Skip to main content
sharethis

จำลองแจงปรับพื้นที่ชุมนุม เตรียมวางเครื่องซักผ้าเพิ่ม 5 เครื่อง


สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น เมื่อวันที่ 16 ก.ย. เวลาประมาณ 21.18 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เห็นได้ชัดว่าที่หน้าเวทีแห่งนี้ได้มีอาคารโครงเหล็กถาวร สำหรับที่จะมานั่งชุมนุม ฟังคำปราศรัย ฟังดนตรี ฟังสิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระ ซึ่งทำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว และคงที คนถามว่าแล้วต่อไปจะอะไรอีกไหม ทางแกนนำได้เห็นถึงความไม่มีเวลาของผู้ชุมนุม จึงมีมติที่จะนำเครื่องซักผ้าอัตโนมัติขนาดใหญ่ 5 เครื่อง มาติดตั้งที่นี่ เนื่องจากผู้ชุมนุมที่มาปรากฏกายที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผลดีเกิดขึ้นมากมายตามมา


 


พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ขณะที่หลายคนกำลังสนใจเรื่องการเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ ในสองสามวันที่ผ่านมา และอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้พูดไปแล้วเมื่อเช้านี้ จึงขอพูดอีกครั้ง โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราทั้งหมดนั้นเห็นใจว่า สิ่งที่เราชุมนุมได้ผลมาถึงทุกวันนี้ ประเด็นสำคัญที่สุด คือ เรื่องของเอเอสทีวี เพราะเรามีเอเอสทีวีเราจึงอยู่ได้ถึงขณะนี้ อย่างเดือนที่แล้ววันที่ 19 สิงหาคม ที่ตนขออาสาเปิดช่องทางการบริจาคช่วยเอเอสทีวีอีกช่องทางหนึ่ง คือ เปิดตู้ ปณ.100 ไปรษณีย์ราชดำเนิน เพื่อให้พี่น้องที่อยู่ที่นี่ ต่างจังหวัด ต่างประเทศ สามารถที่จะส่งธนานัตรหรือเช็กขีดคร่อมมาที่ตนนั้น ปรากฏว่า คาดไม่ถึงที่ประชาชนบริจาคเข้ามามากมาย เพื่อให้ได้จ่ายให้กับพนักงานเอเอสทีวีได้ตรงเวลาของเดือนสิงหาคม ตอนแรกคาดว่า คงจะได้สัก 3-5 ล้านบาท แต่ตัวเลขที่ได้จริงๆ คือ 13 ล้านกว่าบาท


 


พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า เดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น มีการใช้เงินค่อนข้างมากแล้ว แต่เดือนกันยายนนี้ใช้เงินมากกว่า เนื่องจากได้เปิดการปราศรัยและแสดงดนตรี 2 เวที ซึ่งมีแต่รายจ่ายทั้งนั้น ครั้งที่แล้วประสบความสำเร็จ คือ สามารถจ่ายเงินเดือนให้ชาวเอเอสทีวีก่อนกำหนด 1 วัน ซึ่งตนก็รู้ว่าเงินที่ได้ทั้งหมด 13 กว่าล้านบาทนั้น เป็นเงินที่เกินกว่าเงินเดือนที่จะจ่าย แต่ก็ได้ใช้ทั้งหมดเพราะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เท่าที่จำเป็นต้องใช้


 


 


ขอประชาชนช่วยกันบริจาคเงินเดือนพนักงาน ASTV


"เนื่องจากว่า เรามี 2 เวที ค่าใช้จ่ายจึงมากขึ้น จึงอยากขอให้บริจาคกันอีกสักที แล้วแต่ว่าจะบริจาคเท่าไร บางคนเดือนที่แล้วบริจาคมากเป็นแสนก็ให้ลดลงก็ได้ แต่อย่าให้ขาดหายไป วันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ครึ่งเดือนหลังของเดือนนี้แล้ว จึงอยากให้พนักงานที่ทำงานเกินคนละ 12 ชั่วโมงได้มีกำลังใจ ซึ่งคนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเครื่องมือ" พล.ตจำลองกล่าว


 


ทั้งนี้ พล.ต.จำลองกล่าวว่า สำหรับโครงการที่เปิดให้พี่น้องพันธมิตรฯ สนับสนุนเอเอสทีวีด้วยการสมัครรับข่าวทางโทรศัพท์มือถือเดือนละ 200 บาทนั้น ยังต้องใช้เวลาอีก 2 เดือน จึงจะได้เงินมา ดังนั้น จึงต้องขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ ได้ช่วยเหลือเอเอสทีวีด้วยการบริจาคมาที่ตน ผ่านทางตู้ ปณ.ดังกล่าวไปก่อน เพื่อที่จะได้นำไปมอบให้เอเอสทีวีได้ทันเวลา


 


 


สนธิเผยเขิน "พี่จำลอง" เป็นตัวตั้งตัวตีขอบริจาค ยอมรับอมเลือดจนไม่มีเลือดจะอม


เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีมือง ได้เสนอตัวเป็นตัวตั้งตัวตีในการขอรับบริจาคเงินจากพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อช่วยเหลือพนักงานเอเอสทีวีในเดือนนี้ ว่า รู้สึกเขินที่ต้องทำเรื่องแบบนั้น แต่ยอมรับว่า เวลานี้ได้อมเลือดมานานแล้วจนไม่มีเลือดจให้อมแล้ว


 


พร้อมทั้งเปิดเผยรายจ่ายประจำวันในการถ่ายทอดสด ซึ่ง 80% ของพนักงาน ASTV มาทำงานที่นี่ทั้งสะพานมัฆวาน และทำเนียบรัฐบาล เกือบทั้งร้อยเปอร์เซ็นมารับใช้มวลชนเพื่อที่จะสู้ เพื่อจะกู้ชาติร่วมกันทั้งหมด เฉลี่ยเบ็ดเสร็จค่าใช้จ่าย ทุกอย่างทั้งเงินเดือน ค่าเช่าดาวเทียม ค่าใช้จ่ายในเวที ค่าไฟ ค่าเช่าเครื่องเสียง ทุกอย่างเฉลี่ยแล้ววันละ 1 ล้านบาท เราสู้มา 116 วัน เหมากันง่ายๆ 116 ล้านบาท นั่นก็คือเงินพ่อแม่พี่น้องทั้งนั้นแหละให้รู้ไว้ด้วย


 


จากนั้น นายสนธิ ได้หยิบยกเรื่องวิกฤตการเงินในสหรัฐฯที่กำลังลุกลาม ล่าสุด บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจ รายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯได้เจ๊งไปแล้ว และเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก และขณะเดียวกัน ในเวลานี้ 3 ใน 5 บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นได้เจ๊งไปแล้ว และล่าสุด บริษัท เอไอจี ในอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอไอเอ ก็กำลังจะล้มตาม ต้องขอกู้เงิน 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาอุ้มจึงจะอยู่ได้ และถ้าบริษัท เอไอจี ล้มลง ก็ถือว่ากรณีของบริษัท เลห์แมนฯ เป็นเด็กอนุบาลไปเลย


 


นายสนธิ ได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งมีความพยายามจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะที่ปรึกษาต้องการนำงเงินคลังหลวงที่ค้ำประกันประเทศไทยประมาณ 8 แสนล้านบาท มารวมกันตั้งเป็นกองทุนมั่งคั่งมั่นคง เพื่อไปลงทุนในกองทุนในต่างประเทศ โดยจะไปลงทุนในเลห์แมนฯ แต่โชคดีบริษัทนี้เจ๊งไปก่อน แต่สะท้อนให้เห็นว่าคนพวกนี้คิดเพียงแค่หวังจะได้เงินค่าคอมมิชชันเท่านั้น โดยไม่ได้ดูผลกระทบระยะยาว


 


 


ชี้เศรษฐกิจโลกพัง เป็นสาเหตุต้องสร้าง "การเมืองใหม่" ให้เศรษฐกิจไทยยั่งยืน


นายสนธิ กล่าวว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะต้องสร้างการเมืองใหม่ ซึ่งการเมืองใหม่ไม่ใช่แค่ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงการทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และมองเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องสนับสนุนทุนใหญ่เสมอไป เราอาจถอยมาก้าวหนึ่ง เพื่อสนับสนุนชนชั้นกลางให้สามารถทำธุรกิจได้มากขึ้น ให้มีธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก ดีกว่ามีธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่ราย ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเดียว แต่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรด้วย


 


