกันเยอะๆ เพราะนอกจากจะได้ทั้งความรู้ทางด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนสองฝั่งโขงแล้ว และเวทีเสวนา เพื่อกำหนดหาทิศทางการพัฒนากับอนุรักษ์แม่น้ำโขงอย่างสมดุลและยั่งยืนแล้ว ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและความบันเทิงอีกหลากหลายด้วย" นางเตือนใจ กล่าว

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 24 - 25 ก.พ.นี้ ที่บริเวณสนาม ร.ร. บ้านหัวเวียง ศูนย์พัฒนาข้าราชการครูฯ และบริเวณลานท่าเรือน้ำลึก อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยภายในงาน จะมีการจัดกิจกรรมพิธีสืบชะตาแม่น้ำโขง เดินขบวนรณรงค์เพื่อสายน้ำสายชีวิตแม่น้ำโขง นิทรรศการลานความรู้ การเสวนา ห้องสมุดแม่น้ำโขง หมู่บ้านจำลองวิถีชีวิต 9 กลุ่มชาติพันธุ์ ภาพยนตร์ การแสดงศิลปวัฒนธรรมชุมชน ดนตรีพื้นเมือง, ละครเงาพระจันทร์พเนจร, ร่ายบทกวีมหานทีแห่งอารยธรรม โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์-ไพวรินทร์ ขาวงาม, อลังการระบำแห่งสายน้ำ อ.เทพศิริ สุขโสภา และฟรีคอนเสิร์ต นำโดย คาราวาน, ซูซู, สีเผือก, อี๊ด พุตปาธ, ธวัชชัย ชูเหมือน, สุนทรี เวชานนท์, เลอฌอ, สุดสะแนน และลูกทุ่งสันทราย