หลังทราบผลการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ทุกอย่างมุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป ตามครรลองประชาธิปไตย แต่ดูว่าเหมือนประเทศไทยถูกแบ่งเป็นสองส่วน โดยภาคเหนือและอีสานเกือบทั้งหมดถูกแต้มด้วยสีแดง จากเหตุผลที่ประชาชนออกเสียงไม่รับมากกว่า ที่เหลือสีเขียวพรืดไปจรดใต้สุดแดนสยาม
แต่ใครจะรู้บ้างหรือไม่ว่า 3 จังหวัดใต้สุดของสยามประเทศที่มีปัญหาความไม่สงบนั้น มีสัดส่วนผู้ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ถึงเท่าตัว และมีสัดส่วนของบัตรเสียสูงสุดในประเทศไทย
หากพิจารณาจากผลการลงประชามติเฉพาะในภาคใต้ จะพบว่า ในภาพมีผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 59.31 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด โดยมีผู้ออกเสียงเห็นชอบสูงถึงร้อยละ 86.47 ไม่เห็นชอบร้อยละ 11.46
โดยมีรายละเอียดแยกเป็นรายจังหวัดดังตารางนี้
สถิติการใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อ 19 ส.ค. 2550 เฉพาะภาคใต้
จังหวัด | ผู้มีสิทธิ | ใช้สิทธิ์ | ร้อยละ | บัตรเสีย | ร้อยละ | เห็นชอบ | ร้อยละ | ไม่เห็นชอบ | ร้อยละ |
กระบี่ | 273,071 | 174,564 | 63.93 | 2,598 | 1.49 | 156,326 | 89.55 | 15,640 | 8.96 |
ชุมพร | 346,049 | 214,606 | 62.02 | 2,456 | 1.14 | 197,717 | 92.13 | 14,433 | 6.73 |
ตรัง | 423,215 | 276,770 | 65.40 | 3,758 | 1.36 | 252,426 | 91.20 | 20,586 | 7.44 |
นครศรีฯ | 1,079,379 | 557,883 | 51.69 | 7,534 | 1.35 | 507,448 | 90.96 | 42,900 | 7.69 |
นราธิวาส | 449,167 | 256,331 | 57.07 | 11,195 | 4.37 | 188,673 | 73.61 | 56,463 | 22.03 |
ปัตตานี | 400,923 | 222,437 | 55.48 | 13,465 | 6.05 | 159,695 | 71.79 | 49,277 | 22.15 |
พังงา | 175,300 | 112,452 | 64.15 | 1,721 | 1.53 | 96,417 | 85.74 | 14,314 | 12.73 |
พัทลุง | 364,341 | 234,049 | 64.24 | 3,383 | 1.45 | 209,493 | 89.51 | 21,173 | 9.05 |
ภูเก็ต | 213,663 | 125,057 | 58.53 | 1,848 | 1.48 | 110,936 | 88.71 | 12,273 | 9.81 |
ยะลา | 294,681 | 173,206 | 58.78 | 9,314 | 5.38 | 120,956 | 69.83 | 42,936 | 24.79 |
ระนอง | 112,534 | 67,369 | 59.87 | 926 | 1.37 | 61,115 | 90.72 | 5,328 | 7.91 |
สงขลา | 911,718 | 584,485 | 64.11 | 8,365 | 1.43 | 529,513 | 90.59 | 46,607 | 7.97 |
สตูล | 189,043 | 118,328 | 62.59 | 2,123 | 1.79 | 96,999 | 81.97 | 19,206 | 16.23 |
สุราษฎร์ฯ | 679,255 | 399,279 | 58.78 | 5,133 | 1.29 | 362,120 | 90.69 | 32,024 | 8.02 |
จากตางรางจะพบว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือปัตตานี ยะลาและนราธิวาส มีสัดสวนของผู้ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 มากกว่าจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ด้วยกัน คือภาคใต้มีผู้ออกเสียงไม่เห็นชอบจำนวน 425,883 คน คิดเป็นร้อยละ 11.46 แต่เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสัดสวนผู้ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญสูงกว่า คือ ร้อยละ 22.8 ขณะที่ผู้ที่เห็นชอบทั้งภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 86.47 ส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสัดส่วนผู้ที่เห็นชอบร้อยละ 71.99 แม้จะสูงกว่าในระดับประเทศที่อยู่ที่ร้อยละ 56.69 แต่ก็ต่ำกว่าระดับภาคใต้ด้วยกัน