นายสนธิ ได้เตือนให้เตรียมรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯให้ดี อีกทั้งเตือนว่า ค่าเงินบาทจะต้องอ่อนค่าลงไปอีก ภายในสิ้นปีนี้อาจจะไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ก็ได้ และต่อไปนี้อย่าไปหวังพึ่งรัฐบาล เพราะเวลานี้คนพวกนั้นคิดเพียงแค่หารับประทานอย่างเดียว


 


 


แนะปิดประเทศคุมเงินไหลออก เอาเงินบาทในต่างประเทศมาแลกคืนใน 7 วัน


นายสนธิ กล่าวต่อว่า ความเห็นของตนเองต่อไปนี้ อาจมีเสียงหัวเราะจากหลายคน โดยไปกังวลกับความรู้สึกของฝรั่งนักลงทุนต่างชาติ แต่เพื่อความอยู่รอดของประเทศและความเป็นอยู่ของเรา และลูกหลานเราในอนาคตเราก็จำเป็นต้องทำ โดยเริ่มจากสิ่งแรก คือ ต้องปิดประเทศเพื่อควบคุมการไหลออกของเงิน โดยอาจให้นำเงินบาทที่อยู่ในตลาดต่างประเทศมาแลกคืนภายใน 7 วัน หรือถ้าจะกู้เงินตราต่างประเทศก็ต้องกู้ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้น เพื่อป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทที่กำลังจะตามมาในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้น สิ่งที่ต้องทำอันดับ 2 ต้องยกเลิกโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินโดยไม่จำเป็น เช่นการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน หรือการสร้างรัฐสภาใหม่ เพื่อลดภาระเงินกู้ชดเชยงบประมาณ และอันดับถัดมาต้องส่งเสริมการค้าภายในประเทศ ส่งเสริมกิจการขนาดย่อยและขนาดกลางให้มีจำนวนมาก


 


 


"พิภพ" แปลกใจ "สนธิ" ความคิดตรงกัน พาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจตะวันออก พึ่งตนเอง


และเวลาประมาณ 22.10 น. วันที่ 16 ก.ย. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีปราศรัย บริเวณทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ตนรู้สึกแปลกใจที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งเคยทำมาหากินอยู่ในระบบทุนนิยมมาโดยตลอด สิ่งที่คุณสนธิพูดเป็นความคิดของตะวันออก ขณะที่ประเทศไทยใช้ความคิดเดินตามตะวันตกมานาน เข้าไปผูกพันหมดกับตะวันตก เข้าไปผูกกับสถาบันการเงินของตะวันตก เข้าไปผูกพันกับการส่งออกการผลิตเพื่อป้อนไปสู่ตะวันตกหมด โดยลืมเรื่องการพึ่งพาตนเอง


 


ไหนๆ เราจะทำการเมืองใหม่ การเมืองใหม่ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนการเข้าสู่ระบบอำนาจในการบริหารจัดการบ้านเมือง ที่เถียงกันเรื่อง 30: 70 50: 50 60: 40 แล้วเถียงเรื่องจะเลือกตั้งโดยตรงแบบเก่าแค่ไหนอย่างไร กลุ่มสาขาอาชีพเข้าไปสู่ระบอบการเมืองรัฐสภาอย่างไร


 


มีครูบาอาจารย์ที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ ม.มหิดล เสนอให้มี 3 สภาเลย คือสถาผู้แทนราษฎรแบบเดิม วุฒิสมาชิกแบบเดิม และให้มีสภาประชาชนตามการเมืองใหม่โดยสัดส่วนเท่ากับ ส.ส. และมีสิทธิเลือกและปลดนายกรัฐมนตรีได้เป็น 3 สภาเลยครับพ่อแม่พี่น้อง และสภาประชาชนมาจากทุกสาขาอาชีพ จะใช้วิธีการเลือกตั้งกันเอง หรือมาจากการเลือกตั้งโดยตรงให้ประชาชนเลือกก็ได้ แต่ต้องมีฐานะ ศักดิ์ศรี และบทบาทหน้าที่เท่ากับ ส.ส. และ ส.ว. นี่เป็นข้อเสนอมาจากอาจารย์คณะทันตแพทย์ศาสตร์ ม.มหิดล พร้อมแนบเงินมาให้อีก 5,000 บาท ไม่ได้เสนอความคิดเปล่าๆ นะ แต่มาบริจาคให้ ASTV ด้วย 5,000 บาท


 


 


ตอบคำถาม "เปลว สีเงิน" ยันพันธมิตรไม่ได้มีสถานีจอดแค่รัฐสภาแล้ว


ฉะนั้นกระแสเรื่องการเมืองใหม่ไปไกลมาก จนกระทั่งที่คุณเปลว สีเงินว่า "อย่าเป็นรถไฟที่ไม่มีสถานีจอด" ในบทความวันนี้ ผมจะไม่พูดรายละเอียดมากนัก ผมรู้คุณเปลว สีเงิน เป็นคนหวังดีกับพันธมิตร เตือนสติ อยู่ข้างเรา และเชียร์สนับสนุนเราอยู่เสมอ แต่ผมอยากจะเรียนคุณเปลว สีเงินว่า การเมืองภาคประชาชนวันนี้ไม่ได้มีสถานีจอดอยู่ที่รัฐสภาไทย เพียงแต่เขาเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเราก็หยุดรถไฟของเรา ไม่ใช่แน่นอน เขาเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเราก็จะหยุดรถไฟ ไม่ใช่ วันนี้เราไปไกลกว่าการเมืองในระบบรัฐสภา เราไปถึงเรื่องเกี่ยวกับวิธีคิดแบบตะวันออก ตะวันตกด้วย


 


สิ่งที่คุณสนธิเสนอคือวิธีคิดแบบตะวันออก คือตะวันออกเขาบอกว่าอย่าสร้างอะไรที่ใหญ่เกินไป แล้วเอาทุกอย่างไปผูกพันกับความใหญ่ เช่น ธนาคารใหญ่ สถาบันการเงินใหญ่ ศูนย์การค้าใหญ่ เอาไปผูกพันหมด แล้วเลิกเล็กๆ หมดเลย เมื่อใดที่ใหญ่ล้ม ประชาชนจะวุ่นวายเพราะไม่มีเล็กๆ รองรับ


 


กรณีที่คุณสนธิยกตัวอย่าง ธนาคารสถาบันการเงินของเรากำลังไปผูกสถาบันการเงินสหรัฐอเมริกา ซึ่งใหญ่มากดูดเงินไปทั่วโลกเลย เพราะคิดจะค้ากำไรกัน พอสถาบันนี้ล้ม บริษัทลูกต่างๆ ที่กู้เงินจากสถาบันนี้มาทำกิจการในเมืองไทยจะล้มครืนไปด้วย บริษัทที่คุณสนธิพูดเมื่อสักครู่นี้ พวกท่านที่ไปผูกพันจะใจหายมาก ยังมีอีกหลายบริษัทด้วย นี่คือวิธีคิดแบบตะวันตก คิดเรื่องใหญ่มาก แล้วเอาทุกอย่างไปพัวพันกันหมด


 


 


ชี้ห้างค้าปลีกยักษ์เจ๊งจะทำเศรษฐกิจไทยพังครืน และกระทบทั่วโลก


ตัวอย่างเช่น ห้างค้าปลีกอย่างเทสโก โลตัส บิ๊กซี ที่เป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ของต่างชาติ เมื่อเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ได้ทำลายการค้าของพี่น้อง ทำลายไปหมดเลย เมื่อพ่อแม่พี่น้องโชห่วยล้มหมด ถ้าในอนาคตทำให้ห้างเทสโก สามารถเป็นผู้สั่งซื้อรายใหญ่จนควบคุมราคาสินค้าเกษตรเอาไว้ได้ ส่งผลให้เกษตรกรไทย ถูกกดราคา ไม่มีอำนาจต่อรอง เนื่องจากไม่มีร้านค้าเล็ก ๆ ที่จะสามารถนำสินค้าไปขายได้แล้ว ก็ต้องขายให้แต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากวันหนึ่ง หากเทสโก ขาดทุนแล้วล้มละลายไป เศรษฐกิจไทยก็จะพังไปเป็นแถบ ๆ เพราะเมื่อไม่มีห้างเทสโก เกษตรกรก็ไม่รู้จะเอาสินค้าไปส่งขายใคร อีกทั้งเงินทุนที่ห้างเทสโกกู้ยืมมาจำนวนมหาศาล ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ปั่นป่วนไปทั่วโลกอีกด้วย


 


ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ไม่สามารถทำให้คนไทยพึ่งพาตัวเองได้เลย ต่างจากในอดีตที่คนไทยยึดถือหลักเศรษฐศาสตร์ชาวพุทธ ที่ฝรั่งชาวเยอรมันชื่อ อี.เอฟ.ชูมักเกอร์ นำไปเขียนเป็นหนังสือที่ชื่อ Small is Beautiful หรือ จิ๋วแต่แจ๋ว นั่นคือ การพึ่งพาธรรมชาติ และทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด เวลาทำธุรกิจก็ทำเพียงเล็ก ๆ แบบพออยู่พอกิน เมื่อทำเกษตรกรรม ก็ทำแบบพึ่งพิงธรรมชาติโดยปลูกพืชผสมผสาน ทำให้ไม่ใช่ปุ๋ยเคมี ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี อันจะส่งผลเสียต่อธรรมชาติ ดังนั้นความคิดของการเมืองใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่ในอดีตเคยมีการทำเอาไว้แล้ว แต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างหากที่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้เป็นแบบทุนนิยมที่มีหลักคิดแบบต้องการชนะธรรมชาติ โดยไม่พึ่งพิงธรรมชาติ แต่กลับต้องพึ่งอำนาจทุน และสารเคมีจากประเทศตะวันออกแต่เพียงอย่างเดียว


 


 


ชูเกษตรแนว "ฟูกูโอกะ" ไม่ใช้ปุ๋ย สารเคมี เอาไส้เดือนพรวนดิน


นายพิภพ ได้ยกตัวอย่างของนายมาซาโนบุ ฟูโอกะ เกษตรกรชาวญี่ปุ่นผู้ซึ่งได้รับรางวัลแมกไซไซ ด้วยว่า นายฟูโอกะ ได้เคยกล่าวกับตนเอาไว้เมื่อมาประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน ว่าเมืองไทยเปรียบเสมือนสวรรค์ที่ไม่ว่าพื้นที่ใด ก็สามารถปลูกพืชได้ ซึ่งการปลูกพืชแบบของไทยก็เป็นแบบพึ่งพาตัวเอง นั่นคือการปลูกพืชให้เหมือนในป่า นั่นคือมีพืชหลายชนิดอยู่ในพื้นที่เดียวกันแล้วพืชแต่ละชนิดนั้น ก็จะพึ่งพากันและกันเอง เหมือนอย่างในป่า ซึ่งนายฟูโอกะ ก็ได้นำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้เพาะปลูกในประเทศญี่ปุ่น จนสามารถปลูกข้าวโดยไม่ใช้ปุ๋ย ไม่ใช่สารเคมี และไม่ไถได้ แต่ใช้ไส้เดือนไถพรวนดินตามธรรมชาติได้


 


แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ระบบการปลูกพืชของเมืองไทย ได้เปลี่ยนไปพร้อมกับระบบทุนนิยม นั่นคือ เกษตรกรไทยได้เปลี่ยนจากการปลูกพืชผสมผสาน เพื่อใช้กินเองแบบพอเพียง ไปเป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือปลูกพืชชนิดเดียวเพื่อให้ได้จำนวนมากๆ เพื่อส่งออกขาย และเมื่อทำเช่นนั้นพืชก็ไม่สามารถพึ่งพากันได้ ในที่สุดก็ต้องซื้อปุ๋ยเคมีมาใช้ และเมื่อใช้นานเข้าก็ส่งผลให้ดินเสื่อมคุณภาพอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


 


 


ลั่นถ้าไม่มี "ทักษิณ" "สหกรณ์ออมทรัพย์" กลายเป็น "ธนาคารท้องถิ่น" แล้ว


นายพิภพ กล่าวต่อไปว่า แท้จริงแล้วแนวความคิดที่จะทำเศรษฐกิจแบบพึ่งตัวเองให้เกิดขึ้นนั้น ได้มีคนไทยกลุ่มต่าง ๆ ที่เป็นองค์กรพัฒนาชุมชนได้คิดและทำกันมานานแล้ว แนวคิดนี้จึงถือเป็นความหวังขององค์กรพัฒนาชุมชนเหล่านั้น ที่จะกลับมาร่วมกันสร้างความยั่งยืน และการพึ่งพิงตัวเองของประชาชนได้อีกครั้ง ตัวอย่างเช่น ก่อนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ องค์กรพัฒนาชุมชนต่าง ๆ ได้เคยคิดรูปแบบของสหกรณ์ออมทรัพย์เอาไว้ เพื่อเก็บไว้เป็นกองทุนของเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อให้คนในท้องถิ่นพึ่งพิงตนเองได้ ซึ่งถ้าไม่มีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ป่านนี้สหกรณ์เหล่านั้นคงพัฒนาไปเป็นธนาคารขนาดเล็กในท้องถิ่น เพื่อไว้บริการกู้ยืมให้คนในท้องถิ่นไปแล้ว แทนที่จะมีแต่ธนาคารขนาดใหญ่ในเมืองหลวงซึ่งคอยแต่จะให้บริษัทใหญ่ กู้ยืมเท่านั้น แต่เกษตรกร หรือชาวชนบทกลับหมดสิทธิ์ที่จะได้ใช้สิทธิเหล่านั้น


 


ดังนั้นแนวคิดการเมืองใหม่ในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนแปลง ทางการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองเท่านั้น แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในทุกระบบ นำบ้านเมืองเรากลับไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบเศรษฐศาสตร์ชาวพุทธ หรือ ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงนั่นเอง ดังนั้นเราจึงยังไม่ต้องเถียงกันหรอกว่าจะให้สัดส่วนของ ส.ส.ที่เลือกตั้งกี่เปอร์เซ็นต์ หรือ แบบสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เราควรมาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์ว่า จะเลือกตัวแทนมาจากองค์กรใดบ้าง และเลือกอย่างไร เพื่อให้ได้ตัวแทนจากทุกภาคส่วนจริง ๆ อันจะนำมาซึ่งการร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองที่ยั่งยืน โดยแท้จริง


 


 


สมศักดิ์ชี้พันธมิตรอยู่ทำเนียบมาพอสมควร ควรได้สิทธิครอบครองแล้ว


เวลาประมาณ 22.50 น. วันที่ 16 ก.ย. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า มหาวิทยาลัยของเราเรียนไม่มีการปิด ศึกษาเรียนรู้ 24 ชั่วโมงไม่มีหยุด ไม่มีที่ไหนทำได้ ก่อนที่เราจะจบปริญญาเอกเราก็มาจบกันที่ทำเนียบของประชาชน ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว เราไม่ได้อยู่ทำเนียบของรัฐบาล


 


เพราะเวลาพอสมควรที่เราอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เราควรได้สิทธิครอบครองแล้ว เพราฉะนั้นที่นี่จึงเป็นทำเนียบของประชาชน อิฐทุกก้อน หญ้า เสา ไฟฟ้า เป็นเงินพี่น้องทุกบาททุกสตางค์ ฉะนั้นเมื่อนักการเมืองเก่าๆ ที่โกงด้วยการมาเอาเงินบริหารนั้น แล้วเราจะมานอนอยู่ที่นี่จะผิดตรงไหน เป็นความชอบธรรมอย่างยิ่ง และเราเรียนรู้ เปิดโปงความชั่วร้ายของการเมืองเก่า ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชน โดยเรียกตัวเองว่าเป็นผู้แทนราษฎร


 


"แต่วันนี้เมื่อประชาชนมาอยู่ในทำเนียบ จนกลายเป็นทำเนียบของประชาชนแล้ว ผู้แทนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนราษฎรจึงเป็นผู้แทนโมฆะ ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรอีกต่อไป เนื่องจากไม่มีหน้าที่แทนเราอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ทำนั้นเป็นการซื้อเสียงมา แล้วมาอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง และยังคิดหาคณะบุคคลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น ไม่ได้คิดหาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแม้แต่นิดเดียว" นายสมศักดิ์กล่าว


 


 


"สมชาย" เป็น "ทักษิณ"ตัวจริงยิ่งกว่า "สมัคร"


นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น เคยแจ้งทรัพย์สินเท็จตอนเป็นรัฐมนตรี และยังมีบริษัทที่เป็นเจ้าของที่ทำร่วมกับทักษิณในการโกงกิน เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยโกงกิน ฉ้อฉลประเทศชาติ เอารัดเอาเปรียบประชาชนมาหลายครั้งหลายหน ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่มาแล้วดี ซึ่งเรานั้นไม่ได้ติดที่ตัวบุคคล


 


นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าก๊วนนายเนวิน ที่มีพ่อเป็นประธานสภาที่โกงที่ดินรถไฟ ที่บอกว่าไม่ยอมกว่า 70 เสียงที่แท้เป็นการต่อรอง ที่ต่อรองก็เพราะว่าจะเอากระทรวงเกรดเอ เช่น เกษตร คมนาคม พลังงาน ซึ่งกระทรวงไหนที่มีงบประมาณมากก็จะเอากระทรวงนั้น โดยกระทรวงที่มีงบประมาณมากสามารถโกงได้ถึง 30% ถ้า 1 ล้านล้านบาท ก็ได้ไป 3 แสนล้านบาท


 


"ถามว่า ถ้าทำเพื่อประชาชน คุณต้องไปแย่งกันทำกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับประชาชน กระทรวงที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ไม่มีใครแย่งเลยนะครับ เมียเหนาะได้เพราะไม่มีใครเอาครับ" นายสมศักดิ์กล่าว


 


 


พันธมิตรไม่ใช่พวกได้คืบเอาศอก อัปรีย์ไปจัญไรมายังยอมไม่ได้


"ถ้านักการเมืองมาแบบนี้แล้วประเทศชาติจะหลงเหลืออะไร ฉะนั้นนี่ไม่ใช่พวกเราได้คืบเอาศอก ถามว่าสมชายมากับทักษิณมาไม่ต่างกัน สมชายนี่หุ่นเชิดเจ๊แดง ร่างทรงน้องเมืยทักษิณ น้องทักษิณทำอะไรสมชายต้องทำหมด และนี่อาจะเรียกได้ว่าทักษิณตัวจริงยิ่งกว่านายสมัครอีก แล้วพวกเราจะไปยอมได้อย่างไร อันนี่ยังไม่ได้คืบเอาศอก ยังไม่ได้สักคืบยังไม่ได้สักศอกเลยด้วยซ้ำ อัปรีย์ไปจัญไรมาแล้วมันได้อะไรครับพี่น้อง" นายสมศักดิ์กล่าว


 


เราไม่โง่พอ เราไม่ใช่สนุก เออ สมัครไปแล้ว พอแล้ว พบกันครึ่งทาง ครึ่งทางอะไร มึงเอาโจรคนนั้นมาขโมยทรัพย์สินประชาชน พอเราจับได้ มันเอาโจรคนนั้นมา พอเราจับได้ พอแล้วมึงจับได้สองคนแล้ว คนที่สามอย่าไปจับมันให้มันปล้นต่อ มันจะบ้าหรืออย่างไร มันอะไรที่จะต้องโง่ถึงขนาดนั้น


 


 


ตอก "เปลว สีเงิน" อีกรอบ ยันมีสถานีปลายทางคือ "ประชาภิวัฒน์"


ฉะนั้นรถไฟขบวนนี้มีเป้าหมายในการจอด ไม่ใช่ไม่มีทิศทาง ไม่ใช่ไม่มีสถานี มีสถานีแน่นอนเป็นรถด่วนและจอดแน่ คือ "สถานีประชาภิวัฒน์" นี่ไงครับ สถานีประชาภิวัฒน์ นักวิชาการบางคนก็มึนว่า ประชาภิวัฒน์คืออะไรวะ ไปเปิดพจนานุกรมสิ ประชา แปลว่า ประชาชน ภิวัฒน์ แปลว่า เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่


 


ประชาภิวัฒน์คือ กระบวนการประชาชนที่มาเปลี่ยนแปลงการเมือง ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่และประเทศชาติ มันสับสนตรงไหนผมไม่เข้าใจ และเมื่อขบวนการประชาชนมาเปลี่ยนแปลง ผลักดันให้การเมืองเปลี่ยนไปสู่การบริหารแจกแจงแบ่งปันสิ่งที่มีคุณค่าให้คนส่วนใหญ่อย่างความยุติธรรม นี่แหละคือ การเมืองในความหมายว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง


 


ต้องสอนรัฐศาสตร์กันใหม่ มีอาจารย์คณะรัฐศาสตร์หลายคนยังมึน ต้องสอนใหม่ วันนี้ผมต้องใช้คำว่าสอน ถ้ายังมึนของง่ายๆ ไม่น่ามึน ศัพท์แสงมันมีคำแปลอยู่ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจที่เหมาะกับประเทศของเรานั้น คือ แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประชาชนก็รู้กันแต่รัฐบาลไม่เคยทำ และรัฐธรรมนูญก็ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 83


 


 


ชี้นักการเมืองระบอบเก่า คือเผด็จการทุนนิยมสามานย์ไม่ใช่ประชิปไตย


นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นักการเมืองในระบบการเมืองเก่า ไม่เคยทำตามที่ตัวเองพูด นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เคยบอกว่า ตอนเลือกตั้งสู้ฝนห่าใหญ่ไม่ได้ ซึ่งหมายถึงว่าสู้พรรคที่ซื้อเสียงไมได้ แต่พอจะจัดตั้งรัฐบาลก็ไปร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคที่ปล่อยฝนห่าใหญ่นั้น ส่วนนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ตอนก่อนเลือกตั้งว่ามีการซื้อตัว ส.ส.คนละหลายสบล้าน แต่พอเลือกตั้งเสร็จก็ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคที่ซื้อ ส.ส.นั้น ขอยืนยันว่านี่คือ เผด็จการทุนนิยมสามานย์ อย่าได้เรียกว่าประชาธิปไตย ประชาธิปไตยไปใช้กับนักเลือกตั้งแบบนี้ไม่ได้ และนี่ไม่ใช่พรรคการเมืองในวิชารัฐศาสตร์ ซึ่งที่ผ่านมานั้นแต่ละพรรคได้นำนโยบายหาเสียงกันคนละอย่าง พอสุดท้ายมารวมกันดันมาเขียนนโยบายใหม่ ไม่ได้นำนโยบายที่หาเสียงตั้งแต่แรกมาใช้ แบบนี้ถือว่าเป็นการหลอกประชาชน ถ้าเป็นพรรคการเมืองพูดอย่างไรต้องทำอย่างนั้น


 


นายสมศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า และการที่รัฐบาลมาอ้างว่าเป็นตัวแทน เมื่อใดประชาชนลุกฮือขึ้นมาแบบนี้ถือว่าหมดสภาพการเป็นตัวแทน ไปจ้างคนมาอย่างไรก็ไม่เคยได้เท่ากับพวกเรา ดังนั้นเราต้องรักษาจำนวนคนให้มากตลอดเวลา นอกจากนี้ อยากให้นักวิชาการทั้งหลายได้รู้ว่า คำว่าประชาภิวัฒน์ แปลว่า การที่ประชาชนลุกขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่การเมืองใหม่ เป็นการเมืองที่กำหนดโดยประชาชน


 


 


ประชาภิวัฒน์ต้องจัดการคนโกง ห้ามแก้ รธน. หวังฟอกผิด


ประเด็นหลักคือต้องจัดการคนที่โกงภาษีของประชาชน ให้จำคุก ถูกยึดทรัพย์ให้กลับมาเป็นของแผ่นดินโดยเร็ว ประเด็นที่สองต้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิด ประเด็นนี้ต้องต่อสู้และไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ประเด็นที่สามการเมืองแบบนี้ต้องขับเคลื่อนให้ผ่านพ้นไป


 


"ถ้าเรามีความรู้ทางการเมือง ภายใต้องค์ประกอบบริบทของสังคมไทย ประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้ ก็ต้องไปคิดมาว่าต้องทำอย่างไร ไม่ใช่พวกเรานำมาบอกแล้วมาโจมตี กูไม่รู้ กูจะตีอย่างเดียว ขี้ขลาดตาขาว อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่านักวิชาการ แต่เป็นนักฉวยโอกาสทางการเมือง นักวิชาการที่ฉลาดต้องเขียนมาว่าควรทำอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น ต้องกราบขอบพระคุณครับพี่น้องเป็นประโยชน์จริงๆ ซึ่งจะสามารถทำได้ง่ายนิดเดียว ไม่ได้ยาก" นายสมศักดิ์กล่าว


 


 


ชี้หลัง "ประชาภิวัฒน์" 3-4 ปี ชาติมั่งคั่งเจริญแน่นอน ไม่ใช่ฝัน


ที่พูดแบบนี้ เพื่อให้เขารู้ว่าคนอย่างเราหลักแหลมมีสติปัญญา ในการเอาคนดีๆ มาเป็นตัวตั้ง 3-4 ปีเห็นหน้าเห็นหลัง ประเทศไทยเจริญ ประชาชนมั่งคั่ง โจรผู้ร้ายไม่มี โสเภณีลดลง ทุกคนมีรายได้สูง ประเทศชาติมั่งคั่งเจริญครับพี่น้อง ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่ใฝ่ฝัน


