Skip to main content
sharethis

 







การเมือง


 


ปชป.จัดรัฐมนตรีเงา  ตรวจสอบ-ชี้แนะครม.ตัวจริง


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : พรรคประชาธิปัตย์ จัดสัมมนา ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นวันสุดท้าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ในการทำงานของพรรคในฐานะฝ่ายค้าน นอกจากจะตรวจสอบการทำหน้าที่ในสภาแล้ว ควรมีการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงาขึ้นเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลให้เข้มข้นมากขึ้น แม้ครม.เงาจะไม่มีอำนาจอะไร แต่ก็เป็นการทำงานตรวจสอบ ซึ่งการเลือกตัวบุคคลอาจจะใช้ตัวบุคคลที่ไม่ใช่ ส.ส.อาทิ นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ นายเกียรติ สิทธีอมร นายกนก วงศ์ตระหง่าน และนายกษิต ภิรมย์ เข้ามาอยู่ในครม.เงาชุดนี้


 



สำหรับการตั้งคณะรัฐมนตรีเงา ต้องรอให้ครม.ของรัฐบาล ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเรียบร้อยก่อน จากนั้นครม.เงาก็จะแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะรับผิดชอบในส่วนไหน คิดว่าคงไม่เกิน 2 วัน พรรคก็จะมีความชัดเจนออกมาว่า ใครจะเข้าไปรับผิดชอบในกระทรวงไหน ส่วนคนที่จะเป็นครม.เงาต้องมีข้อแม้คือ ต้องไม่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)


 


ทั้งนี้ การตั้งครม.เงาไม่ใช่เพื่อจับผิด หรือเป็นเกมการเมือง หรืออยากมีตำแหน่งทางการเมือง แต่ถือเป็นครม.ทางเลือก และเป็นการใช้รูปแบบการตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ โดยสิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์ ครม.เงาก็จะสนับสนุน แต่สิ่งใดที่ผิดพลาด จะติติงและนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ จึงเป็นการทำงานเชิงนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงและสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งจะเกิดประโยชน์มากกว่าที่ผ่านมา


 


ร่างก.ม.29 ฉบับค้างสภา


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : มีร่างพระราชบัญญัติที่ สนช.รับหลักการแล้วแต่ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบทั้งสิ้น 29 ฉบับ แบ่งเป็น ร่างพ.ร.บ.ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 15 ฉบับ ได้แก่


 


1.ร่าง พ.ร.บ.การติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม 2.ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ 3.ร่าง พ.ร.บ.สภาการเกษตรแห่งชาติ 4.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ 5.ร่าง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 6.ร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิต 7.ร่าง พ.ร.บ.อัตราภาษีสรรพสามิต 8.ร่าง พ.ร.บ.ยาสูบ 9.ร่าง พ.ร.บ.สุรา 10.ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 11.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย 12.ร่าง พ.ร.บ.การเดินอากาศ 13.ร่าง พ.ร.บ.เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ 14.ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ 15.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ยกเลิกหมวด 8 ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน)


 



นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการมี 14 ฉบับได้แก่ 1.ร่าง พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย 2.ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจการค้าปลีกหรือการค้าส่ง 4.ร่าง พ.ร.บ.คุมประพฤติ 5.ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว 6.ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 7.ร่างพ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ 8.ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (เปลี่ยนชื่อสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นกรมวัฒนธรรมวิถีชีวิตและภูมิปัญญา) 9.ร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก 10.ร่าง พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ 11.ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 12.ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 13.ร่าง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ 14.ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน


 



ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 153 วรรคสอง บัญญัติว่า กรณีที่อายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือยุบสภา ภายหลังมีการเลือกตั้งทั่วไป รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภาแล้วแต่กรณี จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบต่อไปได้ ถ้าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งร้องขอภายใน 60 วัน นับแต่วันเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้งทั่วไป และรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบด้วย แต่ถ้าครม.มิได้ร้องขอภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ร่าง พ.ร.บ.นั้นเป็นอันตกไป


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ได้เปิดประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 21 ม.ค.2551 ดังนั้นหากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการร้องขอให้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ต่อไป ก็ต้องร้องขอภายในวันที่ 21 มี.ค.2551



 


 