ส่วนสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิ์มีสัดส่วนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยทั้งประเทศมีสัดสวนผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 57.61 ภาคใต้ร้อยละ 59.31 เฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 56.95 (ดูกราฟด้านล่าง)
ในส่วนของบัตรเสียของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสัดส่วนที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนจำนวนบัตรเสียงของจังหวัดอื่นๆ ที่มีจำนวนบัตรเสียงเกิน 10,000 ใบ ทั่วประเทศ จะพบว่าจังหวัดปัตตานีมีสัดส่วนของบัตรเสียสูงสุดในประเทศไทย (ดูกราฟด้านล่าง)
รองลงมาคือจังหวัดยะลา แม้มีจำนวนบัตรเสียงไม่ถึง 10,000 ใบก็ตาม ลำดับที่สามคือจังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้ง 3 จังหวัดปัจจุบันมีความหาความไม่สงบเกิดขึ้น
เมื่อรวมจำนวนบัตรเสียของทั้ง 3 จังหวัดแล้ว พบว่า มีถึง 33,977 ใบ จากจำนวนบัตรเสียของทั้งภาคใต้ที่มีเพียง 77,271ใบ (ร้อยละ2.08ของจำนวนผู้ออกเสียงในภาคใต้)
หากพิจารณาในระดับอำเภอของทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้ง 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ซึ่งมีปัญหาความไม่สงบเช่นกัน ดังนี้
จังหวัดปัตตานี
มีผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติ 401,710 คน มาใช้สิทธิทั้งหมด (รวมพื้นที่นอกเขตจังหวัด) 220,630 คน คิดเป็นร้อยละ 55.5 ผลการลงประชามติ เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 70.4 ไม่เห็นชอบร้อยละ 23.6
อำเภอ | ผู้มีสิทธิ | ใช้สิทธิ์ | ร้อยละ | บัตรเสีย | ร้อยละ | เห็นชอบ | ร้อยละ | ไม่เห็นชอบ | ร้อยละ |
กะพ้อ | 10,138 | 6,424 | 63.4 | 608 | 9.6 | 3,978 | 68.4 | 1,838 | 31.6 |
โคกโพธิ์ | 43,881 | 27,514 | 62.7 | 1,065 | 3.9 | 22,703 | 85.8 | 3,746 | 14.2 |
ทุ่งยางแดง | 12,249 | 7,349 | 60.0 | 511 | 7.0 | 4,952 | 72.4 | 1,886 | 27.6 |
ปะนาเระ | 28,182 | 14,487 | 61.4 | 826 | 5.7 | 10,225 | 74.8 | 3,436 | 25.2 |
มายอ | 32,547 | 17,853 | 54.9 | 1,057 | 5.9 | 11,742 | 69.9 | 5,054 | 30.1 |
เมือง | 74,385 | 43,407 | 58.4 | 2,146 | 4.9 | 33,967 | 82.3 | 7,294 | 17.7 |
แม่ลาน | 9,574 | 6,064 | 63.3 | 309 | 5.1 | 4,538 | 76.9 | 1,217 | 21.1 |
ไม้แก่น | 7,323 | 4,679 | 63.9 | 393 | 8.4 | 3,241 | 75.6 | 1,045 | 24.4 |
ยะรัง | 50,173 | 23,880 | 47.56 | 1,739 | 7.3 | 14,927 | 67.4 | 7,214 | 32.6 |
ยะหริ่ง | 48,651 | 25,247 | 53.1 | 1,348 | 5.3 | 18,570 | 77.7 | 5,329 | 22.3 |
สายบุรี | 39,965 | 21,207 | 53.1 | 1,675 | 7.9 | 13,877 | 71.0 | 5,655 | 29.0 |
หนองจิก | 43,842 | 20,903 | 47.7 | 1,742 | 8.3 | 14,494 | 75.6 | 4,667 | 24.4 |
