Skip to main content
sharethis

ภาคใต้—20 ก.ค. 2549 ผบ.ทบ. จับเข่าคุยผู้นำศาสนา วอนขอความร่วมมือดับไฟใต้ หวั่นสงครามตะวันออกกลาง ส่งผลสะเทือนชายแดนใต้ "มะกัน" ดึงผู้นำมุสลิมไทยในสหรัฐ เชื่อมสัมพันธ์คนชายแดนใต้ "สถานทูตกัมพูชา" บุกปักษ์ใต้หาข้อมูล 300 ศพนิรนาม 3 จังหวัดชายแดน


 


"สนธิ" ประชุมลับ"ผู้นำศาสนา"


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 กรกฎาคม 2549 ที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประชุมร่วมกับผู้นำศาสนา ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ โดยพล.อ.สนธิได้ขอความร่วมมือจากผู้นำศาสนา เจ้าของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่


 


หวั่นสงครามตะวันออกกลางกระทบไทย


พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า จะเน้นการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี คือ ทำความเข้าใจ จนเกิดการยอมรับจากทั้งสองฝ่าย ปัจจัยหลักของการทำงาน จะต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชน ส่วนกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สั่งปิดโรงเรียนตาดีกาบางแห่งนั้น การแก้ไขปัญหาโรงเรียนตาดีกามีหลายวิธี ขณะนี้กำลังพิจารณาว่า วิธีการใดดีที่สุด


 


พล.อ.สนธิ เปิดเผยว่า กองทัพบกได้ให้ข้อสังเกตกับกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เพิ่มความระมัดระวังสถานการณ์จากภายนอก โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง เพราะอาจจะเป็นปัจจัยส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยได้ โดยให้เตรียมกำลังและเตรียมการแก้ไขปัญหาไว้ด้วย


 


มะกันดึงมุสลิมไทยในสหรัฐฯเชื่อมชายแดนใต้


นายสุภาพงศ์ ระรวยสงค์ เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 19 - 21 กรกฎาคม 2549 สถานทูตได้เชิญอิหม่ามราห์มัต พี. พยะกุล ชาวไทยในสหรัฐอเมริกา มาพบปะกับผู้นำศาสนาและชาวไทยมุสลิมจังหวัดไทยแดนภาคใต้ เริ่มจากจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดสงขลา ตามลำดับ


สำหรับอิหม่าม ราห์มัต พี. พยะกุล เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นอิหม่ามประจำมัสยิด อัล - ฟาติฮา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2541 เป็นมัสยิดของคนไทยเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศ


 


สถานทูตกัมพูชาตรวจศพนิรนามปัตตานี


เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน นายสิน ซาริน ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ เลิศยโส ได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพื่อหารือเกี่ยวกับนักโทษและแรงงานกัมพูชา ที่พำนักอยู่ในจังหวัดยะลา มีนายอาซิส เบ็ญหาวัณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาให้การต้อนรับ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง


 


นายสิน เปิดเผยว่า การลงมาภาคใต้ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากข่าวพบศพนิรนามจำนวนมาก ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งบางส่วนอาจจะเป็นแรงงานชาวกัมพูชา จึงลงมาดูข้อเท็จจริง และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักโทษและพบปะแรงงานกัมพูชา เพื่อตรวจสอบว่า มีผู้สูญหาย หรือเสียชีวิตบ้างหรือไม่ เนื่องจากมีชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กันมาก


 


เตรียมรวบอาร์เคเค


รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จังหวัดยะลาแจ้งว่า จากการสอบสวนคดีลอบวางระเบิด และยิงอาสาสมัครรักษาดินแดน - ทหาร ชุดคุ้มครองครูเสียชีวิต 5 นาย ที่อำเภอรามัน จังหวัดยะลา


 


ปรากฏว่า นายซูลกิฟลี บ่อทอง หนึ่งในผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เข้าร่วมขบวนการ เมื่อปี 2545 เป็นหัวหน้ากลุ่มผลิตระเบิด เนื่องจากมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจบจากวิทยาลัยเทคนิคในจังหวัดยะลา พร้อมกับซัดทอดว่า กลุ่มอาร์เคเคที่รับผิดชอบในอำเภอรามัน มี 2 กลุ่ม ได้ก่อเหตุในจังหวัดยะลาหลายครั้ง แยกเป็น กลุ่มนายซอฟวัน ลูกของอิหม่าม ในตำบลเนินงาม อำเภอรามัน และกลุ่มนายรอฮิง ดาอีซอ กลุ่มนี้เป็นผู้ยิงนายมานะ มะละโซ๊ะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน เสียชีวิต


 


สำหรับผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดและยิงถล่มชุดคุ้มครองครูเสียชีวิต 5 ศพ นายซูลกิฟลีระบุว่า เป็นกลุ่มนายซอฟวันและนายรอฮิง มีกำลัง 10 - 15 คน ทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการออกหมายจับ


 


ถล่มพ่อค้าเร่ดับ2ศพ


เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ชายไทยพุทธไม่ทราบชื่อ 2 คน อายุประมาณ 30 - 35 ปี นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดสีขาว รองเท้าแตะ ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เร่ขายบานหน้าต่างมาตามหมู่บ้านต่างๆ มาตามถนนภายในหมู่บ้าน สายบาเจาะ - เขื่อนบางลาง บ้านบางลาง หมู่ที่ 3 ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นชุมชนริมถนนหน้ามัสยิด ได้หยุดรถนำบานหน้าต่างลงมาให้ชาวบ้านดู


 