เอ็นจีโอเตรียมค้านสภาหยิบร่าง พ.ร.บ.ของ สนช. 3 ฉบับ


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่เครือข่ายภาคประชาชนยังคัดค้านมี 3 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ เพราะเนื้อหาเป็นการนำอำนาจในการจัดการทรัพยากรน้ำจากชุมชนไปสู่หน่วยงานของรัฐ ทั้งที่การจัดการทรัพยากรน้ำอยู่ในการดูแลของชุมชนมาตลอด และรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 2540  และ 2550 ก็รับรองสิทธิชุมชนในการดูแลจัดสรรทรัพยากรในท้องถิ่น ที่สำคัญหากมีกฎหมายดังกล่าวนี้ออกไป อาจมีการเก็บค่าน้ำจากเกษตรกรซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์


 



2.ร่าง พ.ร.บ.สภาการเกษตรแห่งชาติ โดยเครือข่าย กป.อพช.ไม่ได้คัดค้านในหลักการ แต่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาที่กำหนดโครงสร้างสภาเกษตรกรแห่งชาติที่มีการนำบริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรเข้ามาเป็นองค์ประกอบ เพราะจะทำให้โอกาสที่สภาเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของเกษตรรายย่อยมีน้อยมาก ทั้งที่ประเทศไทยมีเกษตรกรรายย่อย 70% ฉะนั้นหากรัฐบาลชุดใหม่ยังผลักดันกฎหมายที่มีเนื้อหาเดิม เครือข่ายก็จะผลักดันร่างของภาคประชาชนเข้าประกบ


 



3.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ ประเด็นนี้เครือข่าย กป.อพช.ไม่ได้คัดค้านการปฏิรูปโครงสร้างให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่คัดค้านที่เนื้อหาบางส่วนในร่างกฎหมาย แม้กฎหมายนี้ไม่ใช่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดยตรง แต่ก็เป็นการเปิดช่องทางให้ภาคธุรกิจเข้ามา ทั้งนี้พวกกิจการสาธารณูปโภคควรให้รัฐดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชน จะมาค้ากำไรกันไม่ได้


 



"ภาคประชาชนจะจับตารัฐบาลชุดใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับร่างกฎหมาย 3 ฉบับดังกล่าว ขณะเดียวกันก็จะผลักดันกฎหมายที่มาจากภาคประชาชนอย่างน้อย 10 ฉบับต่อปี เพื่อให้เกิดการปฏิรูปสังคม ซึ่งเมื่อเราเสนอกฎหมายมา พรรคการเมืองก็คงต้องร่างกฎหมายมาประกบ จุดนี้ก็จะมีโอกาสประนีประนอมคุยกันให้ลงตัวเพื่อประชาชนมากที่สุด และรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ก็เปิดโอกาสให้เราไปนั่งในกรรมาธิการพิจารณากฎหมายในสัดส่วน 1 ใน 3 อยู่แล้ว คิดว่าจะมีโอกาสผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสังคม และสร้างความแข็งแกร่งให้การเมืองภาคพลเมือง" นายจอน ระบุ


 



"สมัคร" ส่อเบี้ยวแก้รัฐธรรมนูญ


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจากประเทศญี่ปุ่นหลายสำนัก เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (1 ก.พ.) ณ ที่ทำการพรรคพลังประชาชน โดยเป็นการให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "กรุงเทพธุรกิจ" สรุปสาระสำคัญมานำเสนอดังนี้


 



ประเด็นแรก เรื่องการควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ซึ่งหลายฝ่ายเกรงจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับรัฐมนตรีพลเรือน และอาจสร้างความขัดแย้งขึ้นในอนาคต นายสมัคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา รมว.กลาโหม ส่วนใหญ่เป็นทหาร ซึ่งบางแง่มุมก็ทำให้เกิดปัญหา เพราะแต่ละคนมีรุ่น มีพวก รู้จักคนโน้นคนนี้ ในขณะที่ตัวเขาไม่มีรุ่น ไม่มีพวก จึงเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้


 



"การทำงานก็จะปล่อยให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นคนเสนอเรื่องและความเห็นต่างๆ ขึ้นมา ถ้าสิ่งไหนสมเหตุสมผล ผมก็อนุมัติให้ ส่วนเรื่องการบังคับบัญชาเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตัวรัฐมนตรีมีหน้าที่กำกับนโยบายเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร"


