Skip to main content
sharethis



 


ประชาไท—21 มี.ค.2549 เจิมศักดิ์-นิรันดร์ เดินสายขึ้นเหนือ ระบุทักษิณเหมือนคนใกล้ตายรณรงค์ประชาชนเรียกสติด้วยการตะโกน ตะโกน "ทักษิณตายแน่"


 


ที่ห้องประชุมอินทนิล สำนักบริหารวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลทักษิณ และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ภาคเหนือ ได้ร่วมกันจัดเวทีมหกรรมรณรงค์ปฏิรูปการเมืองรอบสอง ร่วมต้านการผูกขาดประเทศไทย ครั้งที่ 2 โดยมีตัวแทนเครือข่ายชาวบ้านเข้าร่วมรับฟังเกือบ 500 คน


 


นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ สมาชิกวุฒิสภา จ.อุบลราชธานี ได้อภิปรายในหัวข้อเรื่อง "รัฐบาลทักษิณ : ความมั่นคงในการดำรงชีวิต" ว่า ระบอบทักษิณ ถือว่าเป็นระบอบอัตตาธิปไตย คือการเอาตัวเองเป็นใหญ่ นั่นเท่ากับว่า เป็นทรราชตัวใหม่ โดยมีการพยายามเข้าไปทำลายองค์กรตรวจสอบทุกอย่าง เพราะฉะนั้น อย่าเอาประชาธิปไตยมาพูด มาอ้างให้เหม็นขี้ฟันเปล่าๆ


 


"ยกตัวอย่าง กรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑะกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ถูกสมุนทรราชพยายามเสนอคนใหม่เข้าไปนั่งตำแหน่ง และศาลรัฐธรรมนูญก็ขานรับ และมีการพยายามยื้อยุดนานถึง 1 ปี 7 เดือน จนในที่สุดมีหนังสือจากสำนักพระราชวังให้คืนตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินดังเดิม


 


"ทำไมพวกเขาถึงต้องการเอาคุณหญิงจารุวรรณ ออกจากตำแหน่ง ก็เพราะว่า คุณหญิงกุมความลับเกี่ยวกับการทุจริตเอาไว้มากมาย ไม่ว่าการทุจริตเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องต้นกล้ายางพารา หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ดินของคุณหญิงพจมาน เป็นต้น"


 


นพ.นิรันดร์ ยังกล่าวถึงกรณีการที่คนของรัฐบาลทักษิณ เข้าไปแทรกแซง การเข้าไปมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) การเข้าไปครอบงำสื่อ กรณีที่สื่อและคุณสุภิญญา กลางณรงค์ เปิดเผยข้อมูลและกิจการ ของหุ้นชินฯ ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วถูกบริษัมชินคอร์ปฯ ฟ้องหมิ่นประมาท จนในที่สุด ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ซึ่งชี้ชัดเจนเลยว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนจริง และสาธารณชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้


 


"นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเกี่ยวกับนโยบายฆ่าตัดตอน เพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากแผ่นดิน ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้จริง แต่กลับสร้างความแคลงใจ ในขณะที่ 2,500 ศพ ก็ยังไม่ได้รับการชี้แจง รวมไปถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนเป็นกรรมาธิการฯ ลงไปตรวจสอบ พบว่า ปัญหาแท้จริง ก็คือ เจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ซึ่งล้วนเกิดจากนโยบายทักษิณ ที่ใช้นโยบายฆ่ามันๆ จนทำให้ส่งผลไปถึงทนายสมชาย ที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ต้องหา 5 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำร้าย จนเกิดการอุ้มหายไป"


 


นพ.นิรันดร์ กล่าวในตอนท้ายว่า สรุปแล้ว นี่เป็นการพฤติกรรมที่เหลิงอำนาจ และลุแก่อำนาจ มีการคุกคาม มีการละเมิดสิทธิอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลก ที่มีการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีผู้คนทุกชนชั้น แม้กระทั่งเด็กกางเกงขาสั้น ก็ออกมาตะโกนเรียกร้องให้ ทักษิณ ออกไปๆ


 