จะเห็นได้ว่า อำเภอที่มีสัดส่วนผู้ไม่เห็นชอบสูงกว่าร้อยละ 25 มักเป็นอำเภอที่มีเหตุรุนแรงถี่มาก ขณะที่อำเภอที่มีเหตุรุนแรงถี่แต่มีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ได้แก่ อำเภอยะรังและอำเภอหนองจิก ส่วนอำเภออื่นๆ มีจำนวนผู้ไม่เห็นชอบน้อยกว่า มักเป็นอำเภอที่มีเหตุรุนแรงน้อยกว่าเช่นกัน เช่น อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอแม่ลาน
จังหวัดยะลา
ผู้มีสิทธิทั้งหมด 294,671 คน มาใช้สิทธิ 170,277 คน คิดเป็นร้อยละ 57.79 ผลการลงประชามติ เห็นชอบ 118,511 เสียง คิดเป็นร้อยละ 69.60 ไม่เห็นชอบ 42,539 เสียง คิดเป็นร้อยละ 24.98
อำเภอ | ผู้มีสิทธิ | ใช้สิทธิ์ | ร้อยละ | บัตรเสีย | ร้อยละ | เห็นชอบ | ร้อยละ | ไม่เห็นชอบ | ร้อยละ |
กรงปินัง | 12,944 | 8,169 | 63.11 | 747 | 9.14 | 4,246 | 57.21 | 3,176 | 42.79 |
กาบัง | 10,784 | 7,193 | 66.7 | 367 | 5.1 | 4,735 | 69.37 | 2,091 | 30.63 |
ธารโต | 13,460 | 7,125 | 52.94 | 462 | 6.48 | 4,809 | 72.16 | 1,855 | 27.84 |
บันนังสตา | 31,658 | 15,882 | 50.17 | 1,141 | 7.18 | 9,925 | 67.33 | 4,816 | 32.67 |
เบตง | 36,964 | 22,229 | 60.14 | 674 | 3.03 | 17,892 | 83.01 | 3,663 | 16.99 |
เมือง | 105,291 | 60,225 | 57.2 | 2,322 | 3.86 | 46,961 | 81.10 | 10,942 | 18.90 |
ยะหา | 30,520 | 18,481 | 60.55 | 1,070 | 5.79 | 11,775 | 67.63 | 5,636 | 32.37 |
รามัน | 53,060 | 32,055 | 60.41 | 2,513 | 7.84 | 19,175 | 64.91 | 10,367 | 35.09 |
ในพื้นที่สีแดงอย่างบันนังสตา, กรงปินัง, ยะหาและรามัน พบว่าสัดส่วนของประชาชนที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญสูงเกิดร้อยละ 25 โดยอำเภอบันนังสตามีผู้มาใช้สิทธิ์เพียงครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เท่านั้น และมีสัดส่วนของบัตรเสียสูงมาก เช่นเดียวกับอำเภอกรงปินังและรามัน
ในขณะที่พื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอเบตง ซึ่งมีจำนวนประชากรที่นับถือศาสนาพุทธมากกว่าอำเภออื่นๆ มีผู้ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญน้อยกว่าตามลำดับ
จังหวัดนราธิวาส
ผู้มีสิทธิทั้งหมด 449,167 คน มาใช้สิทธิ 256,331 คน คิดเป็นร้อยละ 57.07 ผลลงประชามติ เห็นชอบ ร้อยละ 76.97 ไม่เห็นชอบ ร้อยละ 23.03
อำเภอ | ผู้มีสิทธิ | ใช้สิทธิ์ | ร้อยละ | บัตรเสีย | ร้อยละ | เห็นชอบ | ร้อยละ | ไม่เห็นชอบ | ร้อยละ |
จะแนะ | 19,676 | 11,265 | 57.25 | 519 | 4.61 | 7,745 | 72.07 | 3,001 | 27.93 |
เจาะไอร้อง | 22,534 | 11,211 | 49.75 | 661 | 5.9 | 7,377 | 69.92 | 3,173 | 30.08 |
ตากใบ | 42,178 | 22,184 | 52.60 | 1,140 | 5.14 | 16,837 | 80.01 | 4,207 | 19.99 |
บาเจาะ | 30,299 | 17,863 | 58.96 | 1,125 | 6.3 | 11,682 | 69.79 | 5,056 | 30.21 |
เมือง | 70,806 | 39,548 | 55.85 | 1,118 | 2.83 | 31,541 | 82.07 | 6,889 | 17.93 |
ยี่งอ | 27,243 | 16,920 | 62.11 | 633 | 3.74 | 12,610 | 77.42 | 3,677 | 22.58 |
ระแงะ | 50,389 | 29,542 | 58.63 | 1,240 | 4.20 | 21,780 | 76.96 | 6,522 | 23.04 |