 



เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปรากฏว่า นายสมัคร กล่าวชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา


 



"เรามี ผบ.ทบ.ที่ดี และเขาก็ยังมีอายุราชการอีก 3 ปี คงไม่มีใครไปย้ายเขา" นายสมัคร กล่าว



 


ต่อข้อถามถึงอำนาจในการจัดคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะการคัดเลือกตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถูกมองว่าไม่มีอำนาจอย่างแท้จริงนั้น นายสมัคร ยืนยันว่า เขามีอำนาจเต็มในการจัดโผ ครม.



"


ใครบอกว่าผมไม่มีอำนาจ วันนี้ผมเป็นนายกฯ มีสิทธิในการจัดการเรื่องโผ ครม.เต็มที่ มี 12 ตำแหน่งที่ผมเปลี่ยนแปลงเอง เพราะตัวบุคคลที่เสนอมาไม่เหมาะสม ตัวผมเป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการโดยไม่ต้องไปขออนุญาตจากใคร"



 


นายสมัคร กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แม้จะตระหนักดีว่ารัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่องหลายอย่าง เช่น ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รวมไปถึงบทบัญญัติที่เป็นข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม แต่รัฐบาลจะมุงแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนก่อน



 


"ถ้าดูแล้วผมอยู่ได้ยาวครบเทอม 3 เดือนสุดท้ายค่อยแก้รัฐธรรมนูญก็ได้" นายสมัคร กล่าว


 



ทูตสหรัฐพบ"สมัคร"ฟื้นช่วยเหลือทหาร-ยันสัมพันธ์ไทยแน่น


กรุงเทพธุรกิจ : นายอีริค จี.จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เปิดเผยวานนี้ (1ก.พ.) หลังเข้าหารือถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักนาน 1 ชั่วโมงว่า ความช่วยเหลือด้านทหารที่สหรัฐได้ตัดความช่วยเหลือไป หลังเกิดรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 มีแนวโน้มที่จะกลับคืนมาอีกครั้งในทันทีที่รัฐบาลใหม่ซึ่งมาจากการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่ง


 



ทั้งนี้ สหรัฐได้ชะลอความช่วยเหลือด้านทหาร มูลค่าราว 24 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 792 ล้านบาทแก่ไทย อันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ภายใต้กฎหมายสหรัฐที่ห้ามให้ความช่วยเหลือต่อรัฐบาลของประเทศที่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง โดนปลดออกจากตำแหน่ง โดยมีสาเหตุมาจากการทำรัฐประหาร ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนกองทัพ การฝึกอบรม และปฏิบัติการรักษาสันติภาพ


 



อย่างไรก็ดี ก่อนที่สหรัฐจะคืนความช่วยเหลือด้านทหารดังกล่าวนั้น นางสาวคอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ จะต้องขึ้นให้การต่อหน้ารัฐสภาสหรัฐ เพื่อรับรองว่ารัฐบาลที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตยได้เข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว


 



วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ได้ส่งสาสน์แสดงความยินดีต่อนายสมัคร ในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย พร้อมย้ำว่า จีน และไทย เป็นเพื่อนบ้าน มิตร และคู่ค้าที่ดีต่อกัน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในด้านต่างๆ ไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมให้กับทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองภายในภูมิภาคด้วย


 



"นพดล"แจง"ทักษิณ"อาจกลับไทยก่อนกำหนดพค.


เว็บไซต์คมชัดลึก : นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงข่าวที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทย ภายหลังจากที่มีการโปรดเกล้านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ว่า ยังไม่ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่แผนการเดิมคือจะกลับไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเดินทางกลับก่อนเดือนพค. แต่คงไม่ใช่ทันทีที่มีการโปรดเกล้านายกฯ และคณะรัฐมนตรี


 


คตส.ไม่ง้อ"อัยการ"ฟ้องเองหวยบนดิน


เว็บไซต์แนวหน้า : เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างตัวแทนจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กับสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาสำนวนคดีการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว 3 ตัวหรือ หวยบนดิน ที่อสส.เห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ รวมทั้งไม่เห็นด้วยที่จะส่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหา 47 คน


