Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

สมสุริยะ ทองสุกใส


 


บทนำ


 


สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้ ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้ากันระหว่างคู่ศัตรูในยามสงคราม...


 


ฝ่ายหนึ่งก็คือ ฝ่ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้อยู่เบื้องหลัง ยังประกอบด้วย บรรดาพลพรรคและลิ่วล้อของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดีต คมช. สนช. พรรคประชาธิปัตย์ ส.. พรรคประชาธิปัตย์ที่สอบตก ส.. สอบตก ผู้สมัคร ส.. ลากตั้งสอบตก เครื่อข่ายเนชั่น ไทยโพสต์ กลุ่มเอ็นจีโอ ผู้ดีมีตระกูลสูงศักดิ์ ฯลฯ


 


อีกฝ่ายหนึ่งได้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีแนวร่วมหลากหลายทั้งเปิดเผย และแอบซ่อน


 


ถือได้ว่าเป็นการเผชิญหน้าที่พร้อมจะปะทุเป็นสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ หลังจากที่มีการปะทะแบบสงครามย่อย ๆ มาแล้วสองสามครั้ง


 


สถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องเป็นพึ่งพิง โหราศาสตร์ ทางการเมืองก็สามารถมองเห็นได้ว่า คู่ศัตรูทั้งสองฝ่ายต่างจดจ้องชิงความได้เปรียบ ผลัดกันรุกรับ และพร้อมยกระดับความขัดแย้งแบบไม่ประนีประนอมหรือยอมเจรจา เพราะต่างก็ใช้เงื่อนไขของความรุนแรงเป็นยุทธวิธีสำคัญเหมือนกัน


 


หมายเหตุ อ่าน "มูลเหตุ 7 ประการของสงครามกลางเมือง" ของกลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง ได้ที่: กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง : มูลเหตุ 7 ประการของสงครามกลางเมือง (ประชาไท 14.. 51)


 


มูลเหตุ 7 ประการของสงครามกลางเมืองและแถมอีกหนึ่งประการ


 


1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยใช้ ส.ส.ร.3


ความพยายามของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลในการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.3 มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ "แบบมีสติสัมปัญชัญญะ" จนถึงความพยายามล่ารายชื่อ 10,000 รายชื่อเพื่อผลักดัน พ.ร.ก.นิรโทษกรรม หวังจะช่วยปลดปล่อย 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยให้ออกมาโลดแล่นในสนามการเมือง "แบบไม่ยอมรับคำสั่งของคณะรัฐประหาร 19 กันยา" ก็ไม่ต่างอะไรกับการจุดชนวนสงครามกลางเมืองนั่นเอง


 


เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่ม อีกฝ่ายก็พร้อมเคลื่อนตัวออกจากที่ตั้งมาคัดค้านแบบถวายหัว อาจรวมแขน...ขา... จนถึงทั้งตัวและเอารถยนต์ชนก็มีให้เห็น


 


ยิ่งไปกว่านั้น คำยืนยันในยามเช้าของพรรคร่วมรัฐบาลว่าไม่แก้รัฐธรรมนูญ แต่กลับ "คิดใหม่อีกทียืนยันหลักการ" ประกาศเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในยามเย็น การเติมเชื้อไฟด้วยหลักการเช่นนี้คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าในไม่ช้า...ชนวนสงครามครั้งใหม่ก็จะต้องถูกจุดขึ้นอีก ด้วยเหตุว่า การทำสงครามด้วยการจ้องหน้ากันเฉยๆ ไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาชนะได้ จำเป็นต้องมีการยกกำลังสัปประยุทธ์กันให้แตกหักในที่สุด



 


2. การที่ พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย กดดันให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรเคารพกติกา คมช.


