Skip to main content
sharethis

พีเพิ่ล เดลี่/เอเอฟพี - จากกรณีสภาหมู่บ้านแห่งหนึ่งในปากีสถานสั่งให้มุคตรัน มัยรับโทษแทนน้องชายชายวัย 12 ที่ถูกกล่าวหาไปสัมพันธ์กับหญิงสูงศักดิ์ โดยการให้ผู้ชายในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งไปรุมข่มขืน ที่ได้ส่งผลสะเทือนและสร้างความเสื่อมเสียให้กับปากีสถานในระดับนานาชาติในความโหดร้ายที่เกิดกับผู้หญิง การไร้ความเป็นธรรมและการละเมิดสิทธิ์สตรีอย่างร้ายแรง แม้ศาลชั้นต้นได้สั่งตัดสินประหารชีวิตผู้ร่วมก่อคดีในตอนแรก แต่ศาลอุทธรณ์ก็ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นออกไปอีก ล่าสุดศาลฎีกาในอิสลามาบัดได้ออกมาพิพากษาอีกครั้งให้จับคนเหล่านั้นกลับมาลงโทษอีกครั้งแล้ว

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในหมู่บ้านเมียร์วาลา ในแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2545 มุคตรัน มัย ปัจจุบันอายุ 33 ปี ซึ่งเป็นครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้ถูกคำสั่งของสภาหมู่บ้านให้ไปรับโทษแทนน้อยชายวัย 12 ที่ถูกกล่าวหาว่าไปมีสัมพันธ์กับหญิงที่สูงศักดิ์และร่ำรวยกว่าและเป็นลูกของผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง โดยให้ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้าไปข่มขืนเธอเป็นการลงโทษ ทั้งนี้คนในครอบครัวของมัย กล่าวว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้เป็นการสร้างเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องน้องชายของเธอไปเห็นการคุกคามทางเพศเด็กชายโดยผู้ชายจำนวนหนึ่ง

เนื่องจากมัยได้กล้าเผชิญหน้ากับสาธารณะจึงได้ดึงดูดความสนใจให้สื่อนานาชาติได้กระจายข่าวเรื่องอาชญากรรมในผู้หญิงในประเทศปากีสถาน ดังนั้นในการขึ้นศาลครั้งแรกของเธอนั้น ศาลชั้นต้นได้ตัดสินประหารชีวิตผู้ชาย 6 คนที่มีส่วนร่วมในการข่มขืนมัยและปล่อยตัวไป 8 คน

กระนั้นต่อมาทางศาลอุทธรณ์ ที่ลาฮอร์ ก็ได้ตัดสินเป็นตรงกันข้ามโดยปล่อยตัวชาย 5 คนออกมาโดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นลดโทษเหลือเป็นจำคุกตลอดชีวิต

การปล่อยตัวคนเหล่านั้นออกมาสร้างความหวาดกลัวให้แก่มัยว่าจะถูกคนเหล่านั้นกลับมาแก้แค้นอีก มัยจึงได้ยื่นขอฎีกาเมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ ทั้งนี้โดยมีกลุ่มที่ทำงานด้านสิทธิสตรีกว่า 3,000 คนได้ออกมาเดินขบวนสนับสนุนเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับเธอ

นายกรัฐมนตรี ชัวกัต อาซิซ ได้สั่งให้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 13 คนเอาไว้ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบสังคมเมื่อได้รับการร้องเรียนเรื่องความหวาดกลัวของมัย ทว่า ทางศาลอุทธรณ์ของลาฮอร์ ก็ได้สั่งปล่อยตัวออกมาอีกครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว

จนในที่สุดเมื่อวานนี้ ( 28 มิย.) ศาลฏีกาที่กรุงอิสลามาบัดก็ได้พิพากษาตัดสินให้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นให้กลับมารับโทษอีกครั้ง โดยออกคำสั่งให้ตำรวจสืบสวนกลางในแคว้นปัญจาบจับกุมและส่งคนเหล่านั้นอยู่ภายใต้การดูแลของศาล

ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฏีกา อิฟทิคาร์ เชาธรี กล่าวว่า ศาลได้สั่งระงับคำสั่งปล่อยตัวก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้มีเสียงคัดค้านอย่างมากออกมาอย่างมากมายจากชาวโลก และยังกล่าวว่า จะรับฟังการอุทธรณ์จากทั้งมัยและผู้ต้องสงสัยอีกครั้งหนึ่ง

" ไม่มีการให้ประกันตัวแก่คนเหล่านี้" เขากล่าวในศาล " เขาจะต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงนักโทษที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี"

ทางด้านอิทซาซ อาฮ์ซาน ทนายความของมัย นั้นมั่นใจว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน รวมทั้งสมาชิกสภาหมู่บ้านจะต้องถูกจับมาได้แน่

"นี่ไม่ใช่คดีข่มขืนธรรมดา แต่เป็นการก่อการร้าย เพราะว่าพวกนี้จะสร้างความสยองขวัญและสะพรึงกลัวให้เกิดกับชุมชน" อิทซาซกล่าว

มัยกล่าวว่า "ดีใจมาก และรู้สึกพอใจมากกับการตัดสินที่ออกเช่นนี้"

ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกรัฐบาลโดยเพอเวซ มูชาราฟ ประธานาธิบดี สั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศเมื่อเธอต้องการจะเดินทางไปที่อเมริกา เนื่องจากหวั่นเกรงว่า เรื่องของเธอจะแพร่ขยายออกไปมากขึ้นและจะทำให้ปากีสถานเสื่อมเสียชื่อเสียงมากขึ้น แต่ในที่สุดทางปากีสถานก็ยอมยกเลิกคำสั่งนั้นเมื่อสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รู้สึกหมดหวังกับปากีสถานและ คอนโดลิซ่า ไรซ์ ก็ได้ขอร้องกับรัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานเป็นการส่วนตัว ในที่สุดมัยก็ได้หนังสือเดินทางที่ถูกรัฐบาลยึดไว้กลับคืนมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ( 27มิ.ย.)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net