Skip to main content
sharethis

 



 


วันที่ 10 สิงหาคม 2548 "พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คนสำคัญ ที่กำลังลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ กำลังจะเข้ามอบตัวต่อรัฐบาล


ถึงแม้ "พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" จะไม่บอกว่า ผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดนผู้นั้นเป็นใคร


ทว่า คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว สอดรับอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวของ "ดร.วัน กาเดร์ เจ๊ะมัน" ผู้นำเครือข่ายเบอร์ซาตู ที่ทำหน้าที่เรียกร้องเอกราชให้กับมลายูมุสลิมในปัตตานีเป็นเวลาหลายปี ซึ่งขณะนี้พำนักอยู่ในสวีเดน ที่ได้ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำของเบอร์ซาตู และต้องการจะหวนคืนกลับสู่บ้านเกิดอีกหน


"ฟารีส เอ นัวร์" ได้สัมภาษณ์ "ดร.วัน กาเดร์ เจ๊ะมัน" เกี่ยวกับเหตุการณ์อันเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ในขณะนี้ รวมทั้งตัวแปรต่างๆ ที่ส่งผลให้นักเคลื่อนไหวรายนี้ยุติบทบาท ในฐานะประธานเบอร์ซาตู


ต่อไปนี้ เป็นคำให้สัมภาษณ์ชิ้นดังกล่าว ที่แปลคำต่อคำจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ ที่นำออกมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ "Brand new malaysian" เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมา


 


ทำไมคุณจึงตัดสินใจยุติบทบาทในฐานะผู้นำขบวนการเบอร์ซาตูลงไปในขณะนี้


คำตอบนั้นง่ายมาก ทุกวันนี้ผมแก่แล้ว และผู้นำรุ่นราวคราวเดียวกับผมหลายต่อหลายคน ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในจังหวัดภาคใต้ของไทยในขณะนี้อีกต่อไป


ในช่วงที่ผมยังมีฐานะเป็นผู้นำของเบอร์ซาตูนั้น องค์กรของเราไม่เคยใช้ความรุนแรง และยิ่งไปกว่านั้น เราไม่เคยสนับสนุนยุทธวิธีที่มีลักษณะรุนแรงทุกชนิด ไม่ว่าความรุนแรงนั้น จะมีเป้าหมายอยู่ที่รัฐบาล หรือประชาชนไทยก็ตาม


อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้หลายครั้ง เราต่อสู้เพื่อให้เกิดการยอมรับซึ่งสิทธิของเราในด้านต่างๆ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ รวมทั้งการเคารพตัวเอง เป้าหมายของการต่อสู้รวมศูนย์อยู่ที่เรื่องเหล่านี้ เราไม่เคยเป็นศัตรูของรัฐไทย สิ่งเดียวที่เราต้องการ ก็คือ การตระหนักและยอมรับในสิทธิด้านต่างๆ ของเรา และความปรารถนาจะให้เราได้รับความยอมรับนับถือ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราเป็นศัตรูของคนไทยด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเลย


ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในปัตตานีทุกวันนี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ ซ้ำยังเป็นเรื่องที่เราไม่เคยเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนในทางหนึ่งทางใด ผมปรารถนาจะให้การต่อสู้ และการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์แบบนี้จบสิ้นลง และผมก็หวังว่าการลาออกของผมในขณะนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้นำรุ่นใหม่หยุดยั้งความรุนแรงที่นั่นลงไปด้วย โดยเฉพาะผู้นำรายที่สามารถมีบทบาทแข็งขันกว่าผม เพราะจำเป็นต้องมีการนำแบบใหม่ ที่สามารถเข้าถึงคนมลายูมุสลิมรุ่นใหม่ในปัตตานี เนื่องจากคนเหล่านี้เติบโตขึ้น ท่ามกลางความรู้สึกแปลกแยก และสับสนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


           


การลาออกของคุณจะทำให้เบอร์ซาตูได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง


เบอร์ซาตู คือ เครือข่าย ฉะนั้น มันจึงขึ้นอยู่กับกลุ่มต่างๆ ว่า จะตัดสินใจเลือกเส้นทางไหนต่อไป แท้จริงแล้วผมเป็นเพียงผู้นำของกลุ่มหนึ่งในกลุ่มต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเบอร์ซาตูทั้งหมด จึงไม่สามารถพูดในนามของผู้นำกลุ่มอื่นๆ ได้ อย่างไรก็ดี แม้ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่ก็เห็นว่ามีอนาคตที่เป็นไปได้อยู่สองชนิด ชนิดแรก คือ เบอร์ซาตูล่มสลายลงไปอย่างเต็มรูป และชนิดที่สอง คือ การก่อรูปแปลงร่างขึ้นใหม่ ภายใต้รูปโฉมที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งภายใต้สมญาที่ผิดไปจากเดิม