 



ภายหลังใช้เวลาในการหารือนานร่วม 2 ชั่วโมง นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการร่วมคตส.กับอสส. แถลงว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันเหตุผลของตัวเอง ที่มีความเห็นแตกต่างกันทั้ง 5 ประเด็นคือโดยคณะทำงานของอสส.ยืนยันว่าให้คตส.ตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่คตส.ก็ยืนยันว่าผลสรุปการไต่สวนสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจะกลับไปรายต้นสังกัดตนเองอีกครั้ง โดยหลังจากนี้จะไม่มีการประชุมกับคณะทำงานอสส.อีกแล้ว


 



ด้านนายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการคตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีหวยบนดิน กล่าวว่า คตส.จะส่งฟ้องเองหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมคตส.ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้


 


วันเดียวกันนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาคตส.ชุดใหญ่มีการประชุมทุกจันทร์ ถือว่าน้อยเกินไปอาจจะสรุปสำนวนในแต่ละคดีไม่ทัน ดังนั้นเพื่อให้การสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ได้เร็ว ดังนั้นในการประชุมคตส.ในวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ตนจะเสนอให้ขยายเวลาประชุมเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 2 วัน คือวันจันทร์ กับ วันพุธ นอกจากนี้ตนได้ทำหนังสือของบประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากรัฐบาล โดยผ่านสำนักงบประมาณ สำหรับใช้ในช่วงการสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงที่ต่อวาระการทำงานของคตส.จนถึงเดือนมิถุนายนนี้


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินก้อนแรกที่คตส.ได้ขออนุมัติจากรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ วงเงิน 60 ล้านบาท แต่ได้รนับอนุมัติเพียง 45 ล้านบาท ส่วนก้อนที่ 2 จำนวน 19 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการโดย คตส.เตรียมงบประมาณก้อนนี้ไว้สำหรับการตั้งทีมทนายฟ้องร้องคดีต่างๆเอง หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง



 






คุณภาพชีวิต


 


เปิดบัญชียาหลักฉบับใหม่ครอบคลุมมากขึ้น


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : น.พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บัญชียาหลักแห่งชาติฉบับใหม่ได้เสร็จสมบูรณ์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม ประกาศใช้บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2551 แล้ว เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2551 และจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา


 



บัญชีฉบับนี้มียาที่ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยมากขึ้น เช่น ยาไบมาโตพรอสต์ ใช้หยอดตารักษาต้อหิน ในกรณีที่ใช้ยาชนิดอื่นแล้วความดันตายังไม่ลดลงอยู่ในขั้นที่ปลอดภัยช่วยชะลอการผ่าตัดผู้ป่วยออกไป ยาอิมาทินิบ รักษาโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารที่สามารถลดอาการข้างเคียงของวิธีการรักษาแบบเดิมหรือไม่ต้องใช้เคมีบำบัด ซึ่งกรณีนี้ย่อมส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อแพทย์เช่นกัน


 



รวมทั้งการเพิ่มบัญชีย่อย จ (2) ซึ่งเป็นรายการยาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเฉพาะ เป็นยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ที่แต่เดิมมีปัญหาด้านการเข้าถึงยา โดยจะมีการพัฒนาระบบกำกับดูแลการใช้ยาในกลุ่มนี้อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ไม่สมเหตุผล เช่น ยาโบทูลินุม ท็อกซิน ไทป์ เอ สำหรับรักษาโรคคอบิด ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก ยาอิมมูโน โกลบูลิน (ไอวีไอจี) รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ยาอีโพอีติน รักษาโรคโลหิตจางจากโรคไตเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่พบ "บัญชียาแห่งชาติฉบับใหม่นี้ มีรายการยาที่ครอบคลุมทุกโรคที่ต้องใช้ยารักษา แม้ว่าจะมีจำนวนรายการยาในบัญชี 683 รายการ จากเดิมที่ 692 รายการ แต่ยังเป็นจำนวนรายการยาที่มาก เพราะในประเทศพัฒนาแล้วมีแค่ 200-300 รายการเท่านั้น เป็นการบ่งชี้ว่าใช้ยาเกินจำเป็น ซึ่งที่ผ่านมา บ้านเรามีการใช้ยาฟุ่มเฟือย ใช้ยาเกินความจำเป็นสูงกว่า 10%" น.พ.ศิริวัฒน์กล่าว



