Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข


 


 


 


สถานการณ์การเมืองในประเทศพม่า ยังเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมาก การประท้วงใหญ่ที่นำโดยพระสงฆ์ แม้จะส่งสัญญาณสำคัญถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยระลอกใหม่ในรอบเกือบ 20 ปี แต่ใครจะทราบได้ว่า อาจจะเป็นสัญญาณของการกวาดล้างรอบใหม่ของเผด็จการทหารในพม่าด้วย และคราวนี้จะใกล้กับคนไทยมากขึ้นๆ


 


หนึ่งเพราะพระสงฆ์ในพม่ากลายเป็นศัตรูของเผด็จการทหาร และจำนวนมากก็มรณภาพจากการถูกสังหารโดยทหาร ซึ่งนับถือวินัยและคำสั่งมากกว่าความเชื่อและสัจจะ


 


ที่สำคัญที่ทำให้เรื่องพม่าใกล้ตัวคนไทยเข้าไปทุกที ก็เพราะคนในเส้นขีดเขตแดนพม่า ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ไหน จะมากจะน้อยล้วนแต่มานั่งอยู่ในบ้านเรา ข้างบ้านเรา เป็นเพื่อนเรา เป็นพี่เป็นน้องเรา และอาจจะเป็นคนดูแลลูกหลานได้ดีกว่าผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกน้อยเสียอีก


 


ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่เราต้องเอาใจช่วยและสนับสนุนทุกวิถีทาง เพื่อให้ความเป็นมนุษย์และศักด์ศรีความเป็นมนุษย์ฟื้นตื่นขึ้นมาในดินแดนเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกของไทย


 


แต่ทั้งหมดในประเทศพม่า คืออดีตของเรา หรืออนาคตกันแน่


 


นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เหตุการณ์ในพม่าจะเกิดขึ้นได้ในบ้านเมืองของเราในวันใดวันหนึ่ง รัฐทหารโดยมากก็เริ่มต้นจากความวุ่นวายทางการเมืองอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเราเวลานี้ คือไม่ใช่จากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากการสร้างข้ออ้างเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มของชนชั้น


 


การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทยตลอดสองปีที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อการกวาดล้างสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" แม้จะเริ่มต้นอย่างสร้างสรรค์ ทว่าการประกาศ "ไม่ชนะไม่เลิก" และไม่เลือกวิธีใช้ในเวลาต่อมาก็ได้ทำลายพลังการต่อสู้ของประชาชนบนท้องถนน ให้เหลือเพียงแค่กลุ่มคณะที่โดยหลักแล้ว ไม่เพียงไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ (ไม่ว่าเสียงส่วนใหญ่จะถูกต้องในนิยามของใครหรือไม่) ซึ่งจะเป็นข้อยุติของข้อขัดแย้งทั้งหมด  ยังสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549


 


กระนั้นการกวาดล้างสิ่งที่เรียกกันว่า "ระบอบทักษิณ" ยังคงดำเนินต่อไปผ่านกลไกที่คณะรัฐประหารสร้างขึ้น กวาดจนไม่รู้จะกวาดอย่างไร สร้างรายจ่ายให้กับประชาธิปไตย ระบบยุติธรรม และโอกาสในการพัฒนาประเทศขนาดไหน ทั้งหมดก็เพื่อจะพบว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ อาจจะไม่ยินยอมให้ใคร ไม่ว่า จะพันธมิตรฯ หรือจะทหาร  หรือจะใคร? มาชี้นิ้วหรือมาบอกว่า เขาควรมีรัฐบาลแบบไหนเพื่อมาบริหารประเทศ


 


และนี่กลายเป็นความหวั่นเกรงของพันธมิตรล้มระบอบทักษิณ ที่กลัวว่าการเคลื่อนไหวที่ทุ่มเทด้วยทุนและกำลังมหาศาลจะสูญเปล่า กลัวว่าการรัฐประหารและการตามล้างที่ผ่านมาจะถูกเอาคืน