ความพยายามสนับสนุนของ พธม. ให้เคารพกติกาที่เกิดจาก คมช. เป็น สงครามนี้ที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ชินวัตร โดยตรง


 


แน่นอนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักการเมืองที่สร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่าง จนทำให้คนจำนวนมากเข้าใจว่าเป็นคนเก่ง เพราะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ผลประโยชน์หลายอย่างลงไปถึงหมู่บ้าน


 


แต่ในหลายๆ อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำลงไป ก็มีทั้งดีและไม่ดี...ทั้งมีบางอย่างที่ผลประโยชน์ที่เกิดกับกลุ่มหรือพรรคของตนเองและครอบครัว และได้ก่อประโยชน์กับสังคม มากเท่ากับ ดังเป็นที่ประจักษ์ ตามผลคะแนนเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมา


 


แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากฝั่งของพันธมิตรฯ คือการไม่ยอมรับว่า หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง เห็นว่าคะแนนเสียงที่ได้นั้น มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และมีหลักฐานในเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ของประชาชนผู้ลงคะแนนเสียง คือ ติดงอมแงมกับนโยบายประชานิยม สามสิบบาทรักษาทุกโรค และ โง่ ถูกซื้อ


 


แม้กระทั่งผู้ปรารถนาดีต้องการให้มีการสานเสวนาเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย มองเห็นแต่มุมดีของตนเอง ปฏิเสธและไม่ยอมรับสิ่งที่กลุ่มสานเสวนา เสนอ


 


ดังนั้น สิ่งที่สังคมเห็นและเข้าใจ คือพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย พยายามดิ้นรน เพื่อให้เกิดรัฐประหาร ไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง


 


และนี่ เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง การแบ่งฝ่าย และการยึดระบบอำมาตยาธิปไตย มากกว่าประชาธิปไตย


 


ตราบใดที่พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ยังดำเนินการทุกอย่างเหมือนที่ผ่านมา สังคมไทยก็ไม่อาจก้าวพ้นความแตกแยกและการแบ่งเป็นสองกลุ่มที่พร้อมจะลงมือใช้ความรุนแรงต่อกันเพื่อห้ำหั่นให้ตาย ให้แพ้กันไปข้างหนึ่ง


 


3. 19 กันยายน 2549 คุณภาพระบบอำมาตยาธิปไตย ขาดจริยธรรม ไร้ธรรมาภิบาล โกหก เชื่อถือไม่ได้


รัฐประหาร 19 กันยายนที่ผ่านมา บ่งบอกถึง อำมาตยาธิปไตยแบบไทยๆ ทำให้คนที่ห่วงใยบ้านเมืองรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง


 


การศึกษาสูงไม่ใช่ปัญหา แต่กลับไม่ขวนขวายหายอมรับระบบหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงตามหลักการประชาธิปไตย จนกลายเป็นปัญหาถึงขั้นยึดอำนาจทำการรัฐประหาร อ้างตนเป็นคนดี มีศีลธรรม


 


ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ต้องบริหารบ้านเมืองกลับถูกแบ่งสรรกันตามโควต้า มุ้งใคร-มุ้งมัน ทั้งครม สนช สสร องค์กรอิสระ คตส ต่างๆ ไม่ได้มีความรู้ บริหารประเทศไม่ได้ ไม่เคยดูที่ความสามารถ หรือความเหมาะสม


 


...ตำแหน่งแห่งอำนาจเสมือนสมบัติผลัดกันชม เอ็งมั่ง ข้ามั่ง แบ่งๆ กันไป


 


งบประมาณกองทัพเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โกงกินกระหน่ำ รัฐวิสาหกิจต่างๆ โครงการต่างๆ อ้างคนดีมีศีลธรรม บังหน้า อ้างว่า ผมรักประชาชน แต่หักหัวคิวทั้งตามน้ำ ทวนน้ำ 15-30 เปอร์เซ็นต์ จากทุกโครงการ


 


แต่ยังไม่ทันก็ชงเมกกะโปรเจคท์ใหม่ให้กินเต็มๆ จนพุงกาง เลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่เสียก่อน


 อวิชชาครอบงำแต่ยังไม่รู้ตัว


 