รือเสาะ | 38,794 | 22,251 | 57.36 | 1,666 | 7.49 | 14,477 | 70.33 | 6,108 | 29.67 |
แว้ง | 31,677 | 17,244 | 54.45 | 623 | 3.61 | 12,900 | 77.61 | 3,721 | 22.39 |
ศรีสาคร | 19,299 | 12,790 | 66.27 | 713 | 5.57 | 8,650 | 71.62 | 3,427 | 28.38 |
สุคิริน | 14,553 | 9,439 | 64.86 | 300 | 3.18 | 7,446 | 81.47 | 1,693 | 18.53 |
สุไหงโก - ลก | 45,015 | 23,672 | 51.44 | 596 | 2.52 | 19,181 | 83.12 | 3,895 | 16.88 |
สุไหงปาดี | 35,714 | 20,060 | 56.17 | 832 | 4.15 | 14,679 | 76.34 | 4,549 | 23.66 |
จากตางรางพบว่า พื้นที่อำเภอเจาะไอร้องมีผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่าจำนวนผู้มิสิทธิ์ และมีผู้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญสูงมากกว่าร้อยละ 25 เช่นเดียวกับอำเภอ
บาเจาะ, ศรีสาคร, จะแนะ และ รือเสาะ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นถี่มาก ขณะที่อำเภอระแงะและอำเภอสุไหงปาดี ซึ่งมีสถานการณ์รุนแรงมากเช่นกัน แต่มีผู้ลงคะแนนไม่เห็นชอบน้อยกว่า ขณะที่อำเภออื่นมีผู้ไม่เห็นชอบน้อยลงในระดับที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
4 อำเภอของจังหวัดสงขลา
โดยรวมทั้งจังหวัดสงขลา ประชาชนเห็นชอบร้อยละ 91.04 ไม่เห็นชอบร้อยละ 08.06 แต่ในส่วนของ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ จะนะ เทพา นาทวีและสะบ้าย้อย ซึ่งมีปัญหาความไม่สงบเกิดขึ้น มีผลการลงประชามติดังนี้
อำเภอ | ผู้มีสิทธิ | ใช้สิทธิ์ | ร้อยละ | บัตรเสีย | ร้อยละ | เห็นชอบ | ร้อยละ | ไม่เห็นชอบ | ร้อยละ |
จะนะ | 65,756 | 45,081 | 68.56 | 849 | 1.88 | 38,736 | 87.57 | 5,496 | 12.43 |
เทพา | 44,607 | 29,573 | 66.30 | 624 | 2.11 | 26,101 | 90.16 | 2,848 | 9.84 |
นาทวี | 41,353 | 29,110 | 70.39 | 509 | 1.75 | 25,824 | 90.28 | 2,777 | 9.71 |
สะบ้าย้อย | 40,994 | 27,162 | 66.26 | 660 | 2.43 | 22,567 | 85.15 | 3,935 | 14.85 |
จากตารางพบว่า อำเภอสะบ้าย้อย และ อำเภอจะนะ มีสัดส่วนของผู้ที่ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมากที่สุดตามลำดับ ขณะที่ทั้ง 4 อำเภอมีสัดส่วนบัตรเสียน้อยกว่าอำเภออื่นๆ อีกหลายอำเภอของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาความไม่สงบด้วยเช่นกัน
สำหรับกรณีที่มีบัตรเสียจำนวนมากนั้น นาย
กลุ่มต่อมาเกิดจากความไม่เข้าใจของประชาชนในการลงประชามติ เนื่องจากในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอไม่การรณรงค์ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในลักษณะเคาะประตูบ้าน มีเพียงการรณรงค์ผ่านสถานีวิทยุและโทรทัศน์เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ เหตุผลทางด้านความปลอดภัยเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีแดง ไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ลงประชามติ ต่างจากพื้นที่อื่นๆในเขตเมืองหรือตัวอำเภอ
กลุ่มสุดท้ายเกิดจากประชาชนบางกลุ่มที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ จึงทำให้กลายเป็นบัตรเสีย เห็นได้จากบัตรออกเสียงประชามติที่มีการทำเครื่องหมายกากบากลงทั้งในช่องเห็นชอบและช่องไม่เห็นชอบ หรือไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้ทั้งสองช่องเลย ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร
ส่วนลักษณะของบัตรเสียที่พบมีหลากหลายรูปแบบ เช่น มีการเขียนข้อความต่างๆ หรือวาดรูปลงไป ทำเครื่องหมายไม่ตรงช่อง และทำเครื่องหมายอย่างอื่นที่ไม่ใช่เครื่องหมายกากบาก
จากผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ผศ.ดร.
เป็นที่น่าสังเกตคือคะแนนไม่เห็นชอบใน 3 จังหวัด อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับระดับของการไม่เห็นชอบในภาคใต้ อาจมีบางส่วนของการเคลื่อนไหวในทางการเมืองที่เป็นฐานเดิมของกลุ่มวาดะห์ ซึ่งยังสนับสนุนแนวคิดของกลุ่มอำนาจเก่า อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นการปฏิเสธของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งได้รับอิทธิจากกระแสของเหตุการณ์ความรุนแรงในปัจจุบัน ทำให้ไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลที่มาจากทหาร ปฏิเสธหรือไม่ยอมรับนโยบายหรือมาตรการทางทหาร ซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มค่อนข้างสูงเมื่อบวกกับความไม่เป็นชอบต่อรัฐธรรมนูญ
ยิ่งเมื่อมาพิจารณาจากบัตรเสียก็ยิ่งเห็นชัด โดยบัตรเสียของภาคใต้ ใน 3 จังหวัดสัดส่วนสูงมาก ซึ่งเป็นตัวชี้อะไรบางอย่างในทางการเมืองในพื้นที่ ซึ่งเมื่อรวมจำนวนบัตรเสียของทั้ง 3 จังหวัดแล้ว ประมาณ 30,000 คนนั้น สอดคล้องกับการคำนวณฐานของผู้ที่สนับสนุนขบวนการใต้ดิน จะอยู่ที่ประมาณ 3 - 50,000 คน แต่นั่นยังไม่ใช่ข้อสรุป
แม้ในพื้นที่ไม่พบว่ามีการจัดตั้งให้มีการล้มประชามติหรือออกเสียงไม่เห็นชอบ แต่นั่นเป็นกลุ่มมวลชนที่มีความรู้สึกปฏิเสธต่อระบบการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันในแง่ของกระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ หรืออาจรวมถึงการปฏิเสธที่มีต่อรัฐก็ได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนออกทางอ้อมที่มีต่อการใช้สิทธิ์ในการออกเสียง หมายความว่า มาใช้สิทธิแต่ทำให้บัตรเสียโดยจงใจ เพราะไม่ยอมรับ แต่ไม่อยากเสียสิทธิทางการเมือง
ยิ่งพิจารณาผลการลงประชามติในระดับอำเภอแล้ว อาจจะสะท้อนการจัดตั้งก็เป็นได้ โดยพิจารณาจากการกระจุกตัวของฐานมวลชน ในแง่เครือข่ายการสนับสนุนขบวนการใต้ดิน โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง ซึ่งมีผู้ไม่เห็นชอบและมีจำนวนบัตรเสียสูงมาก แต่หากไม่มีการจัดตั้งก็อาจสะท้อนได้ว่า นั่นเป็นเสียงบริสุทธิ์ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จริงที่ปฏิเสธต่ออำนาจรัฐ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม การออกเสียงไม่เห็นชอบที่มีจำนวนมากนั้น อาจเป็นไปตามกระแสการไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญด้วย เพราะคนในพื้นที่สีแดงหรือคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอาจได้รับกระแสการต่อต้านรัฐธรรมนูญจากภาพใหญ่ของส่วนกลาง ที่มีนักวิชาการหรือกลุ่มหัวก้าวหน้าเป็นแกนนำ แต่ ลึกๆ จริงๆ แล้วอาจไม่ถึงขั้นไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ เพราะการชี้นำของขบวนการใต้ดินนั้น เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญไม่อยู่ในข้อเรียกร้องอะไรเลย