 


ย้ำอีกที อย่าไปเสียภาษีให้พวกนี้ มันจะเอาภาษีไปโกงไปกิน เราค่อยเสียเมื่อการเมืองเปลี่ยน หลุดพ้นจากการเมืองโสโครก อุบาทว์ สกปรก ที่ระบอบทักษิณสร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 จนถึง พ.ศ. 2551 ให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ไปเสียก่อน


 


นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประเทศนี้วันนี้ เนื่องจากกลไกไม่ทำงาน จะว่าดีก็ดี แต่ถ้ากลไกทำงานก็ไม่เกิดประชาชนที่เรียกว่าประชาภิวัฒน์ลุกขึ้นอย่างที่เห็น ดังนั้นอย่าไปเรียกร้องให้ป่วยกาล ให้เรียกร้องตัวเราเอง ด้วยการซื่อสัตย์ต่อสู้ และจะรักชาติเหนือชีวิต ขอให้เชื่อว่าทำดีแล้วได้ดี สุดท้ายขอให้มั่นใจต่อสู้ต่อไปอย่าได้ท้อถอย


 


"สุริยะใส" ตั้งคำถาม 5 ข้อให้ "สมชาย" ตอบ


เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (17 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) แกนนำพันธมิตรฯ จะออกแถลงการณ์เพื่อประเมินสถานการณ์ให้สอดคล้องกับท่าทีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ต่อกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อเป็นเหตุผลที่จะอธิบายให้กับสาธารณชนและพันธมิตรฯ ได้รับทราบแนวทาง และทิศทางต่อนายสมชายให้ชัดเจนขึ้น โดยจะถามต่อนายสมชายใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1.จะมีแนวทางอย่างไรกับผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างคนในตระกูลชินวัตร และผลประโยชน์ของประชาชน


 


2.จะมีแนวทางอย่างไรที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย รวมทั้งแนวทางยึดพาสปอร์ตแดง และพาสปอร์ตอื่นๆของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร 3.จะมีแนวทางอย่างไรกับแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องปราสาทเขาพระวิหารของรัฐบาลสมัย นายสมัคร สุนทรเวช จำเป็นต้องมีการระงับไว้ก่อนหรือไม่ เนื่องขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 4.ยังมีแนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 หรือไม่ และ 5.แนวทางในแก้ปัญหาภาพลักษณ์นอมินี หรือหุ่นเชิดของ นายสมชาย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อย่างไร


 


"นายสมชาย จะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจน เพื่อให้สังคมลดความแคลงใจ ก่อนที่ นายสมชาย จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะตอนนี้ยังไม่มีคำตอบใดๆ ของ นายสมชาย แต่กลับเลี่ยงคำถามของสื่อที่จะตอบ ซึ่งเชื่อว่า นายสมชาย จะออกแบบคำตอบอย่างไรกับปัญหาทั้งหมดที่เกี่ยวกับคนในตระกูลชินวัตร และ วงศ์สวัสดิ์"


 


 


ถ้าตอบได้ครบ 5 ข้อ พันธมิตรจะไปทบทวนเรื่องยุติบทบาท


นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า หากนายสมชาย ตอบคำถามได้ครบ 5 ข้อ พันธมิตรฯ อาจจะต้องทบทวน หรือยุติบทบาท โดยต้องดูว่า นายสมชาย มีความจริงใจในการสลัดภาพลักษณ์ของนอมินีที่สังคมแคลงใจก่อนที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหาก นายสมชาย ทำได้ก็อาจจะเป็นการกดดันพันธมิตรฯ ให้ยุติการชุมนุมโดยทางอ้อม ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ยังจะทำการวัดความเห็นของสาธารณชนเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกของสังคมในการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายสมชาย โฉมหน้าของคณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหา จากเครือข่าย องค์กร แนวร่วมที่ดำเนินการกับพันธมิตรฯ และหากสู้ต่อสถานการณ์จะเป็นตัวแปรในการชุมนุม


 


นายสุริยะใส เปิดเผยอีกว่า 2-3 วันก่อนหน้าที่จะมีการโหวตเลือก นายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีผู้อ้างเป็นบุคคลใกล้ชิด นายสมชาย ติดต่อที่จะเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ เพื่อสอบถามท่าทีของแกนนำฯ เพื่อขอเจรจา แต่ตนไม่ได้รับปาก


 


"มีคนพยายามโทรศัพท์คุยกับผม แต่ยังไม่รับปากเมื่อ 2-3 วันก่อนที่ นายสมชาย ยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับตำแหน่ง แต่เราก็บอกเงื่อนไขของเราไปแล้ว 4-5 ข้อ ทั้งท่าทีต่อพรรคพลังประชาชนที่จะต้องออกจากการเป็นรัฐบาลและเรื่องอื่นๆ โดยจะนำไปหารือกับแกนนำพันธมิตรฯ ในคืนวันที่ 17 ก.ย.นี้" นายสุริยะใส กล่าว


 


 


"สนธิ" ชี้เอเอสทีวีก่อให้เกิดการกู้ชาติ ประชาชนจึงหวงดั่งลูกในไส้


และเมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงกรณีที่เพื่อนร่วมวงการที่เป็นฟรีทีวีกล่าวหาเอเอสทีวีว่าทำตัวเป็นขอทานว่า รู้สึกแปลบในใจเพราะช้ำใจว่าประเทศไทยมีสื่อที่คิดได้อย่างนั้น นั่นคือความพินาศฉิบหายของวงการสื่อมวลชน ถ้าเขาไม่มีมิจฉาทิฐิ หรือไม่มีอวิชชา ต้องบอกว่าอิจฉาเอเอสทีวีที่มีประชาชนมาช่วยจ่ายเงินเดือน ซึ่งน่าภูมิใจและหาไม่ได้อีกแล้ว ถ้าคิดเป็นต้องพูดแบบนี้ไม่ใช่บอกว่าไปขอทานกับพี่น้อง เพราะว่าพี่น้องเห็นคนเห็นคุณค่าของเอเอสทีวีที่เป็นโทรทัศน์เจ้าเดียวที่ก่อให้เกิดกระบวนการกู้ชาติขึ้นมาประชาชนจึงหวงแหนเอเอสทีวีดั่งลูกในไส้


 


การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่ อำเภอเกาะสมุย ย้ำว่า ตามหลักการแกนนำพันธมิตรฯจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการเมืองในท้องถิ่น ไม่ว่าท่านจะสนับสนุนใครเพราะนั่นเป็นเรื่องของการเมืองท้องถิ่น แต่อยากฝากไปยังพี่น้องที่เป็นพันธมิตรฯ ในอำเภอเกาะสมุยว่า ต้องมีจิตวิญญาณจากความเป็นนักสู้กู้ชาติคือต้องเลือกคนที่ซื่อสัตย์ โปร่งใส เคารพกฎหมายและมีจริยธรรม


 


นายสนธิ กล่าวว่า รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ มีคุณสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และสามี เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ และทราบว่ามีการใช้เงินถึง 100-200 ล้านบาท ซึ่งพี่น้องต้องจับตามองว่านายกเทศมนตรีคนใหม่จะรับใช้คุณสุดารัตน์หรือไม่ โดยใช้วิธีการตรวจสอบการทำหน้าที่ตามปรัชญาของพันธมิตรฯ ส่วนใครจะกล่าวหาว่าฝ่ายใดมีคุณสุดารัตน์หนุนหลังนั้น ตนไม่สนใจ ให้เป็นหน้าที่ของคนสมุยไปจับตาดูเอง และอยากบอกว่าเวลานี้ทั้งคุณสุดารัตน์และนายเนวิน ชิดชอบ กำลังรุกลงไปทางใต้ มีการเอาเงินเอาทองลงมาใช้ ขอให้ระมัดระวัง แต่ใครจะไปเป็นนายกเทศมนตรีสมุยไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเขาได้ทำประโยชน์ให้พี่น้องตามปรัชญาที่เราต่อสู้มาหรือไม่


 


 


ชี้วิกฤตการเงินสหรัฐเกิดจากความโลภ ปั่นราคาทรัพย์สินสูงเกินจริง


จากนั้น นายสนธิ ได้อธิบายต่อจากเมื่อวันก่อนเกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาว่า กรณีการล่มสลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐนั้นเป็นบทสะท้อนให้เห็นถึงความโลภของระบบทุนในสหรัฐ และว่าสหรัฐฯ นั้นใช้วิธีกู้เงินจากทั่วโลกในรูปของพันธบัตรปีละ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่ออุดช่องโหว่ของเงินที่ขาด โดยเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียและยุโรปทำมาค้าขายได้กำไร แล้วเอาไปซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ เปรียบเสมือเป็นเงินฝาก แต่เมื่อสหรัฐได้เงินนี้ไปก็เอาไปปล่อยกู้ต่อให้กับสถาบันการเงินในประเทศของเขาเพื่อปล่อยกู้ให้บริษัทข้ามชาติของเขาที่เอาสินค้ามาขายให้เราอีกทีหนึ่ง พอเราซื้อของเขา ก็มีเงินที่เอาไปสะสมอีกเป็นวงจรอย่างนี้


