Skip to main content
sharethis

องค์กรสิ่งแวดล้อมออกมาเปิดเผยว่า โครงการสร้างสร้างเขื่อนเว่ยจีและเขื่อนฮัตจีของรัฐบาลพม่าบนแม่น้ำสาละวิน ทางทิศตะวันออกของพม่าจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในพื้นที่ รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากทหารพม่าจะเพิ่มมากขึ้น


 


ทั้งนี้ รายงานฉบับล่าสุดชื่อ "Khoe Kay: Biodiversity in Peril (โคเก่ : หายนะของระบบนิเวศน์)โดยเครือข่ายปฏิบัติการทางสังคมและสิ่งแวดล้อมกะเหรี่ยง (KESAN) ระบุว่า การสร้างเขื่อนจะทำให้พันธุ์พืชและสัตว์ที่หายากหลายชนิดในลุ่มน้ำสาละวินสูญพันธุ์


 


โกฉ่วย นักวิจัยที่ใช้เวลากว่า 3 เดือนในการเก็บข้อมูลในพื้นที่ดังกล่าวเปิดเผยว่า  "จากการค้นคว้าของเรา พบว่าลุ่มน้ำสาละวิน มีพันธุ์พืชและสัตว์กว่า 394 ชนิดแตกต่างกันไป ในจำนวนนี้มีพันธุ์พืชและสัตว์ป่าท้องถิ่นอยู่ 40 ชนิด แต่ถ้าสร้างเขื่อนเสร็จเมื่อไหร่ พืชและสัตว์ป่าเหล่านั้นก็จะสูญพันธุ์ไปในที่สุด"


ในรายงานดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐบาลหาผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาประเมินถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะสร้างเขื่อน


 


นาย ซอเน ผู้อำนวยการจากองค์กรเฝ้าระวังแม่น้ำกะเหรี่ยง (Karen River Watch) กล่าวว่า การสร้างเขื่อนฮัตจีบนลุ่มน้ำสาละวินนั้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากการค้นคว้าระบุว่า มีชาวบ้านจำนวนกว่า 5 พันคนจาก 20 หมู่บ้านทางตอนเหนือของเขื่อนฮัตจี ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างเขื่อนจะต้องย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมประเพณีที่ได้รับการสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานก็จะสูญหาย เช่นเดียวกับที่สภาพแวดล้อมในพื้นที่สร้างเขื่อนจะถูกทำลาย เช่นการตัดไม้ทำลายป่า การเกิดน้ำท่วมก็จะมีให้เห็น


 


ทั้งนี้ เขื่อนฮัตจีถูกออกแบบให้ผลิตไฟฟ้า  600 เมกกะวัต และจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553 โดยโครงการสร้างเขื่อนฮัตจีนั้นได้รับการต่อต้านจากองค์กรต่างๆ มากมาย


 


อนึ่ง สามารถอ่านรายงาน Khoe Kay: Biodiversity in Perilได้ที่ www.salweenwatch.org 


 


 


 


………………….
ที่มา: Irrawaddy 30 ก.ย.51


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net