มีอยู่ข้อหนึ่งที่น่าสังเกตว่า ทำไมฝ่ายขบวนการถึงไม่เอามาคิด คือ มาตราที่ 1 ที่ระบุว่ารัฐไทยเป็นหนึ่งเดียว จะแบ่งแยกมิได้ แสดงว่าพวกเขาอาจยอมรับเงือนไขนี้ โดยไม่เอามาเป็นเงื่อนไขในการต่อสู้ และอาจยอมรับเนื้อหาที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญก็ได้ที่สามารถมีรูปแบบการปกครองแบบพิเศษบางอย่างได้ แต่ยังอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญแห่งรัฐไทย ไม่เกี่ยวข้องกับข้อรียกร้องความเป็นรัฐอิสระ
โดยนัยยะข้อเรียกร้องอาจไม่ถึงขึ้นสูงสุดขนาดนั้นก็ได้ เพียงแต่ต้องการอำนาจการต่อรองในทางการเมือง เพื่อให้ได้รับการยอมรับเรื่องอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ ศาสนา
สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือในวันออกเสียงลงประชามตินั้น มีเหตุการณ์รุนแรงครั้งเดียวเท่านั้นคือ ที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส แต่ก็เงียบอย่างจงใจ ซึ่งอาจมีเหตุผลว่า ในช่วงวันออกเสียงประชามติ เจ้าหน้าที่รัฐเตรียมพร้อมป้องกันเหตุอย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่เกินวิสัยที่พวกเขาจะก่อเหตุได้ เพราะที่ผ่านเจ้าหน้าที่ป้องกันเข้มอยู่แล้วก็ยังก่อเหตุได้
"ถ้าพวกเขาจะล้มกระดานก็ยังได้ เพื่อไม่ต้องให้มีการลงประชามติ เช่น ก่อเหตุรุนแรงซัก 4 - 5 จุด การลงออกเสียงก็จะหยุดไปเลย แต่เขาไม่ทำ ผมว่าเขาก็เลือกที่จะไม่ทำ" ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว
เขาระบุด้วยว่า นี่เป็นกระแสการตื่นตัวทางการเมือง จุดเด่นคือสิ่งที่เขาต้องการ คือพื้นที่ทางการเมือง เพื่อแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในเวทีเปิด ซึ่งการเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งในการแสดงออกในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ขณะที่คนในพื้นที่เองก็ต้องการ
เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พวกเขาก็ใช้เป็นประโยชน์กับการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ เช่น การปฏิเสธระบอบทักษิณ ปฏิเสธกลุ่มวาดะห์ เพราะไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชน ซึ่งก็ใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ
ส่วนการออกเสียงไม่เห็นชอบเนื่องจากยังมีความชอบกลุ่มอำนาจเก่า โดยเฉพาะกลุ่มว่าดะห์นั้น อาจเป็นไปได้ เพราะฐานเสียงเดิมของกลุ่มวาดะห์ยังมีอยู่ไม่น้อย
ส่วนจะส่งผลอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะในระยะใกล้เลือกตั้ง ผศ.ดร.ศรีสมภพคิดว่าจะไม่มีผลอะไร เพราะ 3 ปีที่ผ่านมา ท่าทีของขบวนการใต้ดินต่อการเลือกตั้งนั้นจะไม่ขัดขวาง คือไม่มีการโจมตีหรือวางระเบิดหน่วยเลือกตั้ง แม้จะไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ก็ตาม เข้าใจว่าคงไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่ม เพราะการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมีหลายกลุ่มหรือหลายเครือข่ายทับซ้อนกันอยู่