 


นายสนธิกล่าวต่อว่า ตามหลักที่ถูกต้อง เมื่อธนาคารมีเงินมากขึ้นควรจะเอาเงินนั้นไปลงทุนที่เป็นประโยชน์ เช่น ลงทุนทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม เครือข่ายโทรคมนาคม ลงทุนการศึกษา แต่คนกุมอำนาจในสหรัฐคือนักการเงิน รอไม่ได้ที่จะลงทุนไปแล้วรอเป็นปีๆ กว่าจะได้กำไร เขาอยากจะได้กำไรทุกๆ วินาที จึงคิดวิธีที่จะเอาเงินต่อเงิน จึงมีการคิดนวัตกรรมการค้าเงินแบบใหม่ มีการซื้อสินค้าล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร น้ำมัน ทองคำ เพื่อที่จะเอาเงินต่อเงิน เล่นกันทุกวินาที ซื้อสินค้าทุกอย่างล่วงหน้า นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ตลาดอนุพันธ์


 


วันดีคืนดีบอกว่าซื้อขายสินค้าล่วงหน้า ยังไม่พอ ต้องมีการปั่นราคาสินทรัพย์ โดยการซื้อหนี้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วสหรัฐอเมริกาแล้วปั่นราคาให้สูงขึ้น แล้วนำไปขายต่อ แล้วขายต่อกันไปเรื่อยๆ จนราคาขึ้นไป 4-5 เท่า ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีการยึดบ้านมาแล้วจะขายต่อในราคาสูงแต่ราคาในตลาดตกลงมา ก็เลยขาดทุนกันระนาว นี่คือเหตุผลของการเจ๊งของเลห์แมน บราเธอร์ส เพราะความโลภ


 


นายสนธิ ยังได้ย้อนอดีตถึงการลดค่าเงินบาทในประเทศไทยว่า มีครั้งหนึ่งในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นว่าถ้าไม่ลดค่าเงินบาทเมืองไทยอยู่ไมได้ และประกาศลดทันที ซึ่งทำให้ธุรกิจได้รับความเสียหายแต่เป็นธุรกิจสั่งสินค้าเข้า เช่น บริษัทปุ๋ยศรีกรุง แต่ในช่วง 2 ปีให้หลังเศรษฐกิจไทยก็ฟื้น


 


การลดค่าเงินบาทครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ยืนยันว่าจะไม่ลดค่าเงินบาท แต่วันรุ่งขึ้นก็ลดค่าเงิน เหมือนกับนักการเมืองที่บอกว่าไม่มีการแตกแยก วันรุ่งขึ้นก็แยกพรรคทันที เพราะฉะนั้นในทางสาธารณะ อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องร้ายแรง ถ้าเราได้ข่าวมาแล้วเขาบอกว่าไม่ใช่ นั่นคือใช่ เหมือนกับกรณีที่บางแบงก์กรุงเทพที่บอกว่าการล้มของเลห์แมนฯ ธนาคารกรุงเทพฯ ไม่เสียหาย หรือเสียหายบ้างเล็กน้อย แต่แปลไทยเป็นไทยคือเสียหายมาก


 


 


เตือนเศรษฐกิจไทยใกล้ตกเหวตาม สัญญาณอันตราย คนเป็นหนี้ตั้งหนุ่มจนแก่


นายสนธิ กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจตอนนี้ เราไปเลียนแบบต่างประเทศจนเกินไป เราจึงอยู่ในภาวะที่ใกล้จะตกเหวเช่นกัน และคนจบประวัติศาสตร์อยากจะสอนคนที่จบเศรษฐศาสตร์ที่ทำบ้านเมืองเสียหาย ให้รู้ว่า วงจรของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าเริ่มขาดลง โดยชี้ให้เห็นว่าสังคมคนอายุน้อยใหม่นั้นเป็นวัยที่ทำงานมีรายได้ ลงทุนทำธุรกิจ มีเรี่ยวมีแรง ขยายธุรกิจ ขณะที่สังคมคนอายุมากอายุ 50-60 ไปแล้ว เป็นสังคมที่พึ่งพาเงินที่ตัวเองเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ ใช้เงินที่ตัวเองมีไปซื้อทรัพย์สินเล็กๆ น้อย และออมทรัพย์ พอคนรุ่นเก่าตายไป คนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีอายุก็จะมาเป็นกลุ่มที่ใช้เงินหลังเกษียณแทนเป็นวงจรอย่างนี้ ขณะนี้เมืองไทยกำลังมีปัญหา วงจรของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าเริ่มขาดลง ขาดตรงที่ว่าคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสะสมทรัพย์ พอเข้าสู่ปัจฉิมวัยยังเป็นหนี้อยู่ ช่องว่างที่จะสะสมทรัพย์หรือซื้อทรัพย์สินโดยคนอายุมากก็ไม่มีแล้ว และมันจะเกิดในรุ่นลูกเรา บางคนผ่อนบ้านไปจนเกษียณ แต่ยังใช้หนี้ไม่หมด นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดสำหรับประเทศไทย ซึ่งถ้าใช้การเมืองเก่ามันแก้ไมได้ เนื่องจากเดินตามแบบสหรัฐอเมริกาที่มีแต่ความโลภ


 


 


จวกสหรัฐเฮงซวย อัดเงินช่วย "เอไอจี" แต่ห้ามรัฐบาลไทยช่วย 56ไฟแนนซ์ ตอนต้มยำกุ้ง


นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อเช้านี้ ธนาคารกลางของสหรัฐ(เฟด) ประกาศใช้เงิน 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปอุ้มบริษัทเอไอจีที่กำลังจะล้มละลาย จึงอยากจะพูดคำนี้ว่า "รัฐบาลอเมริกันเฮงซวย" ที่พูดเช่นนี้ เพราะในปี 2540 ตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของไทย 56 ไฟแนนซ์ของไทยมีปัญหา แต่สหรัฐขัดขวางไม่ให้รัฐบาลไทยและแบงก์ชาติเข้าไปช่วย อ้างว่าปล่อยให้ล้มไปเพื่อคนใหม่จะได้เกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุที่แท้จริง เพราะกลัวว่า ถ้ารัฐบาลเข้าไปช่วยไฟแนนซ์เหล่านั้นจะไม่ล้มและไม่มีการยึดทรัพย์ลูกหนี้ และมีโอกาสที่จะฟื้นตัว แต่เขาไม่ยอมเพราะต้องการให้ประเทศไทยเจ๊ง เพื่อให้เราไปกู้ไอเอ็มเอฟ แล้วต้องทำตามเงื่อนไขของเขา ซึ่งทำให้เขามาเอาทรัพย์สินเราไปเลหลังขายราคาถูกได้


 


เขาชอบอ้างคำว่า moral hazard ห้ามไม่ให้รัฐเข้าไปช่วยบริษัทเอกชน แท้ที่จริงแล้วสหรัฐฯ เวลาพูด เอา "ก้น"พูด ไม่ได้ใช้ปากพูด วันที่ 16 กันยายน 2551 ธนาคารกลางของรัฐบาลสหรัฐเอาเงิน 85,000 ล้านเหรียญไปอุ้มเอเอจี ถ้าจะทำแบบนี้ แล้วเมื่อปี 2540 สหรัฐอเมริกาด่าไทยทำไม ที่ทำเช่นนี้เพราะมีนักวิเคราะห์ของซีเอ็นบีซีและไฟแนนเชียลไทม์วิเคราะห์ว่าการช่วยเอไอจีคือการช่วยสหรัฐอเมริกา จึงมีคำถามว่าทำไมทีสหรัฐจึงรักชาติได้ แต่ประเทศไทยทำไมได้ อ้างว่าเดี๋ยวสากลจะไม่ยอมรับ เดี๋ยวอายต่างประเทศ


 