 


นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงในส่วนของยาสมุนไพรที่ประกาศใช้เมื่อปี 2549 โดยมียาสมุนไพรเพิ่มเติม ซึ่งได้ผ่านการยืนยันสรรพคุณ ซึ่งบ้านเรามียาสมุนไพรมาก แต่ยังมีการวิจัยไม่กว้างขวางทำให้มียาสมุนไพรที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติไม่มาก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ยาสมุนไพรที่ใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม มี 11 รายการ เช่น ยาเขียวหอม ยาประสาทไพร ยาดีเกลือฝรั่ง ยาธาตุบรรจบ ยาประสาทกานพลู เป็นต้น ซึ่งมีการปรับปรุงให้ปลอดภัยมากขึ้น


 



และยาพัฒนาจากสมุนไพร มี 8 รายการ คือ ขมิ้นชัน ขิง ฟ้าทะลายโจร ชุมเห็ดเทศ บัวบก พญายอ พริก และไพร เป็นต้น ซึ่งถือว่ายังน้อยเกินไป แต่จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการรักษาได้


 


ยธ.เตรียมถวายฎีกาอภัยโทษเหยื่อแก๊งตชด.นอกรีต


เว็บไซต์แนวหน้า : นายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่อาจเป็นผู้บริสุทธิ์ ว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำทุกคนมีสิทธิยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยฝ่ายบริหารกระทรวงยุติธรรมจะทำความเห็นประกอบฎีกา กรณีแก๊ง ตชด.หากผู้ต้องขังในเรือนจำถูกคุมขังทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ ขอให้นักโทษทำเรื่องเสนอกรมราชทัณฑ์ จากนั้นกระทรวงยุติธรรมจะพิจารณาข้อเท็จจริงเบื้องต้น หากมีหลักฐานบ่งชี้ค่อนข้างชัดเจนว่า ผู้ต้องขังรายใดถูกจำคุกเพราะเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งยัดข้อกล่าวหา กระทรวงยุติธรรมก็จะทำความเห็นเสนอว่า ผู้ต้องขังนั้นมีคุณสมบัติสมควรได้รับการพระราชทานอภัยโทษ โดยกรณีดังกล่าวต้องรอให้ รมว.กระทรวงยุติธรรม คนใหม่เข้ารับตำแหน่งเสียก่อน


 


วันเดียวกัน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เข้าพบ นายวิชช์ จีระแพทย์ อธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือเหยื่อที่ถูก ร.ต.อ.ณัฎฐ์ กับพวกจับกุม


 



ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ร.ต.อ.ณัฎฐ์ จับกุมคดียาเสพติดจำนวน 209 คดี มีผู้ต้องหา 238 ราย คดีใดมีข้อสรุปชัดเจนว่า ผู้ต้องหาไม่ได้กระทำความผิด แต่ถูกยัดยาเสพติดก็จะเสนออัยการสูงสุด ช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรม เริ่มจากคดีที่ นางจุฑาภรณ์ นุ่นรอด เหยื่อที่โดนซ้อมและยัดบ้าจนต้องไปคลอดลูกในเรือนจำ ซึ่งภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง เป็นคดีแรก


 



