Skip to main content
sharethis


ประชาไท - 21 มี.ค.49      สำนักข่าวเนชั่นรายงานว่า คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความมุสลิมที่หายตัวไป ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา เพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ดำเนินคดีปกครองแทนผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย


 


ในจดหมายร้องเรียนนั้น นางอังคณาระบุว่า      "ไม่สามารถที่จะไปพึ่งพาอาศัยองค์กรใดในการเยี่ยวยาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้อีกแล้ว จึงขอพึงอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งรัฐสภา ส่งเรื่องนี้ให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นการละเลยต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับบัญชา"


 


โดยผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งรัฐสภา จะสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 197(1) (ก)(ข) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือการปฏิบัติหรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ส่งเรื่องนี้ให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นการละเลยต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ชอบตามมาตรา 61 มาตรา 70 และมาตรา 75 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 99 วรรคสี่และวรรคเจ็ด แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535


 


พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนในการอุ้มหายนายสมชายเหล่านั้น แม้บางคนจะไม่ถูกลงโทษทางอาญาตามคำพิพากษา แต่พฤติการณ์ของคนเหล่านั้นถือว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้บังคับบัญชาจะต้องมีหน้าที่ดำเนินการทางวินัยบุคคลเหล่านั้นทันที


         


อีกทั้งขณะนี้มีความพยายามในการตามหา นายสมชาย โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แต่ถ้าการทำงานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของตำรวจด้วยความจริงใจแล้ว คงเป็นการยากที่จะค้นหาความจริงเรื่องนี้ และถ้าตำรวจถูกกล่าวหาหรือตำรวจผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ยังเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่และทั่วราชอาณาจักรก็อาจสามารถในอำนาจหน้าที่ในการทำลายหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ได้


 


หลังจากยื่นจดหมายถึงผู้ตรวจการรัฐสภาแล้วนั้น ในวันเดียวกัน นางอังคณา นีละไพจิตรจะเดินทางไปราชบุรีเพื่อสังเกตการณ์ในการค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายสมชาย


         


ขณะที่กระแสหุ้นออนไลน์ระบุว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรายงานความคืบหน้ากรณีคดีการหายตัวของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความมุสลิม ว่า มีการรายงานให้ที่ประชุมครม.รับทราบ โดยเป็นรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ วุฒิสมาชิก ที่รายงานเข้ามาว่าจากที่เขาไปศึกษามาเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อถามว่า ผลการลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงของดีเอสไอมีการนำมาประมวลหรือไม่นั้นพล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่าไม่มี


 


ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมครม.มีการรายงานการพิจารณาศึกษากรณีการหายตัวของนายสมชาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านทางพล.ต.อ.ชิดชัย  ซึ่งเป็นการรายงานความคืบหน้าที่ทำอย่างปกติทุกเดือนๆละครั้ง ดังนั้นตนจึงไม่ได้สนใจเพราะเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรคืบหน้า


 


ขณะที่การค้นหาหลักฐานในแม่น้ำแม่กลองที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนนั้น พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ โฆษก กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ กล่าวว่า แผนการค้นหาพยานหลักฐานถังน้ำมัน 200 ลิตร ในแม่น้ำแม่กลอง พื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นั้น นักโบราณคดีของกรมศิลปากร และ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะเริ่มค้นหาอีกครั้งในเช้าวันพุธที่ 22 มี.ค. นี้ เริ่มจากสะพานหน้าวัดบ้านโป่งไปถึงท่าน้ำศาลเจ้าแม่เบิกไพร ขณะนี้ได้ประสานกับกองทัพเรือ ขอสนับสนุนเครื่องสแกนโซน่าของ เรือตรวจทุ่นระเบิด ร่วมค้นหาด้วย เพราะเครื่องดังกล่าวสามารถจับภาพวัตถุใต้น้ำได้อย่างละเอียด


         

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net