ผมหวังว่าเบอร์ซาตูจะไม่ล่มสลายลงไป เพราะสถานการณ์ในภาคใต้ของไทยนั้น จำเป็นต้องมีตัวกลางและกระบอกเสียง หากเบอร์ซาตูหมดบทบาทลงไป นั่นหมายความว่า จะไม่มีใครเป็นปากเสียงให้กับกลุ่มมาเลย์ทั้งหมด รวมทั้งไม่มีใครให้รัฐบาลไทยได้เจรจาต่อไป เบอร์ซาตูจึงจำเป็นต้องมีอยู่ต่อไป ด้วยเหตุผลง่ายๆ ข้อนี้ เพราะการเจรจา คือ วิถีทางที่ดีที่สุดที่จะทุเลาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแถบภาคใต้ ถึงขั้นที่เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในปัจจุบัน


ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า เบอร์ซาตูจะดำรงอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะในทางใดทางหนึ่ง คุณคงจะเห็นว่าคำว่า "เบอร์ซาตู" เป็นเสมือนคำศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา เบอร์ซาตูหมายถึงเอกภาพ ส่วนความหมายโดยนัยของคำนี้ คือ การยืนยันถึงความจำเป็นที่ผู้คนในภูมิภาค ต้องหลอมรวมกันและมีเอกภาพบนวิถีทางบางอย่างร่วมกัน


ดังนั้น ถึงแม้ขบวนการในปัจจุบันจะยุติบทบาทลงไป แต่ก็อาจเกิดขบวนการที่มีชื่อเรียกขานใหม่ๆ โดยมีแบบแผนคล้ายคลึงกับเบอร์ซาตูในปัจจุบันขึ้นมาได้อีก เหตุผล ก็คือ ผู้คนในแถบทางใต้ ตระหนักถึงความจำเป็นว่า ปัญหาทั้งหมดนี้ จะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อเกิดวิถีทางและข้อสรุป ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ รวมทั้งการทำงานร่วมของคนทุกฝ่าย ซึ่งนั่นก็รวมถึงรัฐบาลด้วยเช่นกัน


 


คุณคิดว่าการตัดสินใจลาออกของคุณจะทำให้เกิดอะไรตามมาบ้าง มันจะช่วยให้สถานการณ์ในปัตตานีดีขึ้นตรงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่า ไม่มีภาวะการนำที่มองเห็นได้ในขณะนี้ รวมทั้งไม่มีโฆษกทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง ในระดับที่น่าเชื่อถือได้ในหมู่มลายูปัตตานีด้วยกัน


ผมหวังว่าการลาออกของผมจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เราทั้งหมดต้องทำงานร่วมกันเพื่อยุติการต่อสู้และการเข่นฆ่า เพราะท้ายที่สุดชุมชนของทุกฝ่ายล้วนเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้าย และยืดเยื้อยาวนานจากสถานการณ์แบบนี้


ขณะนี้ เราจำเป็นต้องมีผู้นำรายใหม่ๆ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นปากเสียงของคนเชื้อสายมลายูในแถบภาคใต้ของไทย รวมทั้งปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเหล่านี้ เราจำเป็นต้องรื้อฟื้นการเจรจาขึ้นมา และอย่างที่ผมเคยกล่าวไว้หลายต่อหลายหนแล้วว่า เราจำเป็นต้องรักษาการเจรจาเอาไว้ให้ได้


เบอร์ซาตูถือกำเนิดขึ้นมาในอดีต พร้อมกับแนวทางสำคัญสองอย่าง


อย่างแรก คือ การสร้างเวทีให้กลุ่มคนเชื้อสายมลายูในปัตตานีรวมตัวกัน และบรรลุความเห็นพ้องต้องกันในระดับนโยบาย


อย่างที่สอง คือ สร้างช่องทางในการสื่อสารกับรัฐบาลในกรุงเทพมหานคร


ดังนั้น ผมจึงหวังว่าแม้ผมจะลาออกไป ก็จะบังเกิดความพยายามระลอกใหม่ ในอันที่จะรื้อฟื้นการเจรจากับคนเชื้อสายมลายูในภาคใต้ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไข โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