ขณะนั้น มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มาจอด คนซ้อนท้ายเดินลงจากรถเข้ามาทางด้านหลังในระยะประชิด แล้วใช้อาวุธปืนชนิดลูกโม่ไม่ทราบขนาด จ่อยิงศีรษะคนทั้งสองล้มลง จากนั้นคนร้ายได้ขับรถยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปทางเขื่อนบางลาง จากการตรวจสอบในกระเป๋ากางเกง ไม่พบหลักฐานว่า ผู้ตายเป็นใครมาจากไหน สำหรับศพผู้ตาย ขณะนี้เก็บอยู่ที่โรงพยาบาลบันนังสตา จังหวัดยะลา


 


ยิงอีก2พ่อค้าดับ1เจ็บ1


เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ขณะที่นายถาวร กาญแก้ว อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 5 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา กำลังขายของชำอยู่ที่ตลาดนัดหมู่ 6 ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดทำทีเข้าไปซื้อของใช้ จากนั้นได้ชักอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด จ่อยิงนายถาวร 2 นัด กระสุนถูกลำตัวไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี


 


ต่อมา เวลา 13.10 น. วันเดียวกัน ขณะที่นายอนุชา สวาสดิพันธ์ อายุ 29 ปี อาชีพขายไม้กวาด อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 9 ตำบลโนนถุง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เข็นรถขายไม้กวาดอยู่ริมถนนสายปัตตานี - ยะลา หมู่ 7 ตำบลปูยุด อำเภอเมืองปัตตานี มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มาจอดเทียบ แล้วใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มิลลิเมตร ยิงใส่นายอนุชา 2 นัด กระสุนถูกหลังและข้อเท้า อาการสาหัส ผู้ประสบเหตุนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี


 


ระเบิดเชิงสะพาน จ.ปัตตานี


เมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดบริเวณเชิงสะพาน หมู่ที่ 6 ตำบลปุโละปุโย ริมถนนสายบ่อทอง - ยาบี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


 


ยิง2พ่อ-ลูกสาหัส


เมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 ขณะที่นายมะซอดี มะซะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/2 หมู่ 5 บ้านลำไม ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมด.ช.ฮัสซัน มะซะ อายุ 4 ขวบบุตรชาย ขับรถจักรยานยนต์ กลับจากดื่มน้ำชาภายในหมู่บ้าน เพื่อกลับบ้านพัก มาตามถนนสายกำปงบารู - บ้านลำไม


 


เมื่อมาถึงหมู่ 5 ตำบลบองอ อำเภอระแงะ มีคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตามประกบ จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายชักอาวุธปืนพกสั้นจ่อยิงระยะเผาขน กระสุนเข้าที่บริเวณไหล่ซ้ายทะลุหน้าอกนายมะซอดี 1 นัด ส่วนด.ช.ฮัสซัน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่บริเวณหน้าผาก 1 นัด อาการสาหัสทั้งคู่ ผู้ประสบเหตุนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ในเวลาต่อมา


 


ปัตตานีเปิดโครงการครอบครัวอุปถัมภ์


วันเดียวกัน นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดปัตตานี ได้ตั้ง "โครงการสร้างห่วงใจ คลายห่วงใย" ระหว่างครอบครัวอุปถัมภ์ผู้มีฐานะ กับครอบครัวผู้ประสบเหตุจากความไม่สงบจนเสียชีวิตในจังหวัดปัตตานี


 


ล่าสุด มีผู้แสดงความจำนงเป็นผู้อุปถัมภ์แล้ว 31 ครอบครัว เป็นไทย - พุทธ 22 ครอบครัว ไทย - มุสลิม 9 ครอบครัว ทางจังหวัดจะจับคู่ให้อุปถัมภ์ครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ขาดผู้นำไม่มีความไม่มั่นคงในอนาคต สำหรับกรอบการอุปถัมภ์ช่วยเหลือดูแลเบื้องต้น แก่ครอบครัวผู้ประสบเหตุ ครั้งแรกครอบครัวอุปถัมภ์จะช่วยเหลือด้านการเงิน 3,000 - 5,000 บาท จากนั้น จะดูแลด้านอื่นๆ ตามความเหมาะสม โดยไม่กำหนดระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ ขึ้นอยู่กับความต้องการ ความผูกพัน ความสามารถของผู้ให้การอุปถัมภ์


 


"โครงการครอบครัวอุปถัมภ์ระหว่างชาวปัตตานีด้วยกันเอง นอกจากเป็นการช่วยเหลือด้านทรัพย์สิน การศึกษาแล้ว ยังได้ความรู้สึกที่ดีระหว่างกันด้วย ที่สำคัญครอบครัวอุปถัมภ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดปัตตานี จะได้มีโอกาสดูแลครอบครัวไทย - มุสลิม ที่มีความเป็นอยู่ยากลำบากจากเหตุความไม่สงบด้วย" นายภาณุ กล่าว


 


ครูจูหลิงอาการไม่ดีขึ้น


เวลา 09.30 น. วันเดียวกัน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา ได้ออกแถลงการณ์ระบุอาการของครูจูหลิง ปงกันมูลว่า ยังไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองของสมอง และก้านสมอง ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง สัญญาณชีพคงที่ ความดันโลหิตปกติ ชีพจรปกติ ไม่มีไข้ หายใจด้วยตนเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจควบคุมการหายใจ ไม่พบความผิดปกติของการแลกเปลี่ยนก๊าซ รับอาหารทางสายยางได้เป็นปกติ ระบบการขับถ่ายปกติ ระดับเกลือแร่ในร่างกายปกติ โรงพยาบาลได้ให้ยาป้องกันลิ่มเลือดที่ขา เคาะปอดเพื่อระบายเสมหะ และลดการอุดตันของปอด รวมถึงเพิ่มปริมาณการให้น้ำทางสายยางให้อาหารด้วย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net