ชอบยศศักดิ์แบบอำมาตยาธิปไตย แต่ทำไมไม่รวยเอารวยเอา ฟอกเงินมากนัก จนล้มละลาย แต่ยังปั้นน้ำเป็นตัว พูดอะไรไม่เคยรับผิดชอบ จริยธรรมยิ่งเสื่อมโทรม ผิดลูกผิดเมีย นอกใจ มีกิ๊กไม่อาจรู้ได้ แต่เรื่องมนต์ดำไสยศาสตร์ต้องยอมเขาๆ



 


4.พรรคพลังประชาชน โดย การถามเองตอบเอง


 


ทำการรณรงค์ทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย นานหลายปี///


 


ถามว่า.... คนพอใจหรือไม่ คำตอบ มีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ


 


ถามว่า.... คนเห็นด้วยหรือไม่ คำตอบ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย


 


ถามว่า....ทำถูกต้องหรือไม่ คำตอบ มีทั้งถูก และผิด คละเคล้ากันไป


 


ถามว่า....ช่วยปกป้องประเทศชาติหรือไม่ คำตอบ มีส่วน


 


ถามว่า....มีส่วนให้เกิดความตึงเครียดและเผชิญหน้าหรือไม่ คำตอบ บางครั้งก็มี บางครั้งก็ไม่มี


 


ถามว่า....รณรงค์ด้วยวาจา ท่วงทำนองที่ดุเดือดรุนแรง หรือไม่ คำตอบ ไม่มีมากกว่ามี


ถามว่า....คนเบื่อหรือไม่ คำตอบ เบื่อ กับ ไม่เบื่อ ไม่แน่ใจ แต่ถ้า นปก. เสื้อแดงคนเยอะมากๆ


 


ถามว่า .... ถ้าไม่มีพลังประชาชน แล้วคนจะเลือกใคร แทน คำตอบ ตอบยาก แต่เชื่อว่าน่าจะมีบ้างแต่ไม่นิยมเท่า แต่ที่แน่ๆพรรคประชาธิปัตย์ยังห่างชั้นอยู่


 


ถามว่า.... แล้วพลังประชาชน คงยืนหยัดต่อไปได้หรือไม่ คำตอบ ได้และจะดีมากๆ


 


ถามว่า พลังประชาชน..... คือมนุษย์ธรรมดาหรือไม่ คำตอบ ใช่ มนุษย์ที่ทำผิดบ้างถูกบ้าง มีจิตใจความรู้สึกถึงเพื่อนมนุษย์เช่นกัน


 


แล้วทำไม พลังประชาชน... จะหยุดคิด ใคร่ครวญ ไตร่ตรองมากขึ้นไม่ได้


 


......บอกให้แนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพักเวทีชั่วคราวได้ไหม ถ้าพันธมิตรหยุด


......แล้วริเริ่มกิจกรรมการสนทนาหลายฝ่ายได้แล้ว


......และยืดหยุ่น รับฟัง ลดการตอบโต้ใช้วาจารุนแรงไม่ได้หรือ


           


ถามว่า พลังประชาชน ทำได้หรือไม่ คำตอบ ได้แน่เลย


 


"อยู่ที่พลังของพรรคพลังประชาชน ทุกคน"



 


5. กลุ่มสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่พร้อมจะสนับสนุนให้ทหารใช้กำลังเข้าจัดการ ไม่ว่าจะขู่กดดัน ท้าทาย ให้การใช้กำลังและมีอาวุธด้วยแน่นอน ทำการยึดอำนาจ ทำรัฐประหาร เข้าสลายรัฐบาล นอกจาก 6 แกนนำแล้วยังมีทั้งอดีตนายทหารบางคน อดีตสนช สสพรรคประชาธิปัตย์ที่สอบตก ที่ประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะ และในหลายเหตุการณ์ เช่น


 


· การเตรียมเครื่องมือ ฝึกฝนการทหาร อุปกรณ์พร้อมในที่ตั้ง เพื่อรอจังหวะการเคลื่อนขบวนชุมนุมของ นปช. ออกจากสนามหลวงมาที่สะพานมัฆวาน จนมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์


· กระบวนการตาต่อตาฟันต่อฟันในหลายเหตุการณ์ เช่น การใช้มือตบพร้อมที่จะตบ ถ้าเจ้าหน้าไม่อารักขา การล้อมโรงแรมที่พักของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หลายที่หลายจังหวัด