ผลตรวจพิจิตรพบเชื้อหวัดนกคุ้มเข้มตรุษจีนห้ามย้ายสัตว์ปีก


เว็บไซต์แนวหน้า : นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยผลตรวจเชื้อไข้หวัดนกที่จ.พิจิตร ที่เป็นการพบเชื้อจุดที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งก่อนหน้าระบุว่าเป็นเชื้อชนิด H 5 แต่ยังไม่ได้ระบุเป็น N ชนิดใด ปรากฏว่าผลตรวจ N ที่ได้เป็น 1 ตามคุณสมบัติของเชื้อไข้หวัดนกทุกประการ สาเหตุเกิดจากโรงเรือนเลี้ยงไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นกธรรมชาติเข้าไปกินอาหารสัตว์จึงเกิดการติดเชื้อ ดังนั้น เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยจึงให้ปศุสัตว์ทุกพื้นที่ เร่งตรวจสอบโรงเรือนที่ไม่ได้มาตรฐานเพื่อแก้ไขแล้ว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากการกลับมาระบาดของโรคไข้หวัดนก ส่งผลต่อยอดขายไก่สดในพื้นที่หลายจังหวัดลดลงถึง 10% เพราะผู้บริโภคกังวลกับการบริโภคเนื้อไก่ จึงหันมาบริโภคเนื้อปลาและเนื้อหมูแทน ทำให้ราคาเนื้อปลา เนื้อหมูราคาเพิ่มขึ้น



 






เศรษฐกิจ


 


พาณิชย์เผยเงินเฟ้อม.ค.พุ่ง4.3%สูงสุดใน18เดือน


กรุงเทพธุรกิจ :  นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปหรือเงินเฟ้อเดือนม.ค.2551 เท่ากับ 119.9 สูงขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2550 และสูงขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.2550 ซึ่งเป็นระดับเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 18 เดือน ตั้งแต่เดือนก.ค.2549 ที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น 4.4%


 



อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น 4.3% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 4.8% โดยสูงขึ้นจากราคาผักและผลไม้ 9.6% ราคาเป็ด ไก่ 11.2% และเครื่องประกอบอาหาร 8.4% หมวดนี้สินค้าที่มีราคาสูงขึ้นสูงสุด คือ ผักสดสูงขึ้น 14.9%


 



ดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 3.9% โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 28% ค่าโดยสารสาธารณะ 2.3% หมวดบันเทิงการอ่านและการศึกษา 1.4% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ 3%



 


"จีน-ญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส"ยึดไทย  ฐานผลิตเหล็กต้นน้ำส่งออก


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการที่บีโอไอเปิดให้ผู้ประกอบการเหล็กต้นน้ำสำหรับ การผลิตเหล็กคุณภาพสูงยื่นแสดงเจตจำนงลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในไทยและสิทธิการรับเสนอ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ปรากฏว่ามีผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกใน 5 อันดับแรกแสดงความสนใจต่อบีโอไอ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย บริษัท นิปปอนสตีล  บริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น  บริษัท บาว  สตีล  (BAOSTEEL) จากประเทศจีน และบริษัท อาร์ซีลอร์ จากประเทศฝรั่งเศส โดยมองว่าไทยมีความต้องการใช้เหล็กมากพอที่จะลงทุนได้  ถือว่าบาว สตีล เป็นผู้ยื่นหนังสือแสดงสนใจลงทุนผลิตเหล็กขั้นต้นรายที่ 3


 



"คงต้องหารือรายละเอียดว่าจะผลิตจำนวนเท่าใด และสถานที่ตั้ง คาดว่าแต่ละรายจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านตันต่อปี เงินลงทุนรายละไม่ต่ำกว่า 1แสนล้านบาท และจะใช้พื้นที่รายละไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 ไร่ ซึ่งตอนนี้พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) เต็มแล้ว จึงต้องหาพื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (เซาเทิร์นซีบอร์ด) ถือเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินการ"


 



ทั้งนี้การผลิตเหล็กคุณภาพสูงในประเทศไทย จะช่วยลดต้นทุนผลิตได้มหาศาล และเกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกมาก ปัจจุบันไทยมีความต้องการเหล็ก 12.5-13 ล้านตันต่อปี และเป็นเหล็กคุณภาพสูง 4.5 ล้านตัน ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ไฟฟ้า อาหารกระป๋อง ส่วนอีก 8 ล้านตัน เป็นเหล็กคุณภาพทั่วไปที่ใช้ในการก่อสร้างและท่อต่างๆ


 



ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  โครงการเซาเทิร์น ซีบอร์ด เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องดำเนินการ เพราะถ้าโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น จะไม่มีพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมรายใหญ่ เพราะพื้นที่อีสเทิร์น ซีบอร์ด เต็มแล้ว และหากเซาเทิร์น ซีบอร์ดไม่เกิดขึ้นอาจจะทำให้การลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำไม่เกิดขึ้น โดยโครงการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อภาครัฐ  ผู้ลงทุน และชุมชนเห็นตรงกัน ซึ่งต่างจากการลงทุนในอีสเทิร์น ซีบอร์ด ที่รัฐทำแผนแม่บทแล้ว เอกชนเข้าไปลงทุนได้เลย เพราะปัจจุบันสังคมและเศรษฐกิจซับซ้อนมากขึ้น