ในขณะที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพฯ กล่าวว่า เราต้องดูว่า บุคคลอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำมาหากินอะไรบ้าง ก่อนจะเข้ามาสู่ระบบการเมือง ซึ่งเราจะพบได้ว่า บุคคลคนนี้ไม่เคยทำอะไรเลย นอกจากหิ้วกระเป๋าตามนายปรีดา พัฒนถาบุตร ในฐานะนายตำรวจติดตามอดีตรัฐมนตรี แต่มาประสบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อเข้ามาผูกขาดธุรกิจ เข้าสู่ระบบการเมือง โดยอาศัยการวิ่งเต้นมาโดยตลอด ก่อนจะเข้าสู่การเมือง


 


"ทักษิณ สนใจการเมือง ก็เพราะว่าเพื่อต้องการคุ้มครองธุรกิจ โดยมีการตั้งบริษัทไทยรักไทย เพื่อต้องการผูกขาดอำนาจ ก็เพราะว่ามีเป้าหมายเข้ามาเพื่อผูกขาดอำนาจรัฐสภา ผูกขาดสภาสูง หรือวุฒิสภา มีการย้ายข้าราชการเป็นว่าเล่น และมีการใช้เงินซื้อองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบเป็นรายเดือน ในวงเงินเป็นจำนวน 1แสน ถึง 5 แสนบาท ทำไมองค์กรอิสระจึงถูกกลืน ไม่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช.ในที่สุด องค์กรอิสระเดี้ยงหมด ไม่เหลือแล้ว เหลือ ส.ว.พวกเราที่บ้าไม่กี่คน"


 


ดร.เจิมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีแอบตั้งบริษัทแอมเพิลริช อีกว่า ทักษิณ เคยบอกว่า ใครตั้งบริษัทที่เกาะบริติช เวอร์จิน เป็นคนเลี่ยงภาษี และก็เคยพูดว่าเป็นคนไม่รักชาติ เมื่อปี 2545 เขาพูดได้ยังไง ในเมื่อตัวเองไปแอบตั้งบริษัทแอมเพิลริช หนีภาษี ซึ่งตนได้เรียกสรรพากรเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ว่า ก็อ้างฟังไม่ขึ้นว่า แอมเพิลริช ไม่ได้เอาชื่อหุ้นตัวเขาเองมาขาย แต่เอาหุ้นชินฯ มาขาย


 


"ดังนั้น ถึงแม้ว่าผมจะหมดวาระจากการเป็น ส.ว. แต่สิ่งที่ตนทำได้ คือทำให้เรื่องนี้คาเอาไว้ ทิ้งไว้เป็นคดี เมื่อฟ้าเปลี่ยน มีใครหยิบยกขึ้นมา และขอให้ประชาชน ช่วยกันเอาผิดสรรพากร ซึ่งถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต เพราะมันโกหกชาวบ้าน แต่จะมาโกหกการตรวจสอบไม่ได้"


 


นอกจากนั้น ดร.เจิมศักดิ์ ยังได้เปิดเผยข้อมูลกรณี ลูกชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการแอบจับมือกับลูกชายของนายทหารพม่า โดยที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง โดยมีการนำอนุมัติเงินกู้ ซึ่งก็คือเงินงบประมาณแผ่นดินไปให้แก่พม่า รวมไปถึงการแอบขายหุ้นให้แก่กองทุนเทมาเส็ก ของสิงคโปรค์ ซึ่งทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นการทุจริตเชิงนโยบายทั้งสิ้น


 


ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สรุปแล้ว ก็คือ คนอย่างทักษิณนั้นเรียกว่าเลวหลายชั้น หลายบัดซบ โดยใช้สติปัญญา แต่คดโกง ซึ่งเป็นคนเก่ง ขยัน และโกง เท่ากับว่าเลวร้ายที่สุด เพราะฉะนั้น ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นโมฆะบุรุษ ไม่สามารถที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปได้


 


"อาจารย์หมอประเวศ วะสี ได้เคยพูดถึงภาวะของคนใกล้ตาย ซึ่งน่าสนใจ คุณทักษิณก็กำลังใกล้ตาย ดังนั้น ที่พี่น้องร่วมชุมนุมกันตะโกนบอกว่า ทักษิณ ออกไปๆ นั้น ตนว่าน่าจะเปลี่ยนเป็น ทักษิณตายแน่ๆ เพื่อต้องการให้เขาได้คืนสติโดยเร็ว"


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net