คนรุ่นหลังลงไปกำลังอยู่สภาวะสับสน พวกเขาต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ผมเชื่อว่าความสับสนเหล่านี้ คือ สาเหตุให้กลุ่มหัวรุนแรงหลายกลุ่ม หันไปสู่การก่อความรุนแรง คนกลุ่มนี้ใช้วิธีการอะไรก็ได้ ที่พวกเขาทำได้ในขณะนั้นๆ


จึงไม่จริงเลยที่ใครจะบอกว่า ปอเนาะ คือ สถานฝึกฝนของกลุ่มนิยมความรุนแรง คนพวกนี้ฝึกได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องทำอยู่แค่ในโรงเรียนสอนศาสนา แต่สถานการณ์ที่กำลังพัฒนาขึ้นในขณะนี้ ได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกฝ่ายถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรง ไม่เว้นแม้แต่ครูและนักเรียนของปอเนาะ ข้อกล่าวหานี้เป็นเรื่องเท็จและปราศจากความยุติธรรม และการเจรจาถกเถียงอย่างเปิดเผย และเหมาะสมจะทำให้ปัญหาเหล่านี้กระจ่างขึ้นมาได้ ผมจึงกล่าวย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า จำเป็นต้องมีการพิจารณาปัญหาในภูมิภาคนี้อย่างเป็นกลาง มีเหตุมีผล และไม่เอนเอียงไปทางหนึ่งทางใด


 


คุณคิดว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ จะช่วยทุเลาสถานการณ์ในจังหวัดภาคใต้ได้หรือไม่ และตัวคุณเองจะมีบทบาทต่อไปอย่างไร


ในฐานะของชายชราคนหนึ่ง สิ่งเดียวที่ผมคาดหวัง ก็คือ การมีชีวิตอย่างสันติสุขกับครอบครัวของผมเอง ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เบอร์ซาตูได้ผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยที่แนวทางของเราเกือบทั้งหมด ล้วนอยู่บนวิถีทางของการไร้ความรุนแรง เราตอกย้ำกับผู้ปฏิบัติงานของเราอยู่เสมอว่า พวกเขาไม่ควรต่อสู้ด้วยวิธีการอันโหดร้าย รวมทั้งไม่พึงทำร้ายผู้บริสุทธิ์แม้แต่รายเดียว


ในช่วงที่ผมเป็นผู้นำของเบอร์ซาตูอยู่นั้น ผมไม่เคยอนุญาตให้มีการใช้ยุทธวิธีรุนแรงในลักษณะใดทั้งนั้น และต่อให้ผมจะยุติบทบาทลงไป ผมก็จะยังคงแสดงความเห็นแบบเดียวกันนี้ ในที่ประชุมและเวทีเจรจาต่อไป ผมปรารถนาที่จะให้การต่อสู้และการทำลายล้างยุติลงอย่างแท้จริง


ผมต้องการเห็นการเจรจาในระดับต่างๆ ระหว่างรัฐบาลกลางกับคนกลุ่มต่างๆ ในปัตตานี แต่บางทีสิ่งนี้อาจจะเกิดในประเทศอาเซียนได้ยาก เพราะอาเซียนมีแนวโน้มจะผูกพันตัวเองกับนโยบายความร่วมมือระหว่างรัฐบาล จนถึงจุดที่ถือหลักไม่แทรกแซงกิจการของประเทศสมาชิกอาเซียนรายใดๆ จุดยืนนี้ไม่เป็นคุณต่อสถานการณ์ที่ทวีความเลวร้ายลงทุกขณะ


เราจำเป็นต้องสร้างแรงกดดันแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไทย หรือกลุ่มหัวรุนแรง นั่นหมายความว่า การประนีประนอมก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น ด้วยเหตุดังนี้ ผมจึงคิดว่าการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้น สมควรจัดขึ้นในประเทศซึ่งเป็นกลาง โปร่งใส และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยอาจเป็นประเทศหนึ่งประเทศใดในยุโรป


เหนืออื่นใด ผมใฝ่ฝันจะเห็นสันติภาพบังเกิดขึ้นใหม่ในปัตตานี และผมหวังจะให้ภูมิภาคนี้ฟื้นความเรืองรองขึ้นมาอีกหน


 


ที่มา :


http://www.brandmalaysia.com/movabletype/archives/2005/07/dr_wan_kadir_an.html

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net