ทั้งนี้ รายงานฉบับล่าสุดชื่อ "Khoe Kay: Biodiversity in Peril (โคเก่ : หายนะของระบบนิเวศน์)" โดยเครือข่ายปฏิบัติการทางสังคมและสิ่งแวดล้อมกะเหรี่ยง (KESAN) ระบุว่า การสร้างเขื่อนจะทำให้พันธุ์พืชและสัตว์ที่หายากหลายชนิดในลุ่มน้ำสาละวินสูญพันธุ์
โกฉ่วย นักวิจัยที่ใช้เวลากว่า 3 เดือนในการเก็บข้อมูลในพื้นที่ดังกล่าวเปิดเผยว่า "จากการค้นคว้าของเรา พบว่าลุ่มน้ำสาละวิน มีพันธุ์พืชและสัตว์กว่า 394 ชนิดแตกต่างกันไป ในจำนวนนี้มีพันธุ์พืชและสัตว์ป่าท้องถิ่นอยู่ 40 ชนิด แต่ถ้าสร้างเขื่อนเสร็จเมื่อไหร่ พืชและสัตว์ป่าเหล่านั้นก็จะสูญพันธุ์ไปในที่สุด"
ในรายงานดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐบาลหาผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาประเมินถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะสร้างเขื่อน
นาย ซอเน ผู้อำนวยการจากองค์กรเฝ้าระวังแม่น้ำกะเหรี่ยง (Karen River Watch) กล่าวว่า การสร้างเขื่อนฮัตจีบนลุ่มน้ำสาละวินนั้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากการค้นคว้าระบุว่า มีชาวบ้านจำนวนกว่า 5 พันคนจาก 20 หมู่บ้านทางตอนเหนือของเขื่อนฮัตจี ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างเขื่อนจะต้องย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมประเพณีที่ได้รับการสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานก็จะสูญหาย เช่นเดียวกับที่สภาพแวดล้อมในพื้นที่สร้างเขื่อนจะถูกทำลาย เช่นการตัดไม้ทำลายป่า การเกิดน้ำท่วมก็จะมีให้เห็น
ทั้งนี้ เขื่อนฮัตจีถูกออกแบบให้ผลิตไฟฟ้า 600 เมกกะวัต และจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553 โดยโครงการสร้างเขื่อนฮัตจีนั้นได้รับการต่อต้านจากองค์กรต่างๆ มากมาย
อนึ่ง สามารถอ่านรายงาน Khoe Kay: Biodiversity in Perilได้ที่ www.salweenwatch.org
.
ที่มา:
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)