· การใช้สถานีโทรทัศน์ASTV และวิทยุข่ายผู้จัดการ เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์กลุ่มและเครือข่ายในการต่อต้านรัฐบาล ผ่านหลายรายการทั้งวันทั้งคืน


· ทั้งสองฝ่ายต่างมีอารมณ์เคียดแค้น เกลียดชังฝ่ายตรงข้าม พร้อมจะเป็นผู้ใช้ความรุนแรงหรือสนับสนุนความรุนแรง พร้อมออกมาเผชิญหน้า หากฝ่ายตรงข้ามพยายามเคลื่อนไหวไม่หยุดการแก้รัฐธรรมนูญ


 


6. ASTV สื่อของรัฐพันธมิตรฯ วิทยุชุมชน และ NBT


ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนในสังกัดไหน หรือมีผู้ใดเป็นเจ้าของ สื่อควรทำหน้าที่และบทบาทของตัวเองอย่างเหมาะสม โดยการเสนอข่าวสารข้อมูลที่ไม่มีความเอนเอียง อคติ เสนอข่าวด้านเดียว หรือเสนอข่าวที่ฉาบฉวยที่ปราศจากมูลความจริง หรือ มีความจริงเพียงส่วนเดียว หรือเสนอข่าวที่ขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริง


 


สื่อควรเสนอข่าวที่มีความสมดุล มีมูลความจริงที่ปราศจากอคติ นักข่าว ผู้ประกาศข่าว ผู้ดำเนินรายการข่าว ทำงานอยู่บนฐานของมืออาชีพที่ปราศจากอิทธิพลการเมือง อิทธิพลของทุน หรืออิทธิพลผู้มีอาวุธ


 


 NBT ก็มีสังกัดว่าเป็นสื่อของรัฐ แม้ ASTV จะเป็นสื่อมวลชนที่มีจุดยืนเฉพาะตน หรือสื่อของรัฐพันธมิตร แต่สถานภาพของการเป็นสื่อสารมวลชน ไม่ควรละเลยการนำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงและตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งASTVต้องไม่ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อ ปั้นน้ำเป็นตัว ใช้วาจาหยาบคาย หรือใช้ ASTV เป็นเครื่องมือทางการเมือง


 


สถานีวิทยุชุมชน ควรทำโดยความเป็นมืออาชีพ ปราศจากการครอบงำโดยความคิดอำมาตยาธิปไตยและ วิทยุชุมชน ควรตอบสนองความต้องการของชุมชนและสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างกว้างขวางมากกว่าการเป็นเครื่องมือทางการเมือง


 


7. มีพันธมิตรฯ เพื่อประชาธิปไตย แต่ไม่ยอมรับประชาธิปไตย ดึงดันจะเอารัฐประหาร การเมืองแบบเก่า ถอยหลังลงคลอง ทั้ง ๆ ที่หมดความชอบธรรม ไร้ความรับผิดชอบ


มีประชาธิปไตยแต่เสมือนไม่ชอบประชาธิปไตยเป็นเช่นไร


ดูตัวอย่างได้จากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีประกาศกับสาธารณะว่า เป็นวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตำรวจมีหน้าที่ต้องจัดการให้รัฐบาลสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภา


พันธมิตรกลับประกาศปิดสภาทุกด้าน ขับไล่รัฐบาล นำพามวลชนล้อมสภา ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับการ "เปิดไฟเขียว" หรือ "หาเรื่อง" ให้ตำรวจปะทะกับผู้ชุมนุม เพื่อให้เกิดความรุนแรงโดยตรง


 


ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาข้อเท็จจริงและชดเชยความเสียหายจึงมีประโยชน์ เป็นบทเรียนสังคมไทย ไม่ใช่เพียงเป็นการสอบสวนตนเองหรือให้ลูกน้องตามจับเจ้านาย ควรค้นหาความจริง ต้นเหตุของปัญหา และหาคนผิดมาลงโทษ


 