"ไอ้นักวิชาการ นักการเงินของไทยที่พูดแบบนี้คือพวกเชี่ย คิดให้ดีๆ พี่น้อง เวลามันจะช่วยพวกมันเอง มันบอกว่า ช่วยเอเอจีคือช่วยสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้น วันนั้นที่ผมพูดว่าเราควรปิดประเทศทางการเงิน ก็ไปแปลความหมายผิด โง่ ไม่ได้ฟัง ด่าผมว่า ปิดประเทศจะเป็นพม่าหรือไง คุณฟังไมได้ศัพท์จับไปกระเดียด ผมหมายความว่าปิดประเทศทางการเงิน เฉพาะตลาดการเงิน ไม่ให้เอาเงินบาทไปแลกเปลี่ยนที่เมืองนอก"


 


"แล้วก็จะมีไอ้โง่ ไอ้อวิชชาอีกหลายคนขึ้นมาบอกว่า คุณสนธิทำอย่างงั้นไม่ได้นะ เราเสียชื่อนะ คนเขาจะดูถูกเรานะ เราจะไม่เป็นสากล แล้วอเมริกาให้บริษัทของมันเองกู้ 85,000 ล้านเหรียญมันไม่เสียชื่อมันเหรอ หรือว่าอเมริกาพ่อคุณทำอะไรก็ไม่ผิดใช่มั้ย แต่ถ้าคนไทยทำเพื่อคนไทยมันผิดหรือ"


 


 


ย้ำทางแก้ต้องมีการเมืองใหม่ เปลี่ยนความคิดใหม่


นายสนธิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีเงินบาทอยู่ในต่างประเทศประมาณ 2 แสนล้านบาท เป็นเงินจากการคอร์รัปชั่น ที่ขนใส่กระเป๋าไปที่สิงคโปร์ เพราะเราปล่อยให้เงินบาทลอยตัวได้ทั่วโลก เงินบาทอยู่ที่สิงคโปร์ก็ซื้อขายได้ ถ้าเราปิดตลาด เงิน 2 แสนล้านบาทก็ต้องแลกเป็นดอลลาร์กลับมาแลกกับเรา ซึ่งเราสามารถตั้งเงื่อนไขว่าต้องบอกมาก่อนว่าเจ้าของเงินที่แท้จริงเป็นใคร ไม่เช่นนั้นไม่ให้แลกคืน ซึ่งสามารถทำได้ แต่ไม่ทำ เพราะต้องการให้เงินบาทลอยตัวในต่างประเทศได้ เพื่อจะได้โจมตีค่าเงิน เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้ เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด


 


นายสนธิย้ำว่า ถ้าไม่มีการเมืองใหม่เราจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นวงจนคนหนุ่มกับคนแก่จะถูกตัดขาด คนหนุ่มวันนี้จะกลายเป็นคนแก่ที่ยังผ่อนหนี้ไม่หมด คนหนุ่มรุ่นต่อมาก็เป็นหนี้ต่อไป ในที่สุดสังคมไทยก็เป็นสังคมที่ทุกคนเป็นหนี้เป็นสินกันหมด


 


นายสนธิกล่าวต่อว่า จะเล่าความโลภของอเมริกาให้ฟัง เมื่อสมัยโคลัมบัสออกเดินเรือไปตามที่ต่างๆ รอบโลกเพื่อขนใบชา ทองคำ เครื่องหอม ผ้าแพรไปที่สเปนเพื่อเอากำไรเป็นร้อยๆ เท่า และพระราชินีก็ลงทุนต่อเรือให้เพื่อเอาของไปขาย เพื่อนำกำไรไปแบ่งกัน ซึ่งโคลัมบัสใช้เวลา 2 ปีในการเดินออกเรือแล้วเอาสินค้ากลับมาขาย แต่ทุกวันนี้ นักลงทุนที่นิวยอร์กนั่งเคาะซื้อขายหุ้นไม่กี่นาทีก็ได้กำไร แต่ความโลภไม่ต่างกันกับโคลัมบัส ต่างกันแค่กาลเวลาเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ทัน ทำไมเขาต้องให้มีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย และให้ทุนเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยไปฝึกที่อเมริกาโดยไม่เสียเงิน เพื่อไปเรียนวิชาแล้วมาเล่นเกมเดียวกับเขา เขาถึงบอกว่าประเทศที่ทันสมัยต้องมีตลาดหลักทรัพย์ ถ้ายังไม่มีถือว่าไม่ทันสมัย แล้วบอกแบงก์ชาติว่าต้องปล่อยเงินบาทลอยตัว ซื้อขายได้ทั่วโลกจึงจะทันสมัย


 


 


เผยเตรียมพิมพ์ "ปรัชญาการเมืองใหม่" แสนเล่มแจกประชาชน


"นี่ถ้ามันบอกว่าผู้หญิงไทยต้องเดินแก้ผ้าถึงจะทันสมัย แล้วเราโง่ทำตามมัน เราก็คงเป็นควาย ผมอุปมาอุปมัยให้เห็นว่า คนที่เรียนสูงเสียเปล่า ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามา ไม่รู้จักเอาส่วนดีของเขามาใช้แล้วขจัดส่วนเลวออกไป แต่รับมาทั้งดุ้น แล้วบอกว่า ต่างประเทศเขาทำกันอย่างนี้ ถ้าเราไม่ทำเราจะอายเขา


 


"เห็นหรือยังพ่อแม่พี่น้อง นี่ไงหล่ะต่างประเทศ เลห์แมน บราเธอร์ส และมันยังจะมีเจ๊งต่อไปอีก ไม่หยุดยั้ง คอยดูสิพี่น้อง ราคาบ้านที่ถูกปั่นขึ้นมาสูง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเราที่แพงนั้น เกิดจากการปั่น การเมืองใหม่มันเป็นยุคที่หมดยุคของการค้ากำไรเกินควรแล้ว มันเป็นยุคที่ทำให้พวกเรายืนได้บนลำแข้งของเราเอง และมันเป็นยุคสิ้นสุดของการขูดรีด อย่างอำมหิตและเลือดเย็น"


 


ในตอนท้ายนายสนธิ เปิดเผยว่าอีก 2-3 วันจะรวบรวมความคิดเกี่ยวกับปรัชญาการเมืองใหม่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะตรงกับแกนนำที่คิดกัน แต่ตนจะเก่งในเรื่องการยกตัวอย่าง จะยกตัวอย่างให้ดูว่าทำไมจึงไม่เอาการเมืองเก่า และการเมืองเก่าทำให้เสียหายอย่างไร จะพิมพ์หนังสือเป็นแสนๆ เล่มแจกให้พี่น้อง และช่วยเอาไปแจกต่อๆ กันด้วย


 


 


"พิภพ"ย้ำการเมืองใหม่ช่วยคนไทยหนีทุนผูกขาด


เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 17 ก.ย. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงวิธีการที่จะนำประเทศไทยออกจากทุนนิยมโลกที่กำลังมีปัญหาว่า ต้องออกด้วยการเมืองใหม่ ซึ่งต้องสร้างด้วยประชาภิวัฒน์ ประเทศไทยถึงจะเดินออกจากทุนนิยมที่ไม่เป็นธรรมได้ ทั้งนี้ในประเทศไทยนั้นมีทุนนิยมผูกขาดอยู่ โดยตระกูลชินวัตร ซึ่งในแถลงการณ์ของพันธมิตรได้ระบุเรื่องดังกล่าวนี้ไว้อย่างชัดเจน และไม่ได้เป็นการประกาศอย่างเลื่อนลอย ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลที่ผ่านมาเป็นรัฐบาลที่เป็นทาสทุนนิยมที่มุ่งแต่หวังผลกำไร เมื่อถึงเวลาพังลงจะพังกันต่อเนื่องเป็นลูกโซ่กันไป


 


ทั้งนี้ ความคิดของพันธมิตรในเรื่องของการเมืองใหม่เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองของประเทศ ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไปจะเห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลทุนนิยมที่ผูกขาดอยู่กับตระกูลเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุให้พันธมิตรไม่สามารถรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ นอกจากนี้การต่อรองทางการเมืองที่เกิดขึ้นยังเป็นการต่อรองที่เกิดขึ้นอยู่กับกลุ่มของตนเองเท่านั้น


 


 


เผย "เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์" เสนอตั้ง "สภาราษฎร์" ควบคู่ "สภารัฐ"


นายพิภพกล่าวต่อว่า นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับการเมืองใหม่ และเสนอคิดว่าการเมืองใหม่ จะต้องมี 2 สภา คือสภารัฐ ที่จะต้องมีการทำในรูปแบบใหม่ ซึ่งมีวุฒิสภาที่มีประชาชนในทุกส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และสภาราษฎร์ ที่จะต้องมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และในขณะเดียวกันจะต้องมีการปฏิรูปสื่อ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความจริง รวมถึงในเรื่องของการศึกษาที่จะต้องมีการปฏิรูปด้วย