 


แต่เราจะจัดการกับความกลัวนี้อย่างไร  ด้วยการจ่ายให้หนักขึ้นในราคาของการเลื่อนการเลือกตั้ง เปลี่ยนรัฐบาล ความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจที่ย่อยยับ การบิดเบี้ยวระบบยุติธรรมต่อไป เพื่อรอให้คนส่วนใหญ่เปลี่ยนใจไม่ไปลงเลือกตั้งให้กับเครือข่ายรัฐบาลทักษิณ หรือที่สุดจะจ่ายด้วยการโกงการเลือกตั้ง


 


เราจะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไร ผมก็ไม่ทราบ และไม่อาจจะแนะนำพันธมิตรเพื่อการรัฐประหารในนามของประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ แต่ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ จัดการมันด้วยความกล้า คือเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน


 


และจงเชื่ออย่างที่เมื่อเริ่มต้นเคลื่อนไหว คือเชื่อว่าตัวเองคือผู้เสียสละที่กล้าสูญเสีย และจงเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่ควรได้แต่จะไม่ได้ หากผลการเลือกตั้งได้ผลออกมาอย่างที่ตัวเองไม่ได้วาดหวัง แล้วหันกลับมาสร้างกลไกชอบธรรมในระดับโครงสร้าง เพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มิให้ใช้อำนาจไปในทางที่ผิดอย่างที่ผ่านมา


 


ที่สำคัญคือเลิกหวังพึ่งอัศวินม้าขาว ขี่รถถัง หรือรัฐบุรุษหน้าไหนที่จะมานำพาชาติให้รอด


 


อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะเห็นว่า บ้านเมืองต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้งให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินบ้านเมืองของเขา กระนั้น การตรวจสอบรัฐบาลและผู้มีอำนาจก็ไม่อาจมีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน


 


การเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กรณีการรุกที่ดินเขายายเที่ยง โดย สนช. หรือการอภิปรายทั่วไปในสภานิติบัญญัติเป็นสิ่งที่ควรจะทำ และควรทำมานานแล้ว และไม่เกี่ยวกับความชอบธรรมหรือที่มาของ สนช. และไม่เกี่ยวกับว่า ท่านเป็นพันธมิตรเพื่อการรัฐประหารในนามของประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ เพียงแต่การตรวจสอบของท่านหมดความน่าเชื่อถือ และมีน้ำหนักเพียงแค่เครื่องมือแบล็คเมล์ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมานาน แต่ท่านก็เลือกที่จะหยิบมาใช้ในช่วงนี้ด้วยเหตุผลทางการเมือง 


 


เช่นเดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แม้ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ชุดที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหารจะถูกตั้งข้อสงสัยและข้อครหาว่ามีอคติ เป็นเครื่องมือในการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง มากกว่าที่จะน่าเชื่อว่าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรม ไม่เลือกว่าเขาเป็นฝ่ายใด กระนั้นการเดินหน้าเปิดชื่อรัฐมนตรีที่ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 จะอย่างไรก็คือการสร้างบรรทัดฐานให้กับสังคมการเมืองไทยที่ควรสนับสนุน


 


แต่ทั้งหมดต้องนำไปสู่การเลือกตั้ง และต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม เลิกใช้กลโกงหรือหาเหตุผลในการกีดกันฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะการหาเรื่องยุบพรรค หรือใช้ข้ออ้างเรื่องการซื้อเสียงมาให้ใบเหลืองใบแดงแบบยกชุดให้เป็นที่กังขาอีก อย่าลืมว่าหากประชาชนไม่เชื่อในผลการเลือกตั้ง ที่สุดเราจะไม่เหลืออะไรเลยที่จะหยุดยั้งความขัดแย้ง


 


จงยอมรับการเลือกตั้งนั้นตราบเท่าที่มันสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีหลักประกันใดๆ เลยว่า สถานการณ์ที่เห็นในประเทศพม่าจะเป็นอนาคตของเราหรือไม่


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net