Skip to main content
sharethis

  






การเมือง - สังคม


 


ผบ.ทบ.-ผบ.ตร.พบนายกฯคาดถกรับมือพันธมิตรบุกทำเนียบ


เว็บไซต์เดลินิวส์ - 18 มิ.ย. เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งคาดว่าจะหารือเพื่อรับมือกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะใช้กลยุทธ์ดาวกระจายบุกทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์นี้


 


 


ผบ.ตร.ยันกั้นม็อบบุกทำเนียบฯทุกเส้นทาง


เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 18 มิ.ย. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) เป็นประธานประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รอง ผบ.ตร. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆที่ได้รับความเดือดร้อน



         


ประกอบด้วย ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1,2,7 ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และตัวแทนหน่วยงานสำคัญ



         


หารือวางมาตรการร่วมกันพร้อมประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวแบบวันต่อวัน วิเคราะห์แก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯที่ผ่านมา รับฟังรายงานสรุปการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่รับผิดชอบ และติดตามตรวจสอบการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคดีที่มีประชาชนผู้เดือดร้อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่ปักหลักปิดการจราจรสร้างความเดือดร้อนให้คนทุกสาขาอาชีพโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง



         


ก่อนการหารือ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. รายงานสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปักหลักบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ในคืนวันที่ 17 มิ.ย.เวลา 21.00 น. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 18 มิ.ย.ว่า มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมประมาณ 1,500 คน ไม่มีกลุ่มต่อต้านเหตุการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศนั้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยกำลังตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เหตุการณ์ปกติไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นสถานการณ์คลี่คลายได้ด้วยดี



         


พล.ต.อ.พัชรวาท เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมซึ่งดำเนินไปอย่างเคร่งครียดนานกว่า 2 ชั่วโมงว่าตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิย.นี้อย่างแน่นอน และหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้แผนดาวกระจายในการเคลื่อนขบวน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้แผนดาวกระจายในการรับมือเช่นกัน



          


พร้อมกันนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รับมือแล้วในการสกัดกั้นอย่างเต็มที่โดยใช้กำลังที่มีทั้งหมดจาก บช.น. ตชด. ตำรวจภูธรภาค 1,2,7 รวม 3,000 นาย และกำลังเสริม ณ ที่ตั้งอีกจำนวนหนึ่ง แต่เน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงการปะทะการใช้ความรุนแรง ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีนโยบายการสะลายการชุมนุมแต่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุด ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ นั้นตอนนี้ไม่ได้สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษในการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมได้แต่ย้ำให้ตำรวจใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุดเท่านั้น


 



วอร์รูม พปช.เตือน"จำลอง"จะพาคนไปตายรอบ 2 ประกาศขู่ ใช้ทุกวิถีทาง หยุดพันธมิตรฯ


เว็บไซต์แนวหน้า - ที่รัฐสภา คณะทำงานติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของพรรคพลังประชาชน นำโดย นายสุนัย จุลพงศธร  ส.ส.สัดส่วน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามพร้อมด้วย และนายจตุพร พรหมพันธุ์  ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน แถลงถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯประกาศบุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิ.ย.โดยนายสุทินกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯใช้ชาวบ้านเป็นเหยื่อของสถานการณ์ โดยยอมให้มีการเลือดตกยางออกสัก 2-3 คนแล้วก็ใช้เป็นเงื่อนไขในการขยายผลต่อ คำพูดที่เคยพูดกันว่าพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ พาคนไปตายนั้น วันนี้ก็อาจจะมีการนำวิธีการดังกล่าวกลับมาใช้อีก



         


ด้านนายจตุพร กล่าวว่า การประกาศจุดแตกหักของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 20 มิ.ย.นั้น ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯใช้วิธีการซักซ้อมโดยเคลื่อนไหวไปจุดต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล หากกลุ่มพันธมิตรฯใช้วิธีการให้ประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯมาชุมนุมกันโดยต่างคนต่างมา ระดมกันมา แล้วจากนั้นไปรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะไหลไปรวมกันที่สะพานมัฆวาน เท่ากับเป็นการทะลายด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สะพานมัฆวานทันทีอย่างง่ายดาย



         


นายจตุพร กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯดำเนินการดังกล่าวได้โดยง่าย รัฐบาลจะป้องกันทำเนียบฯเอาไว้ไม่ได้ และจะทำให้ไม่สามารถบริหารงานต่อไปได้ เท่ากับเป็นจุดจบของรับบาลที่มาจากประชาธิปไตย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้คนที่มาร่วมชุมนุมน้อยลงทุกวัน การที่จะเพิ่มจำนวนผู้มาชุมนุมได้ก็คือการปะทะ ซึ่งตนมองว่ากระบวนการต่างๆของกลุ่มพันธมิตรฯน่าจะเริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 19 มิ.ย.ด้วยซ้ำ



         


"เราคงไม่เรียกร้องไปที่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ขอเรียกร้องไปที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากปล่อยให้ปิดทำเนียบฯได้ นั่นคือจุดจบของรัฐบาลทันที จึงต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้ง ที่ผ่านมาเราถอยสุดซอยแล้ว แต่การยึดทำเนียบรัฐบาลรัฐบาลจะยอมไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นจุดจบของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทันที" นายจตุพร กล่าว



         


ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ระบุว่าเป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรคือต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่การประกาศใช้ทุกวิถีทางหยุดกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นการเข้าทางกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า เป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรฯคือ ต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งที่สะพานมัฆวานนั้นไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ดำเนินการอย่างรุนแรงเกิดขึ้น มีเพียงการไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เป้าประสงค์ของกลุ่มพันธมิตรฯคือต้องการให้แตกหัก รัฐบาลจึงไม่มีทางอื่น แต่แน่นอนว่าจะต้องลดการปะทะในทุกวิถีทางด้วยเช่นกัน



         


ขณะที่นายสุนัย กล่าวว่า รัฐบาลอดทนมามากแล้ว ถ้าหากกลุ่มพันธมิตรฯอยู่ที่สะพานมัฆวานก็จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่การที่ออกมาบอกว่าจะบุกทำเนียบฯถือเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงขึ้น


 


พปช. จวก "หมอประเวศ" สร้างวัฒนธรรมที่ผิด 3 ประการ


เว็บไซต์แนวหน้า - นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เขียนบทความชื่อ ถอนเสี้ยนออกจากเนื้อ เพื่อสมานฉันท์ได้ โดยเปรียบวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยเหมือน เนื้อที่มีเสี้ยนตำอยู่ ทำให้สมานกันไม่ได้ ซึ่งมีใจความสรุปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นภัยต่อชาติและสถาบัน ต้องยุติบทบาทว่า มองแล้วอาจดูเหมือนเป็นเจตนาดีต่อบ้านเมือง แต่เป็นการมองสังคมหรือวิเคราะห์กันคนละมิติ มองเพียงแค่ตัวบุคคล ไม่ได้มองเชิงระบบ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะการมองว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวปัญหานั้นเป็นสิ่งที่ผิด นอกจากนี้ การกระทำของนพ.ประเวศยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ผิด 3 ประการขึ้นอีกด้วย คือ 1.วัฒนธรรมที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง เป็นการทำลายวัฒนธรรมประชาธิปไตย 2.วัฒนธรรมละเมิดสิทธิพลเมือง และ3.วัฒนธรรมกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย


 


"ดูเหมือนหมอประเวศจะให้น้ำหนักไปที่กลุ่มพันธมิตรฯให้มาอยู่เหนือเชิงระบบ ซึ่งการเรียกให้ฝ่ายหนึ่งถอยเพราะมีกลุ่มหนึ่งมากดดันนั้น ผมไม่เชื่อว่าคนที่ออกมาเรียกร้องกดดันหรือเดินขบวนได้จะทำเป็นแค่ 5 คนเท่านั้น หากหมด 5 คนนี้ไปก็ยังมีคนอื่นที่มาเดินขบวนกดดันได้อีก ตรงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีต้นทุนทางสังคม อยากจะให้ใช้ต้นทุนทางสังคมที่มี โดยมองให้ออก ให้ถ่องแท้ และมองในระยะไกล ปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ในเชิงความคิด เป็นผู้ใหญ่แค่อายุ ผมไม่ได้หมายความเฉพาะแค่หมอประเวศ แต่รวมถึงผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคนอื่นๆด้วย เช่น ท่านอานันท์ (ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี)" นายสุทิน กล่าว


 


61 สว. เตรียมเข้าชื่อยื่น ป.ป.ช. เอาผิด รบ.เลี่ยงตอบญัตติ ผิดอาญา มาตรา 157


เว็บไซต์แนวหน้า - สำหรับความเคลื่อนไหวของ 61 ส.ว. หลังจากทราบชัดเจนว่า ครม.จะไม่มาตอบญัตติ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา หนึ่งใน 61 ส.ว.ที่ลงชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล กล่าวว่า จะทราบความชัดเจนในวัน พฤหัสบดี ที่ 19 มิ.ย.นี้แน่นอน ว่าส.ว.จะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ตนอยากเรียกร้องให้ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลให้ร่วมลงชื่อเสนอเปิดการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วย



         


รายงานข่าวจากกลุ่มแกนนำ 61 ส.ว. แจ้งว่า การหารือในวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 17.00 น. ที่โรงแรมปริ๊นเซสหลานหลวง และจะมีการแถลงเวลา 18.30 น. ประเด็นที่จะมีการหารือ คือ เมื่อรัฐบาลแจ้งว่า จะไม่มาตอบญัตติในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 23 มิถุนายน แล้วจะทำอย่างไร จะให้อภิปรายโดยไม่มีรัฐบาลมาตอบหรือไม่ เบื้องต้น ส.ว.หลายคนเห็นว่า อภิปรายไม่ได้ เพราะไม่ครบองค์ประกอบตามมาตรา 161 และอภิปรายไปก็ไม่ได้ประโยชน์ จึงอาจไม่มีการอภิปรายรัฐบาลในการประชุมวุฒิสภาวันดังกล่าว นอกจากนี้ แกนนำกลุ่มยังเห็นว่า การที่รัฐบาลหลีกเลี่ยงที่จะมาตอบทั้งญัตติอภิปรายทั่วไปของส.ว. และญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของส.ส. ถือเป็นการกระทำส่อว่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 270 และ อาจเข้าข่ายผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงอาจพิจารณา เข้าชื่อยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ในประเด็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนเรื่องการถอดถอนเป็นอำนาจหน้าที่ของส.ส. ส่วนทางเลือกอีกทางหนึ่งคือ การเข้าชื่อกับส.ส. 1 ใน 3 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 คือ 207 คน เพื่อขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอีกครั้งหลังวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งเริ่มมีการต่อสายหารือระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับส.ว.บางส่วนแล้ว ซึ่งขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์มี 164 เสียงขาดเพียง 43 เสียง


 


มิ่งขวัญ ยัน ไม่ลาออก


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายมิ่งขวัญ แสงุสวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่า เร็ว ๆ นี้เตรียมลาออกจากการร่วมรัฐบาล โดยยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ลาออกเด็ดขาด  เพราะเห็นว่ายังสามารถทำงานให้กับประเทศชาติในหลายเรื่อง จึงจะขอทำงานต่อไป และไม่อยากพูดมากไปกว่านี้


 


ขอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนพดลชี้แผนที่ไม่มีส่วนล้ำไทย


เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 18 มิถุนายน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กว่า 1,000 คน  พร้อมรถขยายเสียง เดินทางไปที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกล่าวโจมตี นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ว่า นายนพดลปกป้องการเมืองกัมพูชามากจนเกินไป จนละเลยการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรได้ยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ปราสาทเขาพระวิหาร ที่จะไปจดทะเบียนเป็นมรดกโลก



         


กระทั่งเวลา 14.00 น. นายนพดล พร้อมด้วย นายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายกฤช ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร ให้การต้อนรับนาย อึง เซียน เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ในการลงนามร่วมระหว่างนายนพดล กับ นายสก อาน รองนายกฯ และรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก



         


จากนั้น นายนพดลและคณะร่วมกันแถลงข่าว โดยนายนพดล แถลงว่า สืบเนื่องจากการสับสนข้อมูลการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร โดยเมื่อปี 2549-2550 กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทและพื้นที่ทับซ้อน ล้ำเข้าพื้นที่ไทย 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานรัฐได้คัดค้านเรื่องนี้ต่อเนื่อง จนกระทั่งการพิจารณาของยูเนสโก ครั้งที่ 31 ณ เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550  จึงเลื่อนเรื่องนี้มาพิจารณาในปีนี้ คือ การประชุมยูเนสโก ครั้งที่ 32 ณ เมืองควิเบก แคนาดา ในวันที่ 2-10 กรกฎาคม 2551 หากเวลาล่วงพ้นและไทยปล่อยให้ช้าไป ไทยจะสุ่มเสี่ยงที่อาจถูกมองว่า เสียดินแดนในส่วนที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน  ตนได้เจรจากับนายสก อาน ณ เกาะกงและไปเจรจากันที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส วันที่ 22-23 พฤษภาคม ด้วยความยากลำบากและสุดท้ายกัมพูชาตกลงจำกัดการขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท   ผลคือไทยไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเสียดินแดนใดๆ ในพื้นที่ทับซ้อน


 



พงษ์เทพ เชื่อ แม้ว แค่หยอกบอก 2 ก.ค.จะดีขึ้น


เว็บไซต์เดลินิวส์ -  18 มิ.ย. นายพงศ์เทพ  เทพกาญนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเรื่องวันที 2 ก.ค.ว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคงเห็นว่าสื่อมวลชนชอบลงข่าวเรื่องดวงดาวมากๆ ท่านคงกระเซ้าเล่น ส่วนที่มีบางฝ่ายนำเรื่องดังกล่าวไปตีความว่าเกี่ยวข้องกับอายุของ คตส.หรือคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช นั้น คงไม่ใช่ เพียงแต่ช่วงนี้สื่อนำเรื่องโหราศาสตร์มานำเสนอบ่อยๆ เมื่อมีโหราศาสตร์พูดถึงท่านก็นำมาเล่าคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ



         


ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิ.ย.นั้น นายพงษ์เทพ กล่าวว่า พันธมิตรจะชุมนุมคงไม่เกี่ยวข้องกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูด เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมีผลกระทบต่อประเทศไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจของไทยหรือไม่เรื่องสื่อคงต้องดูเอง


 


"ทักษิณ"ยังไม่ทราบ รัฐสภาอังกฤษเรียกสอบ ฐานบริหารแมนซิตี้ฯไม่เหมาะสม


เว็บไซต์แนวหน้า -  น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์ โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ กล่าวกรณีรัฐสภาประเทศอังกฤษ เตรียมเชิญตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไปชี้แจง กรณีบริหารสโมสรไม่เหมาะสมว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ เพียงแต่ทราบเป็นข่าวมาว่า รัฐสภาอังกฤษอาจจะเชิญตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไปชี้แจง ซึ่งเท่าที่ดูข่าวเพิ่งจะมีข่าวออกมาเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. จึงเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะตนยังไม่เจอพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันนี้เลย เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่น่าจะมีเรื่องร้ายแรงอะไร เพราะทราบข่าวว่ารัฐสภาอังกฤษเชิญตัวชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลรายอื่นไปชี้แจงด้วย ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว


 


ส่วนประเด็นเหตุผลการเชิญตัวของรัฐสภาอังกฤษที่ระบุว่า มีแฟนฟุตบอลไปร้องเรียนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ปลด นายสเวน โกรัน อีริกส์สัน ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมอย่างไม่เป็นธรรมนั้น โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตรงนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด จึงไม่แน่ใจว่า จะเป็นเหตุผลดังกล่าวจริงหรือไม่ และเห็นว่า เรื่องนี้ควรสอบถามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะกรรมการบริหารโดยตรง ซึ่งน่าจะรู้เรื่องมากกว่า


 


 






เศรษฐกิจ


 


ยื่นค้านขึ้นค่าแท็กซี่-เรือ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ เปิดเผยภายหลังการยื่นหนังสือต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อคัดค้านการปรับขึ้นค่าโดยสารทั้งเรือโดยสาร รถแท็กซี่ โดยระบุว่า เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่า ผู้ประกอบการเรือโดยสารประสบปัญหาขาดทุนอย่างแท้จริงและยังมีกำไรจากการดำเนินกิจการมาก จึงขอยื่นหนังสือคัดค้านในประเด็นดังกล่าว



ส่วนค่าโดยสารรถแท็กซี่ เห็นว่าภาครัฐยังมีการบริหารจัดการที่ไม่ดีพอปล่อยให้มีการจดทะเบียนแท็กซี่โดยอิสระ ไม่มีการจำกัดจำนวนรถแท็กซี่ทำให้มีรถแท็กซี่เกินความต้องการของผู้โดยสารสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญยังขยายระยะเวลาอายุรถแท็กซี่ให้มากถึง 12 ปี และรถส่วนใหญ่ที่หมดอายุแล้วก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่งแต่กลับนำไปวิ่งให้บริการย่านชานเมืองทำให้มีรถแท็กซี่เก่าหมดสภาพมากกว่า 40,000 คัน ออกวิ่งให้บริการบนท้องถนน จึงขอให้กระทรวงคมนาคม เร่งแก้ปัญหาด้วยการควบคุมปริมาณจำนวนแท็กซี่และให้เจ้าของสถานประกอบการรถแท็กซี่ลดค่าเช่ารายวันให้กับคนขับ เพราะค่าเช่าในแต่ละวันถือเป็นต้นทุนที่สำคัญของคนขับรถแท็กซี่


 


สพฐ.วางกรอบเก็บค่าใช้จ่ายนอกหลักสูตร


เดลินิวส์ - คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยเงินบำรุงการศึกษา โดยในส่วนของหลักเกณฑ์การจัดเก็บค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มอบให้ต้นสังกัดเป็นผู้กำหนดนั้น สพฐ.จะมีการกำหนดให้ชัดเจนว่าการจัดการศึกษาเรื่องใดอยู่ในหลักสูตรหรืออยู่นอกหลักสูตรบ้าง เนื่องจากเรื่องที่อยู่ในหลักสูตรโรงเรียนไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองได้ ขณะที่เรื่องที่อยู่นอกหลักสูตรจะสามารถเรียกเก็บได้ ทั้งนี้การจัดการศึกษาที่ถือว่าเป็นการจัดนอกหลักสูตรนั้น ได้แก่ การสอนเนื้อหาที่มากกว่าที่กำหนดไว้ในหลักสูตรพื้นฐาน, รูปแบบการจัดเรียนการสอนก็ต้องแตกต่างไปจากการเรียนการสอนปกติ เช่น English Program (EP) หรือ การจัดการเรียนการสอนนอกเวลาปกติ


         


เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ซึ่งการสอนในช่วงเวลาปกติจะสามารถเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองได้หรือไม่ต้องดูที่หลักเกณฑ์การจัดสอนคอมพิวเตอร์ตามที่รัฐกำหนดให้ใช้ 1 เครื่องต่อ 20 คนนั้น หากผู้ปกครองเห็นว่าเด็กจะไม่ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ และยินยอมหรือสมัครใจให้โรงเรียนจัดเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาบุตรหลานของตนเอง โรงเรียนก็สามารถเรียกเก็บค่าเรียนคอมพิวเตอร์ได้ แต่หากผู้ปกครองไม่สมัครใจก็ไม่สามารถเรียกเก็บได้ แต่โรงเรียนจะต้องจัดให้นักเรียนกลุ่มนี้เข้าถึงและมีโอกาสเรียนคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมงด้วย ส่วนเรื่องการสอนภาษาโดยครูต่างชาติก็ต้องพิจารณาในลักษณะเดียวกับการเรียนคอมพิวเตอร์


         


นางผานิตย์ มีสุนทร ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ สพฐ. กล่าวว่า การจัดทำร่างประกาศฯ นี้ครอบคลุมปีการศึกษา 2551 ซึ่งส่งผลให้ผู้ปกครองที่เป็นข้าราชการสามารถเบิกย้อนหลังได้ แต่เรื่องนี้ก็ต้องรอหนังสือยืนยันจากกรมบัญชีกลางก่อน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับการจัดทำร่างประกาศฯดังกล่าวจะเป็นเหมือนดาบสองคม เพราะหากประกาศใช้แล้วโรงเรียนจะสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ปกครองได้ ในขณะที่รัฐบาลประกาศว่าเรียนฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


 


 






ต่างประเทศ


 


โอบามาเตรียมเยือนอิรัก-อัฟกาฯก่อนเลือกตั้ง


เดลินิวส์ - นายบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต เผยแผนการเดินทางเยือนอิรักและอัฟกานิสถานก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่ อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ แสดงตัวสนับสนุนนายโอบามาอย่างเต็มที่


         


ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกโอบามา เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาสนใจที่จะเดินทางเยือนอิรักและอัฟกานิสถานก่อนการเลือกตั้ง หลังจากถูกสบประมาทจากนายจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ว่าเคยเดินทางเยือนอิรักเพียงครั้งเดียวในเดือน ม.ค. 2549


         


ส่วนวุฒิสมาชิกแมคเคน ซึ่งเดินทางเยือน อิรักถึง 8 ครั้ง กล่าวว่า เขาไม่สงสัยเลยว่า การเพิ่มกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติภารกิจในอิรัก กำลังประสบความสำเร็จ และแผนการของนายโอบามาที่จะถอนทหารในสมรภูมิรบส่วนใหญ่ออกจากอิรักนั้น จะจุดชนวนให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ "ผมเชื่อว่าเราอยู่บนเส้นทางไปสู่ชัยชนะและว่าชัยชนะหมายความว่าชาวอเมริกันได้กลับบ้าน แต่พวกเขากลับบ้านด้วยเกียรติในชัยชนะ ไม่ใช่ความพ่าย แพ้" นายแมคเคนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในรัฐเวอร์จิเนีย


         


นายโอบามา ซึ่งโจมตีการเดินทางเยือนอิรักของนายแมคเคนว่าเป็นการสร้างภาพ กล่าวแย้งว่า แนวหน้าที่แท้จริงในการทำสงครามกับลัทธิก่อการร้าย คืออัฟกานิสถานและว่าความเกี่ยวข้องของสหรัฐในอิรักเป็นภัยพิบัติทางการทูตและการเงิน


         


นอกจากนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นระบุว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลมากขึ้นกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าปัญหาในอิรัก เพราะชาวอเมริกันเพิ่งจะซวนเซจากการยึดสังหาริมทรัพย์ที่จำนองไว้ การว่างงานและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพง ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังอยู่ในขณะนี้


         


ด้านนายอัล กอร์ รองประธานาธิบดีสห รัฐและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ออกมาให้การสนับสนุนนายโอบามาอย่างเต็มที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และรับปากจะช่วยให้ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคนนี้ได้ตำแหน่งประธานาธิบดีที่เขาเคยพลาดหวังมาก่อน โดยกล่าวว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ สหรัฐไม่สามารถที่จะจมอยู่กับนโยบายต่าง ๆ เหมือนเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาได้อีกแล้ว นายกอร์กล่าวระหว่างการรณรงค์หาเสียงร่วมกับนายโอบามาในรัฐมิชิแกน ว่า สำหรับอเมริกาที่นำโลกผ่านอันตรายและโอกาสที่อยู่ตรงหน้า สหรัฐต้องมีผู้นำคนใหม่ นายโอบามาเป็นคนที่สามารถเชื่อมทั้ง 2 ฝ่ายในการช่วยแก้ปัญหาของประเทศได้


 


ศาลสูงสุดแดนอิเหนาถึงคิวโดนสอบทุจริต


ผู้จัดการรายวัน - ศาลสูงสุดแห่งอินโดนีเซียตกเป็นสถาบันล่าสุดที่ถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก ภายใต้มาตรการปราบปรามการคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งเคยเปิดโปงวงจรอุบาทว์ดังกล่าวภายในสำนักงานอัยการสูงสุดและกรมศุลกากรมาแล้วก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เผยในวันพุธ (18)


         


เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (16) พนักงานสอบสวนจากคณะกรรมการปราบปรามการคอร์รัปชั่นแห่งอินโดนีเซีย (เคพีเค) ได้ยึดเอกสารหลายฉบับจากศาลสูงสุด เพื่อค้นหาพยานหลักฐานการยักยอกเงินค่าธรรมเนียมศาล โยฮัน บูดี โฆษกเคพีเคแถลง


         


"เราเตรียมจะตรวจสอบบัญชีธนาคารของศาลแห่งนี้หลายบัญชี รวมถึงบัญชีที่ใช้ชื่อบากีร์ มานัน ประธานศาลสูงสุดด้วย" ฮาร์โยโน อูมาร์ รองประธานเคพีเค แผนกป้องกันและปราบปรามกล่าว


         


เรื่องอื้อฉาวคราวนี้ เกิดขึ้นภายหลังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพบความผิดปกติในระบบการเก็บค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งเป็นค่าบริการที่เรียกเก็บจากผู้มาติดต่อธุระที่ศาล จำนวนราว 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13 ล้านบาท) ตลอดช่วง 15 เดือนก่อนหน้าเดือนมีนาคมปีนี้


         


ด้านศาลสูงสุดก็ปฏิเสธที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจสอบรายได้จากค่าธรรมเนียมศาล โดยอ้างว่า เงินเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบภาษีอากร


         


การสอบสวนครั้งนี้ นับเป็นกรณีล่าสุดในบรรดาสถาบันสำคัญต่าง ๆ ที่ถูกตรวจสอบคดีทุจริตจากคณะกรรมการปราบปรามการคอร์รัปชั่น ซึ่งก่อตั้งขึ้นภายหลังการล่มสลายของระบอบการคอร์รัปชั่นของซูฮาร์โตเมื่อปลายศตวรรษที่ 1990


 


เศรษฐกิจโลกทรุด ทำก่อการร้ายพุ่งสูง


เดลินิวส์ - รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซีย เป็นห่วงการก่อการร้ายและการค้ามนุษย์พุ่ง อันเนื่องมาจากพิษเศรษฐกิจโลกซบเซาจากปัญหาราคาน้ำมันและอาหารแพง ส่วนสหรัฐขึ้นบัญชีดำกลุ่มหัวรุนแรงในฟิลิปปินส์ เป็นกลุ่มก่อการร้าย


         


นายไซเอด ฮามิด อัลบาร์ รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ลัทธิก่อการร้ายและการค้ามนุษย์ จะพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งเกิดจากราคาอาหารและน้ำมันแพง โดยนายไซเอด ฮามิด ซึ่งดูแลด้านความมั่นคงภายใน กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากจะเป็นสาเหตุให้เกิดความยากลำบากในกลุ่มประเทศยากจนของเอเชีย เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจย่ำแย่ มันก็จะไปเพิ่มปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรข้ามชาติ เช่นการก่อการร้าย การค้ามนุษย์และการฟอกเงิน


         


"หากสถานการณ์เศรษฐกิจเลวร้ายลง ประชาชนจะมองหาทางเลือกอื่นเพื่อมีชีวิตอยู่" เขากล่าวในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจาก สมาคมประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน 10 ชาติ


         


ในขณะที่ วันพุธนี้ (18 มิ.ย.) พวกเขาจะเข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีด้านความมั่นคงจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย และนิวซีแลนด์ นายไซเอดกล่าวว่า ที่ประชุมจะพยายามหาวิธีการส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข่าวกรองเพื่อหยุดยั้งอาชญากรรมข้ามชายแดน ซึ่งรวมทั้งการค้ามนุษย์ด้วย ซึ่งเขากล่าวว่า กลายเป็นธุรกิจที่สร้างปัญหาและทำกำไรอย่างงดงาม


         


ส่วนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐขึ้นบัญชีดำกระบวนการราจาห์ โสไลมาน หรืออาร์เอสเอ็ม ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในฟิลิปปินส์ รวมทั้งนายอาหมัด ซานโตส หัวหน้ากลุ่มและสมาชิก อาร์เอสเอ็มอีก 8 คน เป็นกลุ่มก่อการร้ายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนายซานโตส ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลอบวางระเบิดโจมตีพลเรือนชาวฟิลิปปินส์และชาวต่างชาติอื่น ๆ ตั้งกลุ่มอาร์เอสเอ็มขึ้นในเดือน ม.ค. 2545 นอกจากนี้ ยังสะสมอาวุธเพื่อใช้ในปฏิบัติการของพวกเขาด้วย


 


ศาลสูงมาเลย์ให้อันวาร์สู้คดีถูกปลด


เดลินิวส์ - ศาลสูงสุดมาเลเซียมีมติเปิดโอกาสให้นายอันวาร์ ยื่นเรื่องร้องคัดค้านการปลดเขาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปี 2541


         


ศาลฎีกาของมาเลเซีย อนุญาตให้นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ยื่นคำร้องคัดค้านการปลดเขาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปี 2541 ได้ นับเป็นการตัดสินใจที่สร้างความประหลาดใจอย่างมาก ซึ่งทนายความของนายอันวาร์ระบุเมื่อวันอังคารว่า เป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก ทั้งนี้ ผู้พิพากษาของศาลสูง 3 คน มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า นายอันวาร์จะได้รับอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลก่อนหน้านี้ ที่ปลดเขาออกจากตำแหน่ง เพื่อเป็นการยืนยันว่า ดร.มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ปลดเขาออกจากตำแหน่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


         


นายอันวาร์ ซึ่งขณะนี้ เป็นผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในปี 2541 หลังจากขัดแย้งกับ ดร.มหาเธร์ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปตามที่มีการคาดการณ์กันไว้อย่างกว้างขวางในขณะนั้น เขาต้องปิดฉากชีวิตการเมืองอยู่ในคุก ในข้อหาคอร์รัปชั่นและรักร่วมเพศ ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นข้อหาที่ถูกกุขึ้น


          


ในการยื่นฟ้องสู้คดีหลังจากถูกปลด นายอันวาร์เรียกร้องขอคืนตำแหน่ง โดยอ้างว่า ดร.มหาเธร์ ดำเนินการขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ เมื่อเขาดำเนินการเองแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชาธิบดี ซึ่งเป็นผู้ปกครองประเทศโดยตำแหน่ง แต่ศาลสูงและศาลอุทธรณ์ก็ปฏิเสธคำร้องของเขา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net