 


ผู้ผลิตเอทานอลอาการร่อแร่+ ลดกำลังผลิต 50% ยอดใช้ตกแก๊สโซฮอล์ตก


เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ : นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงสถานการณ์ผลิตเอทานอลว่า ขณะนี้ผู้ผลิตเอทานอลกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตที่มีอยู่ได้ ต้องลดกำลังการผลิตลงมาเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง โดยจะผลิตตามความต้องการของตลาดที่มีอยู่ 620,000 ลิตรต่อวันเท่านั้น จากกำลังการผลิตทั้ง 8 โรงงานที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.15 ล้านลิตรต่อวัน


 



ทั้งนี้ แม้ว่ายอดการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ ที่ต้องใช้เอทานอลไปผสม จะมีเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากเวลานี้ประชาชนหันไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจีเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ยอกการใช้แก๊สโซฮอล์ที่กระทรวงพลังงานประมาณไว้ในเดือนมกราคมนี้ 8 ล้านลิตรต่อวันไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมีการใช้กว่า 6 ล้านลิตนต่อวันเท่านั้น อีกทั้ง การส่งออกเอทานอลไปต่างประเทศ ก็ยังมีไม่มาก เนื่องจากระบบการขนส่ง การจัดเก็บ ยังเป็นอุปสรรคที่สำคัญ เพราะโรงงานผลิตเอทานอลไม่ได้ตั้งอยู่ตามคลังน้ำมันหรือท่าเรือ การขนส่งเอทานอลมาแต่ละครั้งต้องใช้เวลา และยังต้องเช่าคลังเก็บเอทานอล ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง แม้ว่าราคาจำหน่ายจะได้ราคาดีกว่าในประเทศก็ตาม


 


ยังเปิดเผลด้วยว่า เตรียมเสนอให้รัฐบาลเร่งรัดการใช้แก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ให้เร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2554  เพื่อให้มีการสร้างตลาดรองรับเอทานอลที่จะผลิตเพิ่มขึ้นมาอีก ที่คาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะมีผู้ผลิตเอทานอลเกิดขึ้นมาอีก 2-3 โรงงาน รวมกำลังการผลิตเอทานอลจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 ล้านลิตรต่อวัน ในขณะที่กระทรวงพลังงานคาดการไว้ว่าการจะมีการใช้แก๊สโซฮอล์ในปีนี้อยู่ที่วันละ 1.26 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น



 






ต่างประเทศ


 


 


ไมโครซอฟท์ยื่น5หมื่นล้านดอลล์ซื้อ"ยาฮู"


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : ไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โลกแถลงวานนี้ (1 ก.พ.) ว่า ได้ยื่นข้อเสนอมูลค่า 44,600 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการยาฮู อิงค์ บริษัทอินเทอร์เน็ตแถวหน้าของโลก พร้อมระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเห็นว่า มี "ผู้เล่นรายเดียว" กำลังมีอิทธิพลต่อตลาดโฆษณาออนไลน์ที่กำลังเฟื่องฟูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบ่งชี้เป็นนัยถึง กูเกิล ผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต



 


บริษัทซอฟต์แวร์สหรัฐรายนี้ กล่าวด้วยว่า การได้ยาฮู ซึ่งกำลังประสบปัญหาในการดำเนินกิจการ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท จะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดดังกล่าวได้ดีมากขึ้น โดยไมโครซอฟท์ประเมินว่า ยอดขายโฆษณาออนไลน์จะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า จากระดับ 40,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2550 ไปอยู่เกือบ 80,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2553


 



การเข้าถือครองกิจการยาฮู ยังจะช่วยให้ไมโครซอฟท์ มีบริการค้นหาข้อมูลที่จะไปแข่งขันกับกูเกิล แบรนด์ยอดนิยม และเป็นที่รู้จักมากที่สุดรายหนึ่งในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งการรวมกิจการ 2 บริษัทเข้าด้วยกันนี้ ยังจะทำให้ประหยัดต้นทุนได้มากถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์


 



ในจดหมายที่ส่งถึงคณะผู้บริหารยาฮู ลงวันที่ 31 มี.ค.นั้น ไมโครซอฟท์ได้อ้างถึงเหตุการณ์ที่เคยโดนยาฮูบอกปัดการทาบทามซื้อกิจการเมื่อเดือน ก.พ. 2550 และว่าได้เสนอซื้อกิจการในราคาหุ้นละ 31 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นราคาสูงกว่าราคาหุ้นยาฮูปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (31 มี.ค.) ถึง 62%


 



การเคลื่อนไหวข้างต้นเกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังยาฮู ประกาศปลดพนักงาน 1,000 ตำแหน่ง ส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปรับโครงสร้างบริษัท จากปัญหารายได้ซบเซา และมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่นายเทอร์รี่ ซีเมล หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหาร


 


บึ้มครั้งใหญ่กลางตลาดในแบกแดด ปชช.ตายร่วม70/คนเจ็บพุ่งกว่า100


ผู้จัดการรายวัน : เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายกลางตลาดอัลกอซิลซึ่งเป็นแหล่งขายสัตว์เลี้ยง ตั้งอยู่ใจกลางกรุงแบกแดด ในช่วงสายเมื่อวันศุกร์(1) ไม่นานหลังจากนั้น ก็เกิดเหตุระเบิดในตลาดขายนกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงแบกแดด


 


ในช่วงแรก ตำรวจกล่าวว่า ที่ตลาดอัลกอซิล คนร้ายซุกซ่อนระเบิดในกล่องกระดาษแข็ง อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นตำรวจก็กล่าวว่าเหตุร้ายดังกล่าวเป็นฝีมือของหญิงคนหนึ่งที่กดระเบิดเข็มขัดที่บรรจุวัตถุระเบิด ฆ่าตัวตายใกล้ๆกับแผงขายนก


 


ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ศีรษะของมือระเบิดฆ่าตัวตายจมกองเลือด ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าเก็บศพผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินส่วนตัวของเหยื่อระเบิด ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล 5 แห่ง ทั่วกรุงแบกแดด


 


ขณะที่พลตรีกอสซิม มูสซาวี โฆษกกองทัพอิรักในแบกแดด กล่าวว่าเหตุระเบิดทั้ง 2 จุด เป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตาย


 


ทางด้านเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่โรงพยาบาลอัลกินดี กล่าวว่าโรงพยาบาลรับศพผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 34 ศพ หลายศพแหลกเละเหลือเพียงแค่ชิ้นเนื้อเท่านั้น


 


เหตุระเบิดที่ตลาดอัลกอซิลคร่าชีวิตประชาชนไป 46 คน บาดเจ็บ 82 คน ขณะที่เหตุระเบิดที่ตลาดทางตอนใต้ของกรุงแบกแดด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 18 คน บาดเจ็บ 25 คน


 


เจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทยและกลาโหมอิรักกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในตลาด 2 แห่งนี้ อย่างน้อย 64 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 107 คน


 


เหตุระเบิดครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่เลวร้ายสุด นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดรถบรรทุกน้ำมันในกรุงแบกแดด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 50 คน อีกทั้งยังสร้างผลกระทบทางจิตวิทยาอย่างใหญ่หลวงต่อชาวอิรักที่เริ่มกลับมาเดินตามท้องถนนในกรุงแบกแดดได้อีกครั้ง หลังจากที่ทางการใช้มาตรการกวาดล้างปราบปรามกลุ่มอิสลามิสต์อย่างหนัก


 


เหตุร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่เจ้าหน้าที่อิรักแถลงว่ายอดพลเรือนที่เสียชีวิตจากทุกพื้นที่ทั่วอิรักในเดือนมกราคม ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 23 เดือน ทั้งนี้ ตัวเลขจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ชี้ว่ายอดรวมชาวอิรักที่เสียชีวิตในเดือนมกราคม อยู่ที่ 541 คน ลดลงจากเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ที่มีชาวอิรักเสียชีวิตทั้งสิ้น 568 คน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net