บางฝ่ายได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา หรือลาออก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอธิการบดีหลายมหาวิทยาลัย นักวิชาการ และองค์กรต่าง ๆ ทางสังคมมากมาย ซึ่งกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาล้วนเป็นกลุ่มหนึ่งของลิ่วล้อพันธมิตรฯทางความคิดทั้งสิ้น


 


แต่ปัจจุบัน พวกเขาเหล่านั้น ตื่นจากการหลับใหล เสนอให้ยุติความรุนแรง จึงออกมาสนับสนุนแนวทางสานเสวนากัน


 


อาจจะมีแต่ กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกระมั้ง ที่ยังวางเฉย หลบซ้าย หลีกขวา เอาตัวให้รอดไปวันต่อวัน ทั้งๆ ที่พันธมิตรฯหมดความชอบธรรมที่จะเดินหน้าขับไล่รัฐบาลมานานแล้ว


 


แต่ดูเหมือนทุกฝ่ายยังเดินหน้าทำตามผลประโยชน์ของกลุ่มมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะ สงครามกลางเมืองก็เป็นสิ่งที่ไม่เกินความจริง


 


และถึงเวลาแล้วผู้ที่กำลังขับเคลื่อนให้สังคมไทยก้าวไปสู่สงครามกลางเมือง ต้องกล้าหาญแสดงความรับผิดชอบ แล้วบอกกับคนทั้งสังคมว่าสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ล่อแหลมอย่างยิ่งที่จะกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดสงครามกลางเมือง


 


 


ทางออกสุดท้าย "แก้ไขรัฐธรรมนูญอำมาตยาธิปไตย" ทุกฝ่ายกลับที่ตั้ง


ประชาชนอย่างเรา ๆ ต้องไม่เบื่อการเมือง เพราะการเมืองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน


 


รัฐบาลและรัฐสภาไม่ควรกังวล เร่งร่วมมือกันทั้ง 40 สว สสปชป ควรกลับตัวกลับใจ ด้วยการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ปี 50 นั้น ที่ไม่ดี มาจากเผด็จการรัฐประหาร แม้ว่าทำให้ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเหมือนกับ ปี 40 แต่จะต่างกันในเรื่องที่สำคัญมากๆ ซ่อนงำอยู่ เช่น ที่มาของ สว. และ สส. การจัดการพรรคการเมืองที่โกงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่นักอำมาตยาธิปไตย รับได้มากที่สุดใช่ไหม...แถมมีเทวดาศาลเจ้าอีก


 


แต่ละพรรค แต่ละกลุ่ม องค์กร ต้องลงไปให้การศึกษากับประชาชน แสดงจุดยืนทางการเมืองให้กับประชาชนรับรู้ ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็บอกเลยว่า จะแก้อะไร เช่น การได้มาซึ่ง ส.ส. ส.ว. เป็นต้น


 


ดังนั้น รัฐบาล รัฐสภา เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ50 ซึ่งเป็นทางเลือกที่สำคัญมากในวิถีประชาธิปไตย ทุกฝ่ายกลับที่ตั้ง เร่งรีบทำกระบวนการศึกษาทางการเมืองให้กับประชาชน บางคนคิดไปไกลว่า บทบัญญัติหรือมาตราในรัฐธรรมนูญ ที่เราไม่ชอบจะกลับมาอีก หากจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน อย่างน้อยเราสามารถหยุดสงครามกลางเมืองไม่ใช่อย่างที่คิดกันว่า เป็นการเลื่อนสงครามกลางเมือง


 


ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ....ซึ่งเรายอมเสียเวลา แต่เราไม่ต้องการเห็นประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองไม่ว่าแบบอนุรักษ์นิยม แบบประชาธิปไตย ที่เข้าร่วมการชุมนุมไม่ว่ากับฝ่ายไหนก็ตาม ต้อง "เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก"


 


ทางออกสุดท้าย (จริงๆ)


 


ขอให้กลุ่มประชาชนที่ไม่เอาสงคราม เหมือนเช่นข้าพเจ้า กรุณาเรียกร้องให้พันธมิตรฯยุติการชุมนุม ที่พาบ้านเมืองถอยหลังจากประชาธิปไตย โดยทันที

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net