เขาคงไม่ปิดทางของตัวเองโดยการขวางการเลือกตั้ง แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่จำเป็นเพื่อสะท้อนความต้องการของตัวเองเท่านั้น พวกเขาเองก็มีจุดตัน เพราะจะเคลื่อนไหวทางการเมืองแรงๆ ไม่ได้ เพราะมีขีดจำกัด แต่คงเป็นเกมระยะยาวในการต่อรองทางการเมือง ผสมผสานกับการเล่นในเกมรัฐสภามากกว่า
ผลที่เกิดขึ้นสะท้อนภาพความเป็นจริงของฐานเสียงด้านการเมืองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยเป็นมาที่ต่างจากภาคใต้ตอนบน
ประชาชนในภาคใต้ตอนบนจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาก แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีลักษณะพิเศษทางการเมือง คือเป็นระบบสองพรรคมาตลอด ต่อสู้กันมาตลอดระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับอีกพรรคหนึ่ง เช่น พรรคความหวังใหม่ พรรคไทยรักไทย พรรคประชาชน เป็นต้น ซึ่งสะท้อนภาพการเมืองในอนาคตได้
เห็นได้ชัดว่าผลกระลงประชามติครั้งนี้ สะท้อนฐานทางการเมืองทั่วประเทศ คือภาคอีสานและภาคเหนือตอนบนเป็นฐานของพรรคไทยรักไทยเดิม ภาคกลางและกรุงเทพ จะกระจายไป เพราะมีหลายพรรคการเมือง ภาคใต้แน่นอนว่าเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ แน่นอนว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีโครงสร้างเป็นเช่นนี้
ดังนั้น การที่ใน 3 จังหวัดที่มีเสียงของคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญมากกว่าส่วนอื่นของภาคใต้ด้วยกันเอง สะท้อนว่าฐานของพรรคประชาธิปัตย์ยังเหมือนเดิม บวกกับเป็นพื้นที่ที่มีปัญหากับความรุนแรง โดยมีกลุ่มขบวนการใต้ดินและฐานเสียงพรรคอื่นซ้อนอยู่ด้วย
คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความคาดหวังต่อการเมืองเช่นเดียวกับส่วนอื่นของประเทศ แต่เป็นความคาดหวังแบบพิเศษที่ไม่เหมือนที่อื่น เช่น การเมืองในระบบพรรคการเมืองต้องสะท้อน รากการต่อสู้เรื่องอัตลักษณ์ ความเป็นท้องถิ่นสูง ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมลายู การมีประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกันก็สะท้อนลักษณะการต่อสู้กับอำนาจรัฐที่เป็นมาตลอด เพราะฉะนั้นวาระทางนโยบายที่พวกเขาต้องการจะไม่เหมือนที่อื่น เช่นในส่วนอื่นของภาคใต้อาจยอมรับอำนาจจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็จะปฏิเสธอำนาจรัฐ ซึ่งเป็นไปตามกระแสนิยม แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีวิธีคิดและกรอบของตนเองที่แตกต่างออกไป
"ดังนั้นการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องมีรูปแบบเฉพาะ ทั้งรูปแบบการต่อสู้ทางการเมือง รูปแบบองค์กรทางการเมือง วาระทางนโยบาย หรือกลไกที่นำมาใช้จัดการทางการเมือง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ กำลังพยายามทำอยู่ แต่ยังไม่กินใจคนในพื้นที่มากนัก ขณะที่พรรคอื่นยังไม่เห็นมี ดังนั้นคนที่ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญนั้นอาจเป็นเสียงลอยที่พร้อมจะรับพรรคไหนก็ได้ ที่มีข้อเสนอดีๆ" รศ.ดร.ศรีสมภพกล่าวทิ้งท้าย
..............................................
หมายเหตุ : ภาพกราฟ โดย ผศ.ดร.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)