เสวนาหัวข้อ ข้อเสนอแนะต่อการปฏิรูปตำรวจ อภิปรายโดย (1) เรืองรวี พิชัยกุล ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (2) พ.ต.ท.พร แก้วช้าง รองนายกสมาคมพนักงานสอบสวน (3) เอกชัย ไชยนุวัติ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม (4) ร.ต.อ. ดร. สุธรรม เชื้อประกอบกิจ ดำเนินรายการโดย ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด มหาวิทยาลัยมหิดล
โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเสวนา เรื่อง ปฏิรูปตำรวจ – เสียงคนนอกและคนในองค์กร พุธที่ 18 ตุลาคม 2560 ห้องกมลทิพย์ 1 โรงแรม เดอะ สุโกศล ถ. ศรีอยุธยา จัดโดย (1) หลักสูตรดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาอาชญาวิทยา การบริหารงานยุติธรรมและสังคม ภาควิชาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (2) กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุนโดย มูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท (FES)
ที่มาของภาพปก: ตำรวจเมืองท่าบ่อ ฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุปล้นธนาคาร 21 มี.ค. 2556/ข่าวออนไลน์หนองคาย
ร.ต.อ.ดร.สุธรรม กล่าวตอนหนึ่งว่า ตำรวจสายตรวจ และสายสืบ นั้นเป็น 2 กลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ดังนั้นเงินทุนวิจัยต่างๆ ควรทุ่มไปที่ส่วนนี้ 2 อย่างน้อยควรทำให้ ตำรวจเหล่านี้เป็นมืออาชีพ ที่หมายถึงการทำงานเต็มศักยภาพและทำโดยไม่หยุดเรียนรู้ รวมทั้งมีความสามารถในการสื่อสารกับผู้มาแจ้งความ ประชาชน ได้ อีกทั้งทำงานอย่างยุติธรรมและเคารพกฎกติกา ในส่วนของการปฏิรูปเรื่องการบริหารบุคคลนั้น ต้องยึดหลักการแต่งตั้งต้องใช้ระบบคุณธรรม
เอกชัย กล่าต่อว่า มุมมองของผู้ศึกษา นิติศาสตร์ อาชีพ ตำรวจ คือ ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม สังคม ประชาธิปไตย ต้องยึดหลัก นิติรัฐ ซึ่งไม่ใช่นิติธรรม เช่นเดียวกัน และมีความสำคัญเท่ากัน นิติรัฐ หรือ Legal State คือการปกครองโดยกฎหมาย ที่มาจากความยินยอมพร้อมใจของผู้ถูกปกครองผ่านตัวแทน ฝ่าย นิติบัญญัติที่มาจาก การเลือกและตั้งของประชาชน และ กฎหมายนั้นต้องมีจุดมุ่งหมายไปสู่ความยุติธรรม กล่าวคือ ไม่ใช่ รัฐเผด็จการที่ใช้กฎหมาย กดขี่ ราษฎร แต่ เป็น กฎหมาย ที่เป็นเกาะภูมิคุ้มกัน ของราษฎรต่อการใช้อำนาจรัฐ เพราะ เจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งตำรวจ ที่ใช้อำนาจรัฐต่างก็เป็น มนุษย์ ที่มีอคติเป็นเรื่องสามัญ จึงต้องมี กฎหมายมาเพื่อปกป้อง 1. การทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐ และ 2. ปกป้อง สิทธิและเสรีภาพของ ประชาชน
เอกชัย กล่าวว่า ตำรวจต้อง มีความเป็นอิสระในการทำงาน สืบสวนสอบสวน สั่งฟ้อง บังคับใช้กฎหมาย ไม่ตกอยู่ภายใต้ความครอบงำขององค์กร หรือ บุคคลหนึ่งใด หลักอิสระของ องค์การ ยุติธรรมอื่นๆ เช่น อัยการ และ ศาล ก็ต้องนำมาปรับใช้กับตำรวจด้วย ไม่ต้องใช้หลัก “นายขอ” หรือ “นายสั่ง” แต่ สิ่งที่ตำรวจต้องยึดถือ คือ ต้องตอบสนองต่อประชาชน/ราษฎร ได้ ต้องไม่อิสระจาก เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ที่เรียกว่า ราษฎรทั้งหลาย กล่าวคือ ต้องมีคำอธิบายภายใต้เหตุผลทางกฎหมาย ว่า การกระทำที่เหมือนกัน ในเวลาที่เหมือนกัน และต่างกัน ทำไมจึงใช้อำนาจรัฐที่ตำรวจได้รับมา ต่างกัน ประชาชนจะเป็นที่พึ่งของตำรวจได้ เมื่อประชาชน เชื่อมั่น เชื่อใจในตำรวจ ไม่มีสังคมไหนที่จะมี อัตรา ตำรวจต่อ ราษฎร 1 ต่อ 1 ดังนั้น ตำรวจต้องพึ่งประชาชน เมื่อ ราษฎร เห็นสิ่งใด จึงไปปรึกษาตำรวจ ไปให้ข้อมูลตำรวจ เพื่อให้ตำรวจทำงานได้ และทำงานได้ดี คือ ชอบด้วยกฎหมาย
"ผมรักตำรวจเพราะตำรวจก็คือประชาชน ที่มีอาชีพ มีเงินเดือนที่มาจาก ภาษีของประชาชน ผมจึงอยากให้ตำรวจทำงานด้วยหลักประกันว่า ถ้าตนเองยึดถือการทำงานตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเป็นหลัก ทำงานด้วยระบบที่คุ้มครอง เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ชื่อ ตำรวจ คุ้มครองว่า ถ้ายึดหลักการ ยึดกฎหมาย ที่จำกัดอำนาจรัฐเท่าที่กฎหมายให้อำนาจ และ ปกป้อง สิทธิและเสรีภาพของ เจ้าของอำนาจรัฐ คือ ประชาชน แล้ว ท่านทั้งหลายต้องไม่ต้องหวั่นกลัวเกรงต่อ บุคคลๆใด มาบิดเบือนหน้าที่ของท่าน อัยการ ศาล และ ประชาชน ต้องปกป้องท่าน ขอให้ท่านยึดกฎหมาย ที่มุ่งหมายเพื่อ ความยุติธรรมของสังคมได้ นั่นคือ การปฏิรูปตำรวจอย่างแท้จริง" เอกชัย กล่าว พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่า ตนฝากระลึกถึง นายตำรวจ 3 ท่าน คือ 1. พ.ต.ต. เพียรชัย ภารวัตร เสียชีวิตที่ผ่านฟ้า 2. ร.ต.ต.ศราวุฒิ ชัยปัญหา เสียชีวิตที่สี่แยกผ่านฟ้า 3. พล.ต.ต. ณรงค์ ปิติสิทธิ เสียชีวิต ที่สนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทั้ง 3 ท่านนี้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำตามกฎหมาย และอีกท่านคือ ร.ต.ท. ธีรเดช เล็กภู่ หรือ sidekick police ภาค2 สภ.แสนสุข ซึ่งยังไม่ตาย ผมไม่ลืมตำรวจ ตำรวจอย่าลืมตำรวจ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)