 


นายพิภพ กล่าวว่า ทุกวันนี้เราเรียนรู้อยู่เพียงด้านเดียวคือการเรียนรู้จากกระแสหลัก ฉะนั้นวันนี้เราต้องพาตัวเองออกจากความคิดกระแสหลักที่มีฝรั่งเป็นคนวางแนวความคิดให้คนเดินตาม เหมือนกับเจ้าชายสิทธัตถะที่ออกเดินทางออกจากวัง แล้วเห็นการ เกิด แก่ เจ็บตาย จน ตรัสรู้และสร้างศาสนาขึ้นมาใหม่ เมื่อ 2500 กว่าปีมาแล้ว โดยในวันนี้ในต่างประเทศเอง โดยเฉพาะสหรัฐ ยังมีการตั้งพรรคการเมืองที่ไม่เอาระบบทุนนิยมเช่นกัน ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับมาสู่กระบวนทัศน์อย่างวิถีของชาวพุทธ อย่างเจ้าชายสิทธัตถะ


 


 


"สมเกียรติ" ชี้ "สมชาย" ผู้สืบสันดานระบอบทักษิณตัวจริง


และเวลา 22.40 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีปราศรัยภายในทำเนียบรัฐบาลว่า ขณะนี้หลังจากที่ได้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ทำให้บ้านเมืองเราทุกวันนี้ได้ตกอยู่ในระบบ "ร่างทรง วงศ์สวัสดิ์" ผู้สืบสันดานระบอบทักษิณ หรือผู้เป็นตัวแทนถาวรของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เพราะเห็นได้จากท่าทีของนายสมชาย เคยกล่าวไว้เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ หนีคดีไปยังประเทศอังกฤษ นายสมชายก็กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล พร้อมกล่าวว่าตนก็พร้อมจะทดแทนบุญคุณ โดยการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ทุกอย่างยามทั้งสองเดือดร้อน


 


นายสมเกียรติกล่าวอีกว่า ขณะที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ กำลังพาประชาชนไปสู่การเมืองใหม่ แต่นายสมชาย เปรียบเสมือนร่างทรงที่จะคอยดึงประชาชนที่กำลังจะหลุดพ้นจากระบอบการเมืองแบบเก่า ๆ ให้กลับไปใช้การเมืองแบบเก่า ๆ ที่มีแต่วงจรการทุจริตคดโกง แต่นายสมชายไม่สามารถดึงแกนนำพันธมิตรฯ ให้กลับไปยังการเมืองแบบเก่าได้ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ยังยืนยันที่จะมุ่งหน้าไปสู่การเมืองใหม่


 


นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่าตระกูลชินวัตร และตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ร่ำรวยขึ้นมาอย่างทุกวันนี้ โดยอาศัยตลาดหลักทรัพย์ในการปั่นหุ้น โกงหุ้น และ ซุกหุ้น จนทำให้ในทุกวันนี้ทั้งสองตระกูลมีลูกหลาน ที่ร่ำรวย มหาศาล ทั้งที่แต่ละคนยังอายุไม่มาก


 


แต่อย่างไรก็ตามแม้ตระกูลชินวัตร และตระกูลดามาพงศ์ จะร่ำรวยแค่ไหน ก็ยังคงโกง เลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้น 546 ล้านบาท จนถูกศาลอาญาตัดสินเมื่อ 31 ก.ค. 2551 ให้จำคุก 3 ปี จนตอนนี้ก็ยังเป็นผู้ร้ายหนีคดีอยู่ ซึ่งในวันนี้ก็ไม่ยอมมารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก ศาลจึงเลื่อนฟังคำตัดสินไปเป็นวันที 21 ต.ค. ซึ่งก็คงต้องจับตาดูคดีของทั้งสองตระกูลนี้ต่อไป


 


 


ถามความคืบหน้า ป.ป.ช. ตรวจสอบคนตระกูลชินวัตรถึงไหนแล้ว


นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า เมื่อกล่าวถึงเรื่องของความร่ำรวยจากหุ้นไปแล้วก็ต้องขอตั้งคำถามต่อกรณี การร่ำรวยในทางอื่น ๆ ของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ที่ถูก ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปแล้วเช่น กรณีที่ ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการไต่สวน นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อ 11 ม.ค.50 ในคดีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรองประธานกรรมการ อนุญาตให้ดำเนินการก่อตั้งศูนย์โลจิสติกส์ ที่มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยไม่เปิดให้ประมูล ซึ่งระยะเวลาผ่านมากว่า 2 ปีแล้วแต่คดีดังกล่าวก็ยังไม่คืบหน้า


 


และเมื่อ 29 ม.ค. 51 ป.ป.ช. ก็ตั้งคณะกรรมการไต่สวน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก ที่อนุมัติให้มีการจ้างเหมา บริการรักษาความปลอดภัยในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้วิธีจ้างโดยวิธีพิเศษ ไม่ต้องแข่งขันกัน ซึ่งแต่เดิมตั้งงบประมาณไว้ 3,086 ล้าน แต่จู่ ๆ ก็เพิ่มเงินให้เป็น 5,400 ล้าน ซึ่งจนถึงวันนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าวก็ทำเรื่องดังกล่าวมา 6 เดือนแล้ว ตนจึงอยากทวงถามว่าเรื่องดังกล่าวไปถึงไหนแล้ว


 


และอีกคดีก็คือ การตั้งอนุกรรมการสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกที่ ในคดีที่อนุญาตให้ ร้านดิวตี้ฟรี ที่เปิดร้านอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ที่จู่ ๆ ก็อนุญาตให้ไปขายที่สุวรรณภูมิได้เลยโดยไม่ต้องประมูล ที่มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนมาตั้งแต่ 25 มี.ค.51 แต่ปัจจุบันก็ยังไม่คืบหน้าเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคดี ที่ ครม.สมัคร สุนทรเวช ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเขาพระวิหาร จนทำให้ไทยเสียดินแดนด้วย ซึ่งก็ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการเช่นกันดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องไปยัง ป.ป.ช.ว่า อย่าให้ประชาชนรอนานนัก มิเช่นนั้นจะถูกเรียกเป็น ป.ป.ร. (รอ) ก็เป็นได้


 


 


พร้อมชี้ 4 เหตุผล "สมชาย" อยู่ไม่ยืด เหตุสืบทอดระบอบทักษิณ


นายสมเกียรติกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวมหากาพย์แห่งการคอร์รัปชั่น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า "ผู้สืบสันดาน การคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทย" ได้อย่างไร ทั้งนี้ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้น่าจะเป็นรัฐบาลที่มีอายุสั้นที่สุด และจะล้มลงอย่างไม่เป็นท่า นั่นก็เป็นเพราะสาเหตุ 4 ประการด้วยกันคือ


 


1. เป็นรัฐบาลที่สืบทอดระบอบทักษิณ มาโดยตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ


2 .เป็นรัฐบาลที่มี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง


3. เป็นรัฐบาลที่อยู่เบื้องหลังของมหากาพย์การโกงชาติ ซึ่งแม้ตัวนายกรัฐมนตรีจะเคยเป็นผู้พิพากษามาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่รักษาความยุติธรรม และถูกต้องเอาไว้เลย


4. เติบโตมาจากแก๊งการเมืองที่คอยแต่แย่งยิงอำนาจ แย่งผลประโยชน์กัน


 


นายสมเกียรติกล่าวด้วยว่า นี่เป็นเพียงตัวอย่างของมหากาพย์การโกงชาติส่วนหนึ่งเท่านั้น วันหน้าตนจะเปิดโปงบริษัทที่ตั้งอยู่สิงคโปร์ ซึ่งเมื่อนั้นคนทั่วไปจะได้รู้ว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้สืบทอดอำนาจมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างแท้จริง รวมไปถึงจะเปิดเผยคดีซุกหุ้นภาค 2 ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นจุดจบของระบอบทักษิณ


 


ทั้งนี้วันนี้ตนก็ต้องขออภัยลูก ๆ ของตระกูลเหล่านี้เอาไว้ด้วยที่เหมือนต้องมารับกรรม กับการกระทำของพ่อแม่ตัวเอง ดังนั้นครอบครัวเหล่านี้จึงเป็นเหมือนพ่อแม่ทำร้ายลูก ที่ให้เอาเงินไปไว้ให้ลูก ทำให้ลูกร่ำรวยโดยไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน แล้วก็ต้องถูกสังคมตั้งคำถามในที่